ตอนที่ 3 แฟนยิ้มหวาน
ไม่น่าเชื่อว่ายิ้มหวานจะคุยกับพี่ไทน์ทุกวันเป็นระยะเวลาสองเดือนได้แล้ว พี่ไทน์เขามักจะโทรมาทุกครั้งที่ว่าง ซึ่งก็เหมือนเขาจะว่างตลอดนะ การคุยกันของเราสองคนคือถือสายค้างไว้เหมือนว่าเราเป็นแฟนกัน แต่เราไม่ได้เป็นแฟนกันน่ะสิ มันก็แค่เหมือนเท่านั้น พูดแล้วก็เศร้า
ทว่าเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งกว่านั้นคือพี่ไทน์ไม่ได้โทรหายิ้มสองวันแล้วอะ ยิ้มทักไปก็ไม่อ่าน สงสัยพี่ขนมผิงจะกลับมาหาเขาแล้วมั้ง ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าถ่านไฟเก่า คนคั่นเวลาอย่างยิ้มก็ต้องอยู่อย่างเจียมตัวเหมือนเดิม รอเขาอกหักแล้วให้เขาทักมาหา เป็นได้แค่คนคอย และยิ้มก็พร้อมจะคอยอยู่ตรงนี้เพราะรักพี่ไทน์
วันนี้วันปัจฉิมเพื่อน ๆ ได้ดอกไม้เยอะมาก บางคนก็ได้แฟนจากการสารภาพรัก บางคนก็ต้องอกหักเพราะอีกฝ่ายไม่ได้คิดเหมือนกัน ส่วนยิ้มก็มีคนให้ดอกไม้นะให้ในฐานะที่ยิ้มเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องมั้ง ไม่รู้สิ ยิ้มไม่คิดจะสนใจใคร คนเดียวที่ยิ้มสนใจคือพี่ไทน์ คนอื่นมาสารภาพรักยิ้มก็แค่ส่งยิ้มและบอกว่าขอบคุณค่ะ
ตอนนี้บ่ายสี่โมงเกือบห้าโมงเย็น ยิ้มหวานนั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนคนเดียวเนื่องจากเพื่อนชวนกันไปเข้าห้องน้ำ ยิ้มปวดขาขี้เกียจเดินก็เลยไม่ไป
ตริ๊ง
(ไทน์สิครับ: ปัจฉิมเป็นยังไงบ้าง)
กรี๊ด เขาทักมาแล้ว ในที่สุดเขาก็ติดต่อมา ติดต่อมาแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะมาบอกข่าวดีของเขา แต่เป็นข่าวร้ายของยิ้มนะ ไอ้เรื่องที่ว่า พี่กับขนมผิงคืนดีกันแล้วนะยิ้ม ไม่นะ ขออย่าให้เป็นแบบนั้นเลย
(ยิ้มหวาน: สนุกดีค่ะ)
ตอบไว ตอบไวเหมือนรอแชตจากเขาตลอดเวลา เป็นผู้หญิงที่มีศักดิ์ศรีกับทุกคน ยกเว้นผู้ชายคนนี้ที่ยิ้มอยากได้เขาเป็นแฟน
อยากถามจังว่าเขาหายไปไหนมา แต่ยิ้มก็ไม่กล้าเสี่ยง ยิ้มเป็นแค่น้องแถวบ้านไม่ควรถามเรื่องส่วนตัวของพี่เขาใช่ไหมล่ะ ถ้าเขาอยากเล่าเดี๋ยวก็เล่าให้ฟังเอง อยากรู้แค่ไหนก็ห้ามล้ำเส้นบาง ๆ ที่เราต่างก็รู้ดีว่าถ้าไม่อยากให้ความสัมพันธ์แย่ลงก็ไม่ควรข้ามเส้นนั้น
(ไทน์สิครับ: แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่)
(ยิ้มหวาน: ตอนนี้ยิ้มนั่งพักอยู่ที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใกล้ ๆ ห้องน้ำอาคารสามค่ะ เหนื่อยเดินเหนื่อยฉีกยิ้มถ่ายรูป เหงือกแห้งหมดแล้วค่า)
“ยิ้มหวาน” ใครบางคนเรียก ยิ้มจึงหันมองตามเสียงพร้อมกับวางโทรศัพท์มือถือไว้ที่โต๊ะหินอ่อน
“ว่าไง” ขานรับพลางลุกขึ้นยืนเมื่อรู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร เขาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน ไม่ใช่รุ่นน้อง เขาคนนี้ไม่ได้อยู่ห้องยิ้มนะ แค่เดินผ่านกันหลายครั้งตลอดระยะเวลา 3 ปีก็แทบจะคุยกันนับครั้งได้ เหมือนเขาจะเป็นเด็กใหม่ที่เข้ามาตอนม.4 เขาหน้าตาดีก็เลยค่อนข้างฮอต ถูกพูดถึงอยู่บ่อย ๆ
“เราได้ยินมาว่าเธอจะต่อบริหารมอเอ็มเอชใช่ปะ” นี่ถือเป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่เคยทักกัน
“อืม เราเลือกที่นั่นเป็นที่แรกและหวังว่าจะติด เธอถามทำไม”
“เราก็จะเข้าที่นั่นเหมือนกัน”
“เหรอ ดีเลย เธอเข้าคณะอะไรอะ”
“หมอ บ้านเราอยากให้เราเป็นหมอ”
“สุดยอด สู้ ๆ นะ” ยิ้มหวานส่งรอยยิ้มให้เพื่อนต่างห้อง ว่าแต่เขาชื่ออะไรนะ รู้ว่าเขาเป็นเด็กห้องหนึ่ง แต่จำชื่อไม่ค่อยได้ ปกติเพื่อนในกลุ่มชอบพูดถึงผู้ชายบ่อย ๆ พูดถึงหลายคนจนยิ้มหวานที่ไม่ได้ใส่ใจนักจำสลับกันไปหมด “เธอชื่ออะไรนะ”
“โดม เราชื่อโดม”
“อ่อ โอเคเราจำชื่อเธอได้แล้ว ว่าที่หมอโดมเป็นหมอแล้วอย่าลืมเรานะ ถ้าติดที่เดียวกันหวังว่าจะมีโอกาสเจอกันบ้าง”
“แน่นอนว่าเราไม่ลืมเธอ” โดมส่งยิ้มหล่อก่อนจะยื่นช่อดอกไม้มาตรงหน้ายิ้มหวาน “เราให้”
“หือ?”
“ให้เธอไง”
“...” ให้ช่อใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ ดอกไม้ช่อนี้ราคาน่าจะสองพันอัพ มันแพงนะ
“เราได้ยินว่าเธอยังไม่มีแฟน เราอยากรู้จักเธอมากกว่านี้จะได้ไหม”
