ตอนที่ 3: สายตาที่แอบมอง
ตอนที่ 3: สายตาที่แอบมอง
สายตาที่ไม่เคยหายไป
เสียงลมพัดแผ่วผ่านหน้าต่างไม้เก่า ๆ ของห้องนนท์ในยามเช้า กลิ่นฝนจากเมื่อคืนยังคงอวลอบอวลอยู่รอบ ๆ ตัว บ่งบอกว่าเมฆฝนยังไม่ลอยไปไหน
บนโต๊ะไม้เล็ก ๆ ข้างเตียงมีเพจเจอร์สีดำขลับวางอยู่ข้างสมุดไดอารี่ที่เปิดค้างไว้
ข้อความล่าสุดบนหน้าจอเพจเจอร์สั้น ๆ เพียงไม่กี่คำ แต่กลับทำให้หัวใจนนท์เต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
“เช้านี้ตื่นรึยังคะ :) – อัญ”
นนท์มองข้อความนั้นนิ่ง ๆ ราวกับต้องการจดจำตัวอักษรทุกตัวเอาไว้ในใจ
เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงที่ดูสมบูรณ์แบบและมีคนรุมล้อมมากมายอย่างอัญ จะส่งข้อความหาเขาก่อนแบบนี้
“ทำไมเธอถึงสนใจเรา…” นนท์พึมพำในใจ
แต่แทนที่จะหาคำตอบ เขากลับส่งข้อความกลับไปว่า....
“ตื่นแล้วครับ เจอกันที่คณะนะ”
เขาถอนหายใจยาว ๆ รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์บ่อยนัก
วันนี้เป็นอีกวันที่เขาจะได้เห็นรอยยิ้มของอัญ และนั่นเพียงพอที่จะทำให้วันธรรมดากลายเป็นวันที่มีความหมาย
บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยปลายยุค 90
ปี 1998 เป็นช่วงเวลาที่มหาวิทยาลัยเต็มไปด้วยสีสัน นักศึกษาส่วนใหญ่ยังคงใช้เพจเจอร์ โทรศัพท์สาธารณะ และเทปคาสเซ็ตต์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
ที่หน้าคณะการโรงแรมและการท่องเที่ยวมีเสียงพูดคุยคึกคัก นักศึกษาบางคนกำลังนั่งรอเพื่อนบนม้านั่งไม้
กลุ่มเพื่อนของนนท์ — ตรี, กร, และ เขต — กำลังยืนรออยู่หน้าตึก
ตรีมองนาฬิกาข้อมือก่อนหันไปทางกร “เฮ้ย วันนี้ไอ้นนท์มันช้าจังวะ”
เขตหัวเราะหึ ๆ “ก็ไม่แปลกหรอกมั้ง ช่วงนี้เห็นมันเดินกับอัญบ่อยจนคนทั้งคณะซุบซิบกันหมดแล้ว”
ทันใดนั้น นนท์ก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ
“ขอโทษนะ มาช้าไปหน่อย”
ตรีหรี่ตา “เออ ๆ ไม่ต้องพูดก็รู้ มัวแต่ใจลอยหาใครอยู่ล่ะสิ”
นนท์หน้าแดงนิด ๆ แต่พยายามทำเสียงเรียบ “ก็…ส่งข้อความตอบเพื่อนเฉย ๆ น่ะ”
กรกับเขตหันไปมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
“เพื่อน…ชื่ออัญล่ะสิ” กรพูดพร้อมขยิบตา
นนท์ไม่ตอบ แต่สีหน้าแดงจัดยิ่งกว่าตอนแรก ทำให้ทั้งสามคนยิ่งแซวกันใหญ่
มุมมองของอัญ — การแอบมองที่ไม่อาจบอก
ในขณะเดียวกัน อัญยืนมองนนท์อยู่ห่าง ๆ ผ่านบานกระจกใสของตึกเรียน
รอยยิ้มอบอุ่นของเขาท่ามกลางกลุ่มเพื่อนทำให้หัวใจของเธอสั่นไหวอย่างประหลาด
“ทำไมเขาถึงดูมีเสน่ห์ขนาดนี้นะ…ทั้งที่ไม่ใช่คนที่โดดเด่นที่สุด”
นนท์ไม่ใช่ผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลาจนใคร ๆ ต้องเหลียวมอง แต่เขามีบางสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่อยู่ใกล้
ภาพเหตุการณ์วันนั้นที่เขาช่วยลูกแมวตกน้ำยังคงชัดเจนในความทรงจำ
สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาของเขาเป็นสิ่งที่ทำให้อัญตัดสินใจเดินเข้าไปในชีวิตของเขาโดยไม่ลังเล
แต่ขณะเดียวกัน ความกลัวก็ซ่อนอยู่ลึกในใจ
ความจริงเกี่ยวกับโรคที่เธอเป็นเหมือนกำแพงสูงที่ไม่อาจข้ามไปได้
เธอไม่อยากให้นนท์ต้องเจ็บปวดเมื่อวันนั้นมาถึง
ริน เพื่อนสนิทของอัญ เดินเข้ามาพร้อมถือแฟ้มเอกสาร
“อัญ! ยืนเหม่ออะไรอยู่จ๊ะ”
อัญสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันมายิ้ม “เปล่าหรอก…แค่คิดอะไรเพลิน ๆ น่ะ”
รินหรี่ตามองอย่างสงสัย “เพลิน ๆ หรือแอบมองใครอยู่กันแน่”
อัญหน้าแดงทันที “ริน! อย่าพูดเสียงดังสิ”
รินหัวเราะเสียงใส “โอ๊ย ๆ ฉันแค่แซวเล่น แต่ก็จริงนะ…ช่วงนี้แกดูสดใสผิดปกติเลยนะอัญ”
คำพูดของรินทำให้อัญยิ้มบาง ๆ แต่ไม่ตอบกลับ
เธอไม่กล้าเล่าความจริงว่าทุกความสดใสเกิดจากผู้ชายที่ชื่อ นนท์
การบ้านกลุ่มและจุดเริ่มต้นของความใกล้ชิด
วันนี้มีคลาสวิชาการจัดการท่องเที่ยวซึ่งต้องทำโปรเจกต์เป็นกลุ่ม
อาจารย์ประกาศให้แต่ละกลุ่มนำเสนอหัวข้อที่เลือกในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
นนท์อยู่กลุ่มเดียวกับตรี กร และเขต ส่วนอัญอยู่กลุ่มกับรินและเพื่อนอีกสองคน
แต่บังเอิญหัวข้อที่ทั้งสองกลุ่มเลือกมีเนื้อหาใกล้เคียงกัน อาจารย์จึงให้ทั้งสองกลุ่มนัดประชุมร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล
การประชุมครั้งแรกจัดขึ้นในห้องสมุดมหาวิทยาลัย
อัญนั่งฝั่งตรงข้ามนนท์ ระหว่างพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูล เธอมักจะเผลอมองเขาโดยไม่รู้ตัว
สายตาของอัญเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความชื่นชม
นนท์รู้สึกได้ถึงสายตานั้น แต่พยายามทำเป็นไม่สนใจเพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดไปเองหรือเปล่า
หัวใจเขาเต้นแรงทุกครั้งที่เธอยิ้มให้ หรือเวลาที่เสียงหวาน ๆ ของเธอดังขึ้นใกล้หู
ตรีกระซิบกับกรเบา ๆ ระหว่างที่คนอื่นกำลังอธิบายแผนงาน
“ดูสิ ๆ อัญมองไอ้นนท์ตลอดเลยว่ะ”
กรยิ้มกว้าง “บอกแล้วไงว่าชัวร์แน่ ๆ งานนี้เพื่อนเราต้องมีคู่แล้วล่ะ”
ข้อความลับผ่านเพจเจอร์
คืนนั้น หลังจากแยกย้ายกลับ อัญส่งข้อความไปหานนท์
“วันนี้สนุกมากเลย ขอบคุณที่ช่วยงานนะ”
ไม่กี่นาทีต่อมา เสียงสัญญาณเพจเจอร์ของนนท์ก็ดังขึ้น
เขาหยิบขึ้นมาดูและยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“วันนี้สนุกมากเลย ขอบคุณที่ช่วยงานนะ”
– อัญ”
“เราต่างหากที่ต้องขอบคุณอัญ ขอบคุณที่ยิ้มให้เราทั้งวัน”
จากคืนนั้น ทั้งคู่เริ่มส่งข้อความหากันทุกวัน
เพจเจอร์กลายเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ทำให้หัวใจทั้งสองใกล้กันมากขึ้น แม้จะมีเพียงข้อความสั้น ๆ แต่กลับเต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง
เหตุการณ์ในห้องเรียน
วันหนึ่ง ระหว่างคลาสเรียนการจัดการโรงแรม
อาจารย์มอบหมายให้แต่ละคนยกตัวอย่างสถานการณ์จำลองเกี่ยวกับการดูแลลูกค้า
นนท์ไม่ค่อยถนัดพูดต่อหน้าคนจำนวนมาก จึงออกมาหน้าชั้นด้วยความเกร็ง
อัญนั่งมองเขาด้วยสายตาให้กำลังใจตลอดเวลา
เมื่อสบตากับเธอ นนท์รู้สึกเหมือนได้รับพลังบางอย่าง ทำให้เขาสามารถพูดจบได้อย่างราบรื่น
หลังคลาสเรียนจบ ตรีกับกรแซวทันที
“โห ไอ้นนท์ นี่ถ้าไม่มีอัญมองให้กำลังใจนะ มึงคงพูดติดขัดไปครึ่งชั่วโมงแน่ ๆ”
นนท์พยายามปฏิเสธแต่ไม่สำเร็จ สีหน้าเขาแดงจนทุกคนสังเกตเห็น
อัญยืนฟังอยู่เงียบ ๆ ใบหน้าเธอมีรอยยิ้มบาง ๆ
หัวใจเธออุ่นวาบเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นเหตุผลที่ทำให้เขากล้าขึ้น
รินเริ่มสงสัย
รินที่เป็นเพื่อนสนิทของอัญเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเพื่อน
วันหนึ่งหลังเลิกเรียน เธอเดินเคียงข้างอัญพร้อมพูดอย่างจริงจัง
“อัญ…แกมีอะไรจะเล่าให้ฉันฟังไหมช่วงนี้ แกดูมีความสุขนะ”
อัญชะงักเล็กน้อยก่อนตอบยิ้ม ๆ “ก็…ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ”
“ไม่มีจริงเหรอ” รินจ้องหน้าเพื่อน
“ถ้าไม่มีจริงแล้วทำไมแกถึงแอบยิ้มเวลาเพจเจอร์ดังล่ะ”
อัญหน้าแดงทันที “ริน!”
รินหัวเราะเสียงใส “แหม ฉันก็แค่ห่วงเพื่อนนี่นา แต่ถ้าแกชอบใครจริง ๆ ฉันก็จะคอยเชียร์นะ…แต่ขอให้เป็นคนที่ทำให้แกมีความสุขก็พอ”
คำพูดของรินทำให้อัญยิ้มทั้งน้ำตา
“ขอบคุณนะริน…แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเลย”
แต่ในใจลึก ๆ อัญยังคงเก็บงำความจริงเรื่องโรคร้ายไว้
เพราะกลัวว่าวันหนึ่งความสุขที่เธอได้รับอาจกลายเป็นความเจ็บปวดสำหรับทุกคน
ฉากโรแมนติกใต้แสงดาว
เย็นวันศุกร์ นนท์ชวนอัญไปนั่งเล่นที่สวนดอกไม้ใกล้บ้าน
อัญชอบที่นี่เพราะมีดอกไม้นานาชนิดและมีกลิ่นหอมอบอวล
ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันท่ามกลางแสงไฟสลัว ๆ และเสียงจักจั่นร้องระงม
นนท์นั่งลงบนม้านั่งไม้แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
“อัญ…เคยคิดไหมว่าดาวบนฟ้าคล้ายกับความทรงจำ”
อัญหันมามองเขาอย่างสงสัย “ยังไงเหรอ”
“แม้บางดวงจะส่องสว่างอยู่เสมอ บางดวงก็จางหายไป แต่ต่อให้มองไม่เห็น…มันก็ยังอยู่ตรงนั้นเสมอ”
นนท์ยิ้มบาง ๆ “เหมือนความทรงจำของเรา”
อัญฟังแล้วใจเต้นแรง เธอพยายามเก็บอารมณ์ไม่ให้เผลอหลุด
“งั้น…ถ้าสักวันหนึ่งอัญหายไป นนท์จะยังจำเราได้ไหม”
นนท์หันมาสบตาเธออย่างแน่วแน่
“เราจะจำอัญไปตลอด…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
คำตอบนั้นทำให้อัญน้ำตาคลอ แต่เธอกลั้นไว้ไม่ให้ไหลออกมา
เธอได้แต่ยิ้มแล้วพยักหน้าเบา ๆ
....คืนนั้นอัญส่งข้อความสุดท้ายไปยังเพจเจอร์ของนนท์
“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ เป็นวันที่เราจะไม่มีวันลืม – อัญ”
ไม่นานข้อความตอบกลับก็ปรากฏขึ้น
“เราก็เหมือนกันอัญ :)”
อัญกอดเพจเจอร์แน่นพร้อมหลับตา
แม้จะมีความกลัวและความลับซ่อนอยู่ แต่เธอเลือกที่จะเก็บความสุขเล็ก ๆ นี้ไว้ในใจ
เพราะเธอไม่รู้ว่า…จะมีโอกาสได้ใช้เวลานี้อีกนานแค่ไหน
