ตัดสินใจ ใช้ชีวิตคู่
LINE | CALLING LILIN
(ว่าไง หึหึ ที่โทรกลับมาเนี่ยพร้อมทำงานแล้วใช่มั้ย?)
ปลายฝนเม้มปากบาง ๆ ของเธอ และหลับตาสงบสติอารมณ์ที่แทบอยากจะระเบิดออกมาใส่คนปลายสาย
“ไม่ต้องขู่ฉันเรื่องพี่ณภัทรหรอกค่ะ เขาไม่ใช่แฟนฉัน”
(อ้าวเหรอ? ตลกจังได้ข่าวแว่ว ๆ ว่าเขาเป็นคู่หมั้นเธอนี่ คล้าย ๆ ฉันกับพี่ติณห์ไง โถ่ ๆ ไม่ต้องเขินหรอก ไหน ๆ เราก็มีแฟนเหมือนกันเธอควรจะเข้าใจฉันนะ)
“ทำไมคุณลิลินไม่สั่งลูกน้องของคุณพ่อคุณล่ะคะ?”
(นี่! พูดมาได้ ถ้าสั่งลูกน้องพ่อฉันพี่ติณห์ก็ไหวตัวทันน่ะสิ แต่ตอนนี้เขายังไม่ง้อฉัน และฉันก็เริ่มมั่นใจมาก ๆ ว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล งั้นพรุ่งนี้เธอเริ่มงานซะ ฉันจะส่งไกด์ไลน์ไปให้ แค่นี้ล่ะ สวัสดี)
ไม่ปีศาจ ก็นางมารร้ายชัด ๆ ปลายฝนหงุดหงิดมาก ตั้งแต่เกิดมาจนโต ไม่เคยมีใครทำให้เธอประสาทเสียเท่านี้มาก่อน นางมารลิลินคนนี้เป็นคนแรก!
และมันก็ยังไม่จบแค่นี้!
‘ตึ้ง’
LINE | LILIN
[LILIN: 1. สะกดรอยตามพี่ติณห์เช้าเที่ยงเย็นจนเขากลับบ้าน 2. ถ่ายรูปผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้เขา เท่านี้ล่ะไว้ฉันคิดออกจะบอกอีกที เริ่มที่สำนักงานสายการบินเวลฟายแปดโมงเช้าเลยนะ]
[PLAIFON: ค่ะ]
[LILIN: ตอบแค่นี้?]
[PLAIFON: คุณลิลินจะให้ฉันตอบว่าอะไรล่ะคะ?]
[LILIN: บ้าจริง เธอมันบ้า!]
ใครกันแน่ที่บ้า ปลายฝนอ่านข้อความแชทสุดท้ายและลอบถอนหายใจออกมา ก่อนเธอจะลุกจากเตียงลงไปช่วยแม่บุญธรรมทำกับข้าวรอคุณหมอณภัทรเช่นเคย
ปลายฝนเป็นเด็กน่ารัก ประหยัด ถ่อมตัว และเธอจะย้ำกับตัวเองเสมอว่าอยู่ในบ้านหลังนี้ฐานะอะไร ฉะนั้นอะไรหยิบจับได้เธอก็จะช่วย
จนเธอรู้ดีว่าหมอณภัทรชอบอะไรเป็นพิเศษ และกิจวัตรแต่ละวันเขามีอะไรบ้าง
“วันนี้แม่ทำขนมจีนน้ำยาปูของโปรดพี่ณภัทรอีกแล้วเหรอคะ”
ปลายฝนชะเง้อถามแม่บีมแม่บุญธรรมของเธอ ก่อนจะเดินอ้อมไปที่โต๊ะเพื่อช่วยเตรียมผักให้
“ใช่จ้ะ ปลายฝนฝึกทำไว้นะ แต่งงานไปจะได้ทำให้พี่เขาทาน”
ได้ยินคำว่าแต่งงานทีไร ปลายฝนก็ชะงักทุกที แต่เอาเถอะ ยังไงก็ต้องแต่ง หลังจากนี้เธอจะพยายามทำตัวให้ชินก็แล้วกัน
“ค่ะ เหลือแค่ขนมจีนน้ำยาปูยังไม่ได้ฝึกทำ ว่าแต่พ่อหมอไปไหนคะ?”
“ก็ไปโรงพยาบาลน่ะสิ สองพ่อลูกเอาแต่หมกตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เอ้อ!ปลายฝนมานี่ ๆ แม่มีเรื่องจะคุยด้วย”
“คะ? มีอะไรเหรอคะ?” ปลายฝนกับแม่บุญธรรมเดินไปในนั่งที่โซฟาพร้อมกัน ทั้งคู่ปล่อยน้ำแกงปูของโปรดหมอณภัทรเดือดปุด ๆ อยู่แบบนั้น
ก่อนที่คนเป็นแม่จะถามว่า…
“หลายปีมานี้ มันยังมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นกับลูกมั้ยปลายฝน?”
ปลายฝนตกใจ เพราะเหตุการณ์นั้นมันผ่านมานานมาก และแม่เธอที่เห็นเหตุการณ์ก็ยังไม่ลืม
“แม่คะไม่มีอะไร แม่อย่าคิดมากเลยค่ะ อาจจะเป็นเจ้าที่อำแม่เล่น ๆ ก็ได้”
ปลายฝนบอกและลูบมือที่จับมือเธอด้วยความเป็นห่วง แต่แม่บีม แม่บุญธรรมของเธอ ท่านไม่สบายใจเอาซะเลย ท่านเอาแต่ขมวดคิ้วมองหน้าลูกสาวคนนี้หาความจริง
ว่าลูกของเธอกำลังโกหกอยู่หรือเปล่า
“ปลายฝน แต่แม่ไม่สบายใจเลย ลูกก็อยู่ที่นี่มาตั้งนาน ทำไมเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับลูกได้”
ปลายฝนยิ้ม พยายามข่มใจไม่ให้เผลอพูดความจริงออกมา ว่าสิ่งที่เธอพบเจอมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้มันกำลังจะทวงอะไรบางอย่างจากเธอ และนั่นก็อาจจะหมายถึงชีวิต
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แม่อย่าคิดมากเลยนะคะ”
“ไม่ให้คิดได้ยังไง ตั้งแต่วันนั้นแม่ใจไม่ดีเลย มันหวิว ๆ ในใจ ปลายฝน ลูกแต่งงานกับณภัทรเลยได้ไหม ไม่ก็ออกไปอยู่ด้วยกันก่อน แม่ร้อนใจยังไงไม่รู้ มันแปลก ๆ อยากให้หนูแต่งงานกับณภัทรเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี”
ปลายฝนก้มมองมือที่กุมอยู่ เพราะคนกุมบีบย้ำ ๆ อย่างร้อนใจ ราวกับล่วงรู้ว่าปลายฝนกำลังถูกเจ้ากรรมนายเวรทวงชีวิตคืนยังไงอย่างงั้น
ขอโทษนะแม่ที่ต้องโกหก แต่เรื่องนี้แม่ไม่รู้มันดีที่สุดแล้ว
ปลายฝนคิดในใจและยกมือว่าง ๆ อีกข้างกุมมือแม่เธออีกครั้ง เมื่อแม่เธอเป็นกังวลกับเรื่องนั้นมากและสักวันมันต้องมาถึง
ปลายฝนจึงเริ่มคิดหาวิธีอื่น ที่จะเลี่ยงไม่ให้แม่เธอเห็นชายกำยำคนนั้นอีก
“ถ้ายังไม่แต่ง หนูก็ย้ายไปอยู่ที่คอนโดพี่ณภัทรก่อนได้ใช่มั้ยคะ”
แม่ของเธอพยักหน้ารัว ๆ และยิ้มกว้างทันทีเมื่อปลายฝนถามแบบนั้น เพราะส่วนนึงครอบครัวก็ต้องการให้ทั้งสองลงเอยกัน จะได้ทันเห็นหลานตัวน้อย ๆ ก่อนตาย
“ได้สิจ๊ะ ที่คอนโดมีสองห้องนอน ไปลองใช้ชีวิตด้วยกันดูก่อน ค่อยแต่งก็ได้ ไม่ดียังไงจะได้ปรับเปลี่ยนทัน”
ถึงแม่บุญธรรมจะเสนอ แต่ในใจท่านไม่ได้คิดเช่นนั้น คนเป็นแฟนกันถ้ามีโอกาส ยังไง ๆ ก็ไม่มีทางแยกห้องนอนกันอยู่ดี
“ปรับเปลี่ยนคือยังไงคะ? เปลี่ยนเจ้าบ่าวไม่ต้องแต่งกับพี่ณภัทรแล้วแบบนี้ใช่ไหม?” ปลายฝนเอียงคอถาม หวังคำตอบในใจลึก ๆ ว่าใช่
แต่ทว่า…
“ไม่ใช่ เจ้าบ่าวยังคนเดิมจ้ะ แม่หมายถึงปรับเปลี่ยนนิสัย จูนกันให้ติดทำนองนี้”
“อ๋อค่ะ นึกว่า...”
“เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ แม่ไปดูแกงปูก่อน”
ปลายฝนยังไม่ทันพูดประโยคในใจ แม่บุญธรรมของเธอก็รีบเบรกไว้แล้วลุกขึ้นจากโซฟาไปในครัวทันที
จนตอนนี้เหลือแค่ปลายฝนที่นั่งอยู่ และเธอก็กำลังกังวลเรื่องชายกำยำคนนั้น
เพราะเรื่องมันผ่านมาแล้วเป็นสิบ ๆ ปี ทำไมแม่ของเธอไม่เคยลืม แถมยังมาพูดเอาป่านนี้
มันคือลางบอกเหตุอะไรหรือเปล่า?
หลังจากช่วยงานในครัวจนรับประทานอาหาร ปลายฝนก็เอาแต่นั่งเงียบ เธอเครียดกับเวลาครบกำหนดที่มันผ่านมาแล้วตั้งสองปี
และถ้าชายกำยำคนนั้นโผล่มาในบ้านหลังนี้ ต่อหน้าแม่เธออีกจะทำยังไง?
แม่คงไม่สบายใจ แม่คงเครียด หรือไม่ ก็คิดว่าเธอเป็นตัวอะไรสักอย่างที่สิงอยู่ในบ้าน เหมือนผีไร้ญาติทำนองนั้น
“กินน้อยจังฝน แถมพูดก็น้อยมีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า? เพิ่งได้งานนะ ร่าเริงหน่อยสิ”
พี่หมอณภัทรของปลายฝน ไม่ว่าจะเหนื่อยจากงานแค่ไหนเขาก็คอยเป็นห่วงเธอเช่นเดิม และมันก็ทำให้เธอลำบากใจมากขึ้นที่จะปฏิเสธผู้ชายคนนี้
“คะ เอ่องานค่อนข้างไม่ตรงสายน่ะค่ะ มีออกนอกพื้นที่ ฝนลำบากใจนิดหน่อย”
“อ้าว เป็นเลขาก็มีตามติดเจ้านายออกไปนอกสถานที่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? เชื่อพ่อเถอะอีกหน่อยก็ชินไม่ต้องคิดมาก”
เมื่อพ่อบุญธรรมแสนใจดีบอกมาแบบนั้น ปลายฝนก็ต้องยอมรับในงานที่ตัวเองเลือก แต่จริง ๆ เธอกลุ้มใจเรื่องแม่มากกว่า ที่มารับรู้้ความลับจนท่านคิดมากถึงมาปัจจุบัน
เธอจึงนั่งเงียบ ๆ ยิ้ม ๆ คิดคนเดียวอยู่แบบนั้น และประติดประต่อความน่าจะเป็น ที่ชายกำยำจะปรากฏตัวออกมา
สถานที่ไหนบ้าง ที่เธอพอจะเลี่ยงไม่ให้แม่รับรู้?
และอีกนานแค่ไหนนะที่จะถึงเวลา เพราะที่นี่มันเสี่ยงมาก ยี่สิบสี่ชั่วโมงของแม่มีแต่บ้านหลังนี้เท่านั้น
พอคิดไปคิดมา ปลายฝนก็พลันคิดถึงที่ ๆ นึงที่ได้ยินมาหมาด ๆ ก็คือคอนโดหมอณภัทรที่ซื้อไว้เป็นเรือนหอ และมันก็เหมาะซะเหลือเกิน
เพราะหมออย่างเขาไม่ค่อยมีเวลาอยู่ที่นั่นบ่อย ๆ หรอก และเธอเองก็แยกนอนคนห้อง ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เมื่อตัดสินใจได้ ปลายฝนก็รีบหันควับไปจับมือหมอณภัทรไว้ จนเขาสะดุ้งตกใจมองมือของเธอทันที
“มีอะไรเหรอฝน?”
“พี่ณภัทรคะ เราย้ายออกไปอยู่ด้วยกันมั้ย?”
ทุกคนบนโต๊ะอาหารเงียบและมองหน้ากัน ตกใจสุด ๆ ที่ปลายฝนโผงผางขึ้นมาแบบนั้น
ก็ปกติเธอปฏิเสธมาตลอด อยู่ ๆ เป็นคนออกปากชวนซะเองใครจะไม่ตกใจล่ะ!
“คิดอะไรอยู่หึปลายฝน อยากแต่งงานแล้วใช่มั้ย” พ่อหมอถาม และคำถามนั้นก็ทำหมอณภัทรถึงกับอมยิ้ม
“คือ... ยังก่อนค่ะ แต่วันนี้หนูลองคุย ๆ กับแม่ แม่บอกว่าอยากให้เราไปทดลองอยู่ด้วยกันและปรับจูนกันก่อน พ่อกับพี่ณภัทรว่าไงคะ ถ้ามันจะเป็นแบบนั้น”
“ได้สิ คอนโดใกล้โรงพยาบาลด้วยสะดวกณภัทรออก ใช่ไหมณภัทร”
“ครับพ่อ สะดวกมาก”
“งั้นปลายฝนพร้อมเมื่อไหร่ก็ย้ายของไปอยู่เลยแล้วกัน ลองใช้ชีวิตกันสองคนดู ขาดเหลืออะไรก็บอกพ่อกับแม่ อีกอย่างบ้านพี่ปลายฟ้าก็อยู่ไม่ไกลด้วย พ่อแม่ไปหาจะได้สะดวก”
ปลายฝนพยักหน้าเบา ๆ ตอบพ่อหมอ ซึ่งพี่ปลายฟ้า ที่ท่านพูดถึงคนนี้ ก็คือพี่สาวคนโตที่อายุห่างจากปลายฝนประมาณสองรอบ
เธอมีลูกสามคน ลูกชายคนแรกเป็นหมอ ลูกสาวฝาแฝดสองคนเป็นดารากับนักร้อง และเธอคนนี้ล่ะที่แต่งงานกับพี่นาวา ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ที่เป็นลุงของติณห์
และที่ต้องเรียกพี่ก็เพราะศักดิ์ทางเครือญาติ แต่ทั้งสองอายุอานามระดับน้า ๆ ได้เลย เพราะพ่อแม่บุญธรรมของปลายฝน มีพี่หมอณภัทรเป็นลูกหลงตอนอายุมากแล้ว
หมอณภัทรเขาจึงอายุห่างจากพี่สาว จนตกมาอยู่รุ่นราวคราวเดียวกันกับหลานของตัวเอง
นั่นก็คือณเพชร ที่เป็นหมอคนนั้น
ซึ่งปลายฝนเองก็ไม่ได้เจอเขาง่าย ๆ หรอก เพราะรายนั้นเขาจะหมกตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เตรียมขึ้นเป็นผู้อำนวยการแทนพ่อ
และว่างก็ไม่เคยมาเยี่ยมตายายหรอก เอาแต่เที่ยวตามเต๊าะหญิงตามฉบับหมอคาสิโนว่า ที่สาว ๆ หมายปอง
