บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2: เจ้าสาวที่กลัวฝน

เสียงฝนโปรยปรายยามเย็นตกลงบนหลังคาสังกะสีของร้านก๋วยเตี๋ยวข้างมหาวิทยาลัยเป็นจังหวะสม่ำเสมอ บรรยากาศชุ่มฉ่ำอบอวลไปด้วยกลิ่นน้ำซุปและเสียงพูดคุยของนักศึกษาที่กำลังนั่งล้อมโต๊ะกินอาหารกันอย่างคึกคัก

ร้านนี้เป็นร้านโปรดของกลุ่มนนท์ เพราะราคาไม่แพง รสชาติอร่อย และเปิดดึก ทำให้กลายเป็นจุดนัดพบหลังเลิกเรียนเสมอ

ตรียกชามก๋วยเตี๋ยวขึ้นซดดัง ซู้ด ก่อนวางลงแล้วพูดอย่างอารมณ์ดี

“เฮ้ย ๆ ๆ วันนี้รู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลก ๆ ว่ะ ก๋วยเตี๋ยวอร่อยเป็นพิเศษเลยนะ”

กรหัวเราะหึ ๆ “หรือไม่ใช่เพราะก๋วยเตี๋ยวหรอกมั้ง แต่เป็นเพราะไอ้นนท์เพื่อนเรานี่แหละ”

เขตหันมามองทันที “เออ ๆ ใช่ วันนี้ไอ้นนท์ยิ้มทั้งวันเลยว่ะ เห็นแล้วมันหมั่นไส้”

นนท์ที่นั่งเงียบอยู่ถึงกับชะงัก เขาเหลือบมองเพื่อนทั้งสามที่กำลังทำหน้าทะเล้นใส่

“พวกมึงจะอะไรกันนักหนาวะ” เขาพูดเสียงเรียบ พยายามไม่สบตา

ตรียักคิ้ว “อย่ามาทำเนียนนะโว้ย พวกกูเห็นหมดแล้ววันนี้ มึงเดินคุยกับอัญที่หน้าคณะยิ้มหวานเชียวนะ”

กรพยักหน้าเสริม “แบบนี้เขาเรียกว่าคู่รักมหาวิทยาลัยแล้วเพื่อน”

นนท์ถอนหายใจยาว “ไม่ใช่สักหน่อย…กูแค่คุยกันเฉย ๆ”

เขตหัวเราะเสียงดัง “คุยกันเฉย ๆ แต่หน้าแดงแบบนั้นเนี่ยนะ?”

นนท์พยายามก้มหน้ากินก๋วยเตี๋ยวเพื่อหลบสายตาเพื่อน ๆ แต่ในใจกลับมีภาพรอยยิ้มของอัญลอยขึ้นมาไม่หยุด

สายฝนและร่มคันเดียว

หลังจากกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จ ฝนยังคงตกหนักไม่หยุด

ตรีและกรมีร่มส่วนตัวจึงแยกไปก่อน ส่วนเขตมีจักรยานและสวมเสื้อกันฝน ขณะที่นนท์กลับไม่มีอะไรติดตัวเลย

เขายืนมองสายฝนที่ตกกระหน่ำพร้อมถอนหายใจ

ทันใดนั้น เสียงใส ๆ ของผู้หญิงก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“นนท์! มาด้วยกันสิ”

นนท์หันกลับไป เห็นอัญถือร่มสีครีมคันหนึ่งยืนยิ้มอยู่

เธอสวมชุดนักศึกษาพร้อมเสื้อคลุมกันหนาวบาง ๆ ผมยาวดำขลับเปียกเล็กน้อยเพราะละอองฝน ใบหน้าเปล่งประกายแม้ท่ามกลางอากาศมืดครึ้ม

นนท์ตกใจเล็กน้อย “อัญ…เธอยังไม่กลับอีกเหรอ”

“เพิ่งเลิกคลาสเสริม แล้วก็เห็นเธอยืนอยู่เลยว่าจะชวนเดินไปด้วยกัน”

อัญยื่นร่มมาให้เขาถือด้านหนึ่ง

นนท์ลังเลนิดหน่อยก่อนจะเดินเข้าไปใกล้

ร่มคันเดียวทำให้ทั้งสองต้องยืนชิดกันจนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากน้ำหอมของอัญ

หัวใจของนนท์เต้นแรง เขาพยายามรักษาท่าทีให้สงบแต่ในใจกลับปั่นป่วน

“อัญไม่ชอบฝนเหรอ” นนท์ถามขึ้น

อัญเงียบไปครู่หนึ่งก่อนตอบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ

“อัญ…กลัวฝน”

นนท์หันมามองด้วยความแปลกใจ “กลัวฝน?”

“อื้ม” อัญหัวเราะเบา ๆ “ตอนเด็ก ๆ เคยมีเหตุการณ์ไม่ดีเกี่ยวกับฝนตั้งแต่นั้นมา พอฝนตกทีไรก็จะรู้สึกไม่สบายใจเสมอ”

นนท์ไม่ซักถามต่อ เพียงพยักหน้าเบา ๆ “งั้นต่อไปเวลาฝนตก เราจะอยู่ข้าง ๆ อัญเอง”

อัญเผลอชะงักเล็กน้อย ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ

“พูดอะไรแบบนี้…” เธอแกล้งถามกลั้วหัวเราะ

นนท์หน้าแดงตามทันที “เราหมายถึง…กลัวอัญจะลำบากน่ะ”

อัญยิ้มกว้างขึ้น “ผู้ชายคนนี้…ช่างซื่อตรงเหลือเกิน”

วันหยุดและร้านดอกไม้

วันหยุดสุดสัปดาห์ อัญนัดนนท์ไปที่ร้านดอกไม้เล็ก ๆ แถวชุมชนใกล้มหาวิทยาลัย

ร้านนี้เป็นของยายของอัญที่ชื่อ ยายวรรณ เธอมักมาช่วยดูแลร้านในวันหยุดเสมอ

เมื่อไปถึง นนท์รู้สึกประทับใจในทันที กลิ่นหอมของดอกไม้ตลบอบอวล สีสันของดอกกุหลาบ ลิลลี่ และดอกไม้หลากชนิดทำให้ร้านดูสดใสเหมือนโลกอีกใบ

ยายวรรณเป็นหญิงชราท่าทางใจดี เมื่อเห็นนนท์ก็ต้อนรับอย่างอบอุ่น

“อัญพาเพื่อนมาด้วยเหรอลูก หน้าตาดีเชียวนะ”

นนท์ยกมือไหว้ทันที “สวัสดีครับคุณยาย”

“สวัสดีจ้ะ ๆ เข้ามานั่งในร้านก่อนนะ” ยายพูดพร้อมหัวเราะเอ็นดู

อัญแอบมองนนท์แล้วอมยิ้ม เธอไม่เคยพาใครมาที่นี่มาก่อน

“ยายคะ นี่นนท์ค่ะ…เพื่อนสนิทของอัญ”

คำว่า “เพื่อนสนิท” ทำให้นนท์แอบรู้สึกแปลก ๆ ในใจ แต่เขาไม่พูดอะไร

หลังจากช่วยกันจัดดอกไม้สักพัก อัญก็พานนท์ออกไปนั่งพักตรงม้านั่งหน้าร้าน

เธอหันมาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“นนท์ชอบดอกไม้ไหม”

นนท์ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “เรา…ไม่เคยคิดว่าจะชอบหรือไม่ชอบนะ แต่เราชอบความรู้สึกเวลาที่เห็นคนอื่นมีความสุขเพราะดอกไม้มากกว่า”

อัญยิ้มอย่างพอใจ “นนท์พูดเหมือนยายเลยอ่ะ ยายมักบอกเสมอว่าดอกไม้ไม่ได้มีค่าเพราะราคา แต่มีค่าที่ความสุขที่มันมอบให้คนรับ”

เธอมองออกไปยังท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆครึ้ม

“ตอนเด็ก ๆ เวลาฝนตกหนัก เราจะกลัวมากจนร้องไห้ ยายจะอุ้มเราออกมาหน้าบ้านแล้วบอกว่า…

‘ไม่ต้องกลัวนะลูก ฝนก็เหมือนน้ำตาของฟ้า ร้องไห้แล้วฟ้าก็จะสดใสขึ้นอีกครั้ง’”

น้ำเสียงของอัญสั่นเล็กน้อยเมื่อเล่าถึงอดีต

“แต่บางครั้ง เราก็กลัวว่าฝนจะพัดสิ่งสำคัญในชีวิตเราไป…”

นนท์มองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน

“เราสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้ฝนพัดอัญไปไหนหรอกนะ”

อัญหันมามองเขา ตกใจที่ได้ยินประโยคนี้จากปากเขา น้ำตาคลอเล็กน้อย

“ขอบคุณนะ…นนท์”

เพื่อนเริ่มสังเกตเห็น

วันต่อมา ที่โรงอาหารคณะ

ตรีและกรกระซิบกันขณะมองไปที่นนท์ซึ่งนั่งคุยกับอัญอย่างสนิทสนม

“ชัดเลยว่ามีซัมติง” ตรีพูด

กรพยักหน้า “กูว่าอีกไม่นานไอ้นนท์คงยอมรับเองแหละว่ามันชอบอัญ”

เขตเดินมาร่วมวงด้วย “แต่กูเป็นห่วงนะเว้ย อัญน่ะสวยมาก มีคนจีบเยอะ ถ้าไอ้นนท์ไม่กล้าพูดความรู้สึกของตัวเอง ระวังจะเสียเธอไป”

ตรีถอนหายใจ “นั่นสิ ไอ้นนท์เป็นคนที่เก็บความรู้สึกเก่งเกินไป”

ทั้งสามหันไปมองเพื่อนรักพร้อมกัน

“งานนี้ต้องช่วยมันแล้วล่ะ”

ความลับของอัญ

คืนนั้น อัญกลับถึงห้องและนั่งมองกล่องยาที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอเปิดกล่องออก หยิบยามานั่งมองด้วยแววตาหม่นเศร้า

ในสมุดบันทึกมีข้อความจากหมอที่เธอไปตรวจล่าสุด

“อัญ…ภายในหกเดือนคุณต้องตัดสินใจเรื่องการรักษา หากไม่รักษา โอกาสรอดจะน้อยมาก”

อัญกอดสมุดแน่น น้ำตาไหลออกมาเงียบ ๆ

“เราจะทำยังไงดีนะ…ถ้าบอกนนท์ เขาจะรู้สึกยังไง”

เธอกลัวเหลือเกินที่จะเสียเขาไป จึงเลือกที่จะปิดบังความจริงไว้

เหตุการณ์พายุฝน

อีกไม่กี่วันต่อมา ฝนตกหนักกว่าทุกครั้ง

อัญติดอยู่ที่ตึกเรียนเพราะไม่มีร่ม เธอกลัวจนตัวสั่น ภาพเหตุการณ์ในอดีตผุดขึ้นมาในหัว

เสียงฟ้าร้องทำให้เธอกรีดร้องออกมา

ทันใดนั้น นนท์ก็วิ่งฝ่าฝนเข้ามาพร้อมร่มในมือ

“อัญ! อยู่ตรงนี้นี่เอง”

อัญพุ่งเข้ากอดเขาโดยไม่คิดอะไร น้ำตาไหลอาบแก้ม

นนท์กอดเธอแน่น พยายามปลอบ

“ไม่เป็นไรแล้วนะ เราอยู่นี่แล้ว”

เขาลูบผมเธออย่างอ่อนโยน แม้ตัวเองจะเปียกชุ่มไปทั้งตัว

อัญสะอื้น “เรา…เรากลัวฝนมาก”

นนท์กระซิบข้างหูเธอ

“ต่อไปนี้อัญไม่ต้องกลัวอีกแล้ว เพราะเราจะเป็นร่มให้เธอเอง”

คืนนั้น หลังจากส่งอัญถึงห้องพัก นนท์เดินกลับหอด้วยหัวใจที่หนักแน่นขึ้น

เขารู้แล้วว่าอัญไม่ได้เป็นแค่เพื่อนสำหรับเขาอีกต่อไป

ขณะที่อัญยืนมองฝนที่ยังตกพรำจากระเบียงห้อง เธอกอดตัวเองแน่นและพึมพำ

“ขอโทษนะนนท์…ที่เราต้องโกหก”

น้ำตาของเธอไหลออกมาผสมกับสายฝนที่ยังไม่หยุดตก…

และนี่คือจุดเริ่มต้นของความลับที่จะเปลี่ยนชีวิตทั้งสองไปตลอดกาล

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel