ตอนที่ 3 : ข้าคืออดีตจอมมาร ที่กลายเป็นโจรลักพาตัวเด็ก ? (1)
ตอนที่ 3
ข้าคืออดีตจอมมาร ที่กลายเป็นโจรลักพาตัวเด็ก ?
กิสเซลล่า : แม้ข้าจะหน้าเถื่อนเหมือนโจร แต่จิตใจของข้านั้นมันดีมากเลยนะ !
ลูซิเลียส : ญาติผู้น้อง... คนที่ชมตัวเองว่าดีก็มีแต่พวกหลงตัวเองเท่านั่นล่ะ...
กิสเซลล่า : ญาติผู้พี่ ตอนนี้ไม่มีบทของท่านกลับไปนั่งรอที่แดนปีศาจเสียเถิดขอรับ !
++++++++++++++++++++++++++++
ตั้งแต่ใช้ชีวิตหลังเกษียนที่แดนมนุษย์อย่างสงบสุขมาได้ 5 ปี... ในที่สุดอดีตจอมมารก็ต้องกลับมาเจอเรื่องปวดหัวที่แม้จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ให้โลกแตก แต่ทารกร่างเล็กที่คลานเล่นไปทั่วพื้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไม่ได้รู้ตัวว่าโดนแม่ตัวเองทิ้งไว้ก็ทำให้กิสเซลล่ายิ่งกลัดกลุ้มหนักกว่าเดิม
จะให้ตามหาซาราสะย่อมเป็นเรื่องยากเกินกำลังอดีตจอมมารสุดกากอย่างกิสเซลล่าเกินไป เมื่อเพื่อนผู้กล้าไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ให้ตามตัวได้เลย ครั้นจะทู่ซี้ตามหาเจอตัวซาราสะ หากเขาเจอนางแล้วเขาจะทำอะไรได้ ? บังคับให้เอาลูกคืนไปเหรอ ? เขาได้โดนผู้กล้าทุบหัวแบะกันพอดี !
ทางเลือกเดียวของอดีตจอมมารจึงเหลือเพียงก้มหน้ารับกรรมดูแลทารกที่ถูกทอดทิ้งด้วยความจำใจในที่สุด
เมื่อตั้งใจจะเลี้ยงดูอุ้มชูเด็กคนนี้แบบไร้กำหนดส่งตัวกลับคืนพ่อแม่ที่แท้จริงในเร็ววัน ปีศาจหนุ่มจึงลุกขึ้นเดินไปหาทารกน้อย แล้วจับอุ้มเจ้าตัวน้อยที่เอียงคอมองหน้าเขาด้วยสีหน้าฉงน ว่าทำไมเขาถึงขัดจังหวะคลานเล่นสำรวจไปทั่วของพ่อหนูน้อย
“พ่อหนู ไปซื้อข้าวของเครื่องใช้จำเป็นสำหรับเจ้ากันเถอะ !”
“แอ้ !”
ทารกครึ่งเทพส่งเสียงร้องออกมาอย่างรู้ความ ให้อดีตจอมมารพยักหน้าลงชื่นชมในความฉลาดของทารกน้อย ก่อนจะออกไปข้างนอก กิสเซลล่าก็จัดการหาผ้ามาห่อตัวเจ้าตัวเล็กปิดร่างโป๊เปลือยให้ได้รับความอบอุ่นชั่วคราว พลางคำนึงว่าสถานที่แรกที่เขาจะไปคือร้านขายเสื้อผ้าเด็กเป็นอันดับแรก เพราะพ่อหนูครึ่งเทพนอกจากผ้าอ้อมแล้วก็ไม่มีเสื้อผ้าอื่นเลยสักชุดเดียว
“แม่เจ้าช่างไม่ละเอียดอ่อนเอาซะเลย แต่ไม่เป็นไรข้าจะซื้อชุดดี ๆ ให้เจ้าใส่เองนะ”
“แอ้ !”
ทารกน้อยส่งเสียงร้องรับออกมาอีกครั้ง ให้อดีตจอมมารฉีกยิ้มแสยะกว้างที่หากลูกเล็กเด็กแดงมาเห็นคงพากันร้องไห้จ้า แต่กับทารกน้อยผู้นี้แล้วเจ้าตัวกลับยิ่งหัวเราะเอิกอ้ากชอบใจที่ได้เห็นกิสเซลล่าส่งยิ้มเอ็นดู(?)ให้ตนเอง
เมืองที่กิสเซซล่าใช้อยู่อาศัย มีชื่อว่า ‘ซาเทีย’ ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ค่อนไปทางตอนใต้ของอาณาจักร ‘เลเวน่อน’ ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านของพวกมนุษย์ที่ทำหน้าที่ส่งผู้กล้าไม่ได้คุณภาพมาฆ่ากิสเซลล่าจนเกือบทำจอมมารเป็นโรคเครียดตายที่นี่จึงเป็นที่พำนักของพวกเผ่าเทพที่ถูกส่งมาเสี้ยมราชาของอาณาจักรนี้ด้วย
หากจะถามว่าทำไมเขาถึงเลือกอยู่ในประเทศที่เป็นฐานของพวกอัศวินศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้จะเลือกมาอยู่บ้านนอกไกลปืนเที่ยงแต่ก็อยู่ในเขตปกครองของพวกคนที่คิดฆ่าเขา... นั่นก็เพราะเขาเชื่อว่ายิ่งอยู่ใต้จมูกศัตรูคนพวกนั้นจะยิ่งไม่รู้ตัวยังไงล่ะ
ก็เหมือนซ่อนใบไม้ก็ต้องซ่อนในป่า อดีตจอมมารเช่นเขาเองก็ต้องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นใบไม้กลมกลืนกับผู้คน แม้จะตั้งรกร้างที่ไกลห่างผู้คนไปหน่อยแต่ด้วย แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่ถูกปรับเปลี่ยนจากการข้ามฝั่งเขตแดนที่ใช้ดาบศักสิทธิ์สร้างขึ้นมาจนเขาดูเหมือนมนุษย์แทบทุกประการ
กิสเซลล่าก็กลายเป็นที่รู้จักในฐานะชายพเนจรที่มาตั้งหลักปักฐานที่เมืองนี้เป็นหลักแหล่งจนได้ขึ้นทะเบียนเป็นพลเมืองของซาเทีย ซึ่งพลเมืองของแดนมนุษย์มีสวัสดิการอยู่ดีกินดีกว่าตอนเขาเป็นจอมมารเสียอีก !
“กิสลี่ ไม่โผล่หน้าค่าตาตั้งนานนึกว่าโดนหมีคาบไปกินแล้วซะอีก !”
เสียงทักทายที่ราวกับจะแช่งให้ตาย เรียกให้กิสเซลล่าหันไปยังคนที่เรียกด้วยความชินชา พร้อมโค้งหัวทักทายชายที่ยิ้มกว้างเดินมาตบบ่ากสเซลล่าอย่างเป็นกันเอง
“ท่านบูชเชอร์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะขอรับ”
“ฮ่า ๆ ! นั่นสิ ๆ นานจนข้านึกว่าเจ้าตายไปแล้วนะเนี่ย !”
กิสเซลล่ายิ้มรับแกน ๆ กับคำตอบของชายตรงหน้าที่ฟังทีไรกิสเซลล่าต้องพยายามทำใจให้กว้างว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจแช่งให้เขาตายเลย... ละมั้ง ?
“ไหนก็เข้าเมืองมาแล้ว สนใจอุดหนุนเนื้อร้านข้าไหมกิสลี่”
...เพราะแบบนี้ไงเลยไม่อยากจะแวะเข้าเมือง !...
กิสเซลล่าทำหน้าแหยงเมื่อเห็นรอยยิ้มเผล่ของเจ้าของร้านขายเนื้อสัตว์ ที่กิสเซลล่าถูกลากแกมบังคับให้ซื้อติดมือกลับไปเป็นประจำ ทั้ง ๆ ที่เขาบอกอีกฝ่ายปากเปียกปากแฉะว่าตนเป็นมังสวิรัติ บูชเชอร์ก็สามารถหาทางหว่านล้อมจนกิสเซลล่าต้องควักเงินจ่ายซื้อเนื้อกลับไปทุกที
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาพยายามหลบเลี่ยงการเข้ามาในเมืองโดยไม่จำเป็น เพราะถ้าเขาเหยียบเข้าเมืองเมื่อไหร่บูชเชอร์จะต้องพุ่งเข้ามาหาเขาราวกับมีจิตสัมผัสพิเศษอย่างไรอย่างนั้นรวมถึงครั้งนี้เองก็เช่นกัน
“เอาน่า ๆ สัตว์เลี้ยงของเจ้ากินเนื้อจุอยู่ไม่ใช่เหรอ ซื้อไปก็ไม่เสียหายหรอกนะ” บูชเชอร์ขยิบตาส่งให้กิสเซลล่า ดวงตาออดอ้อนของพ่อค้าหนุ่ม กิสเซลล่าก็ยิ่งทำหน้าแหยงหนักเข้าไปใหญ่
“ตอนนี้สัตว์เลี้ยงข้าไม่อยู่ขอรับ วันนี้คงไม่ได้อุดหนุนท่านหรอกนะขอรับ...”
“อ้าว สัตว์เลี้ยงเจ้าหนีออกไปอีกแล้วเหรอ ?”
“ประมาณนั้นล่ะขอรับ”
กิสเซลล่าตอบกลับไปกึ่งรับกึ่งสู้พลาง นึกถึงเจ้า ‘สปีโด้’ สัตว์เลี้ยงจอมเอาแต่ใจของตนเอง ที่พ่อค้าคนนี้เข้าใจว่ามันเป็นเพียงแค่หมาแมวทั่วไป แต่ความจริงแล้วสัตว์เลี้ยงของเขาเป็นมังกรสายหมอกที่หายากเป็นอย่างยิ่งต่างหาก
สปีโด้เป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่กับเขามานานตั้งแต่เขาเกิด พวกเขาอยู่กิน นอนด้วยกันมาครึ่งค่อนชีวิต จึงความผูกพันรักกันแน่นแฟ้นเสียยิ่งกว่าญาติพี่น้องแท้ ๆ เป็นมิตรภาพข้ามสายพันธุ์อันยิ่งใหญ่ที่ใครได้ฟังคงอาจจะซาบซึ้งน้ำตาไหล...
แม้แต่ตัวเขาเองก็เคยคิดเช่นนั้น จนกระทั่งเขาให้มันพาหนีออกมายังโลกมนุษย์ พอเขาหลุดเข้าเส้นข้ามเขตแดนโลกมนุษย์เพียงนิดเดียว สัตว์เลี้ยงสุดรักก็ถีบหัวส่งเขาลงกับพื้นอย่างไม่ไยดี แล้วกระดิกหางบินตลอนออกไปหามังกรสาว ๆ อย่างเริงร่า ทิ้งให้เขาระหกระเหินเดินเท้าข้ามน้ำข้ามภูเขาเอง จนเกือบสิ้นชีวิตอยู่หลายครั้งหลายครากว่าจะเดินทางมาถึงซาเทียเขาก็มีสภาพอย่างกับขอทานเชียวล่ะ
แต่แม้สปีโด้จะหายไปหาความสุขใส่ตัวแต่มันก็มีกฏของตัวเองคือมันจะตรงดิ่งกลับมาหาเขาทุก ๆ ครึ่งเดือน ทำให้เขาได้แต่เขม่นมันนิดหน่อย แต่พอมันกระดิกหางทำท่านอนกลิ้งไปมาเขาก็ใจอ่อนให้เจ้าสัตว์เลี้ยง กลายเป็นทาสมังกร ต้องคอยดูแลหุงหาอาหารให้มันยามที่มันอยากจะกลับมา และโดนทอดทิ้งยามเมื่อมันเบื่อ รำคาญ ... ชีวิตทาสมังกรนี้มันช่างน่ารันทดอดสูเหลือเกิน
ความจริงช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่สปีโด้จะกลับมานอนเล่นที่บ้าน แต่เพราะซาราสะปรากฏตัวมาที่บ้าน เจ้ามังกรสัตว์เลี้ยงของเขาที่กลัวผู้กล้าขี้หดตดหาย เพราะมันเคยไปทำตัวกร่างส่งเสียงขู่ใส่ผู้กล้า เลยถูกจับไปขอดเกล็ดหางทิ้งทั้งยวง สร้างฝันร้ายให้สปีโด้อย่างหนักหน่วง จนมันเข็ดขยาดซาราสะอย่างแรงเพียงแค่ได้กลิ่นซาราสะ มันก็จะบินหนีหายวับไปทันที และจะไม่หวนกลับมาจนกว่ากลิ่นของผู้กล้าจะหายไปอย่างหมดจด ทำให้เนื้อที่ซื้อไว้เหลืออื้อซ่า นี่ขนาดแอบเอามาแบ่งทำอาหารให้ซาราสะกินแล้วยังเหลืออีกเพียบจนเขายังหนักใจอยู่เลยว่าหากเจ้ามังกรของเขาไม่กลับมาเขาจะทำเช่นไรกับเนื้อพวกนั้นดี
“วันนี้ข้าคงต้องขอตัวก่อนนะขอรับ ข้าต้องไปทำธุระสำคัญต่อ”
กิสเซลล่ารีบตัดบทก่อนจะโดนชักจูงอีก จอมมารหนุ่มที่กำลังร้องไชโยในใจเมื่อตนไม่ต้องเสียเงินซื้อเนื้อ รู้สึกยินดีได้ไม่นานต้นแขนที่เต็มด้วยกล้ามเนื้อแน่นของเขาก็โดนดึงรั้งไว้พร้อมกับสีหน้าจริงจังของบูชเชอร์ที่ทำให้กิสเซลล่าเหงื่อตก
“พ่อผ้าขี้ริ้วห่อทองของข้าช่วยข้าซื้อของหน่อยเถอะ ไม่งั้นข้าโดนยัยแก่ที่บ้านบ่นหูชาแน่ !”
โปรดอย่าเข้าใจผิดว่าพ่อค้าผู้นี้มีภรรยาแล้ว เพราะยัยแก่ที่บูชเชอร์กล่าวถึงคือมารดาของตน ถึงชายที่กำลังเกาะกิสเซลล่าจะดูโตไปนิดแต่ความจริงเจ้าตัวเป็นเพียงชายหนุ่มยังอายุเข้า 18 ปีเมื่อไม่นานมานี้เท่านั้น
เจ้าของร้านขายเนื้อคนนี้ได้รับสืบทอดกิจการต่อจากบิดาที่จากไป ตั้งแต่อายุ 15 ปี จนตอนนี้ล่วงเลยมา 3 ปีแล้วที่บูชเชอร์ดูแลร้านเต็มตัว พร้อมกันนั้นก็เป็นระยะเวลาที่กิสเซลล่าถูกลากมาซื้อเนื้อร้านนี้เองเช่นกัน
“ท่านบูชเชอร์ขอรับท่านไม่มีลูกค้าคนอื่นให้ขายแล้วเหรอขอรับ ถึงได้ยัดเยียดให้ข้าแบบนี้”
“ก็เจ้าลูกค้านั่นมันยกเลิกเนื้อที่ข้าจัดหามาให้นี่แหละข้าถึงได้เดือดร้อนอยู่เช่นนี้ ถ้าหาทางปล่อยสินค้าออกไปไม่ได้ข้าต้องล่มจมแน่ !” บูชเชอร์ร้องโอดครวญออกมา ก่อนจะช้อนตาขึ้นส่งสายตาอ้อนวอนมาให้อดีตจอมมารที่ไม่ได้รู้สึกสงสาร มีแต่จะขย้อนของเก่าเพราะท่าทางที่ไม่ได้ดูเข้ากับตัวของชายหนุ่มมากกว่า
“เราเป็นเพื่อนกันมา 3 ปีแล้วนะกิสเซลล่า ช่วยข้าสักครั้งเถอะนะ”
“ท่านบูชเชอร์... “ กิสเซลล่าเรียกบูชเชอร์เสียงขรึม “ดูปากข้าให้ดีนะขอรับ... ข้า-ไม่-ซื้อ ขอรับ!”
“เจ้าคนใจร้าย !”
“ข้าเป็นมังสวิรัตนะขอรับ จะให้ซื้อเนื้อมากมายไปทำอะไรมิทราบ ” กิสเซลล่าตอบกลับไปด้วยเหตุผลแก่เพื่อนมนุษย์อย่างใจเย็น แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงกลายเป็นคนใจร้ายไปได้ทั้งที่คนที่ทิ้งให้บูชเชอร์ลำบากเป็นลูกค้าคนอื่นแท้ ๆ
“ถ้างั้น... ก็ซื้อไว้เลี้ยงเด็กคนนั้นแทนไงล่ะ !” บูชเชอร์ชี้ตัวทารกน้อยที่จ้องตาแป๋วอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ หวังใช้เด็กน้อยเป็นเหตุผลมายกอ้าง แต่ว่า...
“พ่อหนูอายุยังไม่ถึงขวบปีด้วยซ้ำ ยังกินเนื้อไม่ได้หรอกนะขอรับ”
“ซื้อไว้ก่อนก็ได้ รอโตแล้วค่อยกินไง !”
“ถึงตอนนั้นก็เน่าพอดีขอรับ !”
กิสเซลล่าเถียงกลับไปด้วยความเอือมระอาพลางกอดเจ้าตัวน้อยไว้แน่นแนบอก เมื่อเห็นท่าทางของบูชเชอร์ที่พร้อมจะกระโดดมาแย่งเด็กส่งไปยังกองเนื้อที่ถูกยกเลิกของตนเป็นการมัดมือชกให้เขาต้องซื้อเนื้อกลับไป
“เลยเวลามามากแล้วข้าต้องไปซื้อของใช้ให้พ่อหนูแล้ว ขอให้ท่านโชคดีหาทางขายเนื้อพวกนั้นได้นะขอรับ”
“อ่ะ ! กิสลี่ อย่าเพิ่งไป !”
กิสเซลล่าตัดบทอย่างไร้เยื่อไยเสร็จก็รีบหมุนตัวชิ่งหนีอย่างว่องไว ทำหูทวนลมไม่สนใจเสียงร้องตะโกนของบูชเชอร์ที่ไล่หลังมา จนพลาดไม่ได้ยินเสียงเของพ่อค้าที่กำลังร้องเตือนถึงเหตุการณ์ไม่สงบในเมืองช่วงนี้ให้อดีตจอมมารได้รับรู้
