ตอนที่ 1: ความรักที่ไม่เคยเลือนหาย
เสียงฝนโปรยปรายลงมาเบา ๆ ในเช้าวันที่อากาศเย็นชื้น กลิ่นดินชื้นผสมกับกลิ่นหญ้าที่เพิ่งถูกน้ำฝนหล่อเลี้ยงทำให้บรรยากาศในสุสานเงียบสงบดูมีชีวิตชีวาอย่างประหลาด
ต้นไม้ใหญ่รอบ ๆ หลุมศพผลิใบอ่อนสีเขียวสดใหม่หลังพายุเมื่อคืน และดอกไม้เล็ก ๆ ที่ถูกปลูกเรียงรายไว้รอบป้ายหินอ่อนก็ผลิบานพร้อมรับแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องลงมาอย่างอ่อนโยน
ชายวัยกลางคนยืนอยู่เงียบ ๆ หน้าหลุมศพนั้น ใบหน้าของเขามีร่องรอยแห่งกาลเวลา รอยย่นบาง ๆ รอบดวงตาและริมฝีปากบ่งบอกว่าเขาผ่านเรื่องราวมามากมาย แต่ดวงตาคมเข้มคู่นั้นยังคงมีประกายของความอบอุ่นเหมือนเมื่อ 27 ปีก่อน
เขายืนเงียบอยู่นาน ราวกับกำลังรอให้ใครบางคนลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วหันมายิ้มให้เขาอย่างที่เคย
ป้ายหินอ่อนสลักชื่อ “อัญมณี ภักดีรักษ์” ตัวอักษรสวยงามคมชัด วันที่เกิดและวันที่จากไปห่างกันเพียง 22 ปีเท่านั้น
ชยานนท์ หรือ “นนท์” สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนพูดเสียงแผ่วราวกระซิบ
“เค้าคิดถึงอัญนะ…”
น้ำเสียงของเขาสั่นเล็กน้อย ดวงตาที่เคยนิ่งสงบปรากฏหยดน้ำตาเอ่อคลอ
เขาก้มลงจัดดอกไม้ในกระถางให้เป็นระเบียบ ลูบกลีบดอกเบญจมาศสีขาวที่ยังมีหยดน้ำฝนเกาะ ก่อนจะย่อตัวลงนั่ง มองป้ายหลุมศพด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“ปีนี้ดอกไม้สวยมากเลย อัญคงจะชอบใช่ไหม…”
นนท์พูดกับความว่างเปล่า แต่ในใจของเขาเหมือนอัญยังอยู่ตรงนี้เสมอ
ด้านหลังของนนท์มีเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังเข้ามา ตรี, กร, และเขต เพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนเดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ พวกเขายืนมองเพื่อนรักที่ยังคงมาหาอัญทุกปีอย่างเข้าใจ
“ปีนี้มึงมาคนเดียวอีกแล้วนะไอ้นนท์” ตรีพูดเสียงแผ่ว
นนท์หันไปยิ้มบาง ๆ “ขอบใจนะที่มามาหาอัญเป็นเพื่อนกู”
เขตมองไปที่หลุมศพแล้วถอนหายใจ “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ นะ 27 ปีแล้ว แต่เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน”
กรตบบ่านนท์เบา ๆ “มึงยังเหมือนเดิมเลยว่ะ นนท์…ยังรักอัญไม่เปลี่ยน”
นนท์ไม่ตอบอะไร เพียงยกยิ้มจาง ๆ และมองไปยังหลุมศพ
ในใจเขาย้อนกลับไปยังวันแรกที่ได้พบกับเธอ หญิงสาวที่เปลี่ยนทั้งชีวิตของเขาให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป…
ปี 1998 เมื่อความรักมาเยือน
ย่านรอบมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เต็มไปด้วยกลิ่นอายของยุค 90 ร้านเช่าวิดีโอเทปตั้งเรียงราย ร้านขายซีดีเพลงยอดฮิตมีป้ายโฆษณาของนักร้องดังติดเต็มกระจก โทรศัพท์สาธารณะตั้งเป็นแถวหน้าร้านกาแฟเล็ก ๆ และนักศึกษาที่เดินผ่านไปมาส่วนใหญ่มีเพจเจอร์ห้อยอยู่ข้างเอว
ภายในมหาวิทยาลัย อาคารเรียนของคณะการโรงแรมและการท่องเที่ยวมีบรรยากาศคึกคัก นักศึกษาปีสามต่างเร่งเดินไปยังห้องเรียนเพื่อเตรียมตัวสอบย่อย
ในกลุ่มนักศึกษานั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินเงียบ ๆ อยู่ข้างหลังเพื่อนกลุ่มใหญ่ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดและกางเกงสแลคสีดำ รองเท้าหนังเรียบง่ายไม่หรูหราแต่ดูเรียบร้อย
เขาคือ ชยานนท์ หรือ “นนท์” นักศึกษาปีสามผู้มีบุคลิกสงบ สุขุม และจริงจังกับทุกเรื่อง
ตรี, กร, และเขต เดินนำหน้าไปพลางคุยกันเสียงดัง
“เฮ้ยนนท์! เย็นนี้ไปกินก๋วยเตี๋ยวเจ้าเดิมกันไหมวะ” ตรีหันกลับมาถาม
นนท์ยิ้มบาง ๆ “ไปก็ได้ แต่ขอแวะห้องสมุดก่อนนะ”
เขตหัวเราะเสียงดัง “นี่มึงจะอ่านหนังสืออะไรนักหนาวะ อีกไม่นานก็ปิดเทอมแล้วนะ!”
กรพยักหน้าขำ ๆ “ปล่อยให้มันเป็นหนอนหนังสือไปเถอะ เอาไว้สอบเสร็จค่อยลากไปเที่ยว”
เพื่อนทั้งสามคนมักแซวนนท์เสมอว่าเป็น “เจ้าชายรองเท้าแตะ” เพราะเขาใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่เคยสนใจเรื่องแฟชั่นหรือสิ่งฟุ่มเฟือย ขณะที่เพื่อนคนอื่น ๆ พยายามตามกระแสความนิยมของยุคนั้น
การพบกันครั้งแรก
ในขณะเดียวกัน ที่อีกด้านของมหาวิทยาลัย อัญมณี หรือ “อัญ” กำลังเดินคุยกับเพื่อนสนิท ดาริน หรือ “ริน”
อัญเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์แบบธรรมชาติ ผิวขาวเนียน รอยยิ้มสดใสที่ทำให้ใครเห็นก็รู้สึกดี เธอมักแต่งตัวเรียบง่ายแต่มีสไตล์
รินเป็นเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง เธอเป็นคนพูดตรง ช่างแซว และมีอารมณ์ขัน
“อัญ ๆ ๆ แกดูนั่นสิ ผู้ชายที่เดินข้างหลังพวกนั้น…คนที่เดินเงียบ ๆ อ่ะ” รินกระซิบ
อัญเหลือบมองตามสายตาเพื่อน
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินถือหนังสือเล่มหนาในมือ ท่าทางสุขุมต่างจากเพื่อน ๆ ที่พูดคุยกันเสียงดังรอบตัว
....หัวใจของอัญเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
รินยิ้มกว้าง “แกชอบเขาเหรอ?”
อัญหน้าแดงทันที “ไม่ใช่ซะหน่อย! เราแค่…แค่รู้สึกว่าเขาดูน่าสนใจดี”
รินหัวเราะ “โอเค ๆ ถ้าบอกว่าไม่น่าสนใจแล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะยะ”
อัญส่ายหน้าแต่ยิ้มบาง ๆ ในใจลึก ๆ เธอยอมรับกับตัวเองว่าเธอแอบมองเขามานานแล้ว แต่ไม่เคยกล้าเข้าไปคุย
แรงบันดาลใจจากคู่ตายาย
คืนก่อนหน้านี้ อัญเดินกลับจากร้านขายดอกไม้ เธอเห็นคู่ตากับยายคู่หนึ่งนั่งอยู่ที่ม้านั่งในสวนสาธารณะ
ตานัยกำลังห่มผ้าให้ยายวรรณอย่างทะนุถนอม แม้อายุจะมากจนผมขาวโพลนทั้งคู่ แต่แววตาที่มองกันเต็มไปด้วยความรัก
“ยายหนาวไหม” ตาถาม
ยายยิ้มอ่อนโยน “ไม่หนาวหรอก ตาก็ใส่ผ้าเองด้วยนะ”
ภาพนั้นทำให้หัวใจของอัญอบอุ่น เธอแอบคิดในใจว่า “ถ้าฉันมีความรักที่มั่นคงและยืนยาวแบบนี้ก็คงดีนะ”
เมื่อกลับถึงห้องอัญก็นึกถึงคำพูดของรินที่เคยบอกว่า...
“อัญ เราว่านะแกควรเปิดใจให้ใครสักคนเสียที มันน่าเสียดายนะถ้าเรา…ตายไปโดยที่ไม่รู้จักความรักว่ามันเป็นยังไง”
คำพูดนั้นทำให้อัญนิ่งเงียบไป เธอรู้ดีว่าตัวเองป่วยเป็นลูคีเมีย แต่ไม่กล้าบอกใครแม้แต่ริน เพราะกลัวจะทำให้ทุกคนเป็นห่วง
คืนนั้นอัญนอนคิดทั้งคืน และสุดท้ายก็ตัดสินใจ…
“ฉันจะลองเปิดใจดูสักครั้ง ก่อนที่จะสายเกินไป”
ลูกแมวสื่อรัก
วันรุ่งขึ้น อัญเดินเล่นอยู่แถวบ่อปลาเล็ก ๆ หลังคณะ เธอเห็นนนท์กำลังพยายามช่วยลูกแมวที่ตกลงไปในน้ำ
นนท์ก้มตัวลง เอื้อมมือไปดึงลูกแมวขึ้นมาอย่างทุลักทุเล เสื้อเชิ้ตของเขาเปียกน้ำไปครึ่งตัว แต่ในที่สุดก็ช่วยมันขึ้นมาได้
“ไม่เป็นไรแล้วนะ เจ้าเหมียว” เขาพูดเบา ๆ พลางลูบตัวมันให้สงบ
อัญยืนมองภาพนั้นอยู่เงียบ ๆ หัวใจเต้นแรง เธอรู้ทันทีว่านี่คือคนที่เธออยากจะลองเปิดใจด้วย
“เขาใจดีจัง…ถ้าเป็นเขา เราน่าจะไว้ใจได้”
การเข้าหานนท์
หลังจากนั้น อัญเดินเข้าไปหาเขาทันที
“สวัสดีค่ะ นนท์ใช่ไหม?”
นนท์หันมามองอย่างตกใจ “อ…ครับ ใช่ครับ”
“เราชื่ออัญมณีนะ เรียกสั้น ๆ ว่าอัญก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เธอยื่นมือไปตรงหน้า
นนท์ลังเลเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือไปจับ รอยยิ้มของอัญสดใสจนเขาเผลอยิ้มตาม
“ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“เมื่อกี้เราเห็นนายช่วยลูกแมวน่ะ น่ารักดีนะ” อัญพูด
นนท์หัวเราะเขิน ๆ “เราแค่สงสารมันเฉย ๆ ไม่อยากให้มันจมน้ำ”
อัญมองเขาด้วยสายตาที่เป็นประกาย
“เราชอบจังคนที่มีน้ำใจแบบนี้”
นนท์ถึงกับพูดไม่ออก เขารู้สึกประหลาดใจที่ผู้หญิงสวยและดูเพียบพร้อมอย่างอัญมาพูดแบบนี้กับเขา
เพื่อน ๆ เริ่มแซว
ระหว่างที่ทั้งคู่คุยกัน เพื่อน ๆ ของนนท์เดินผ่านมา
ตรีชะงักทันที “เฮ้ย ๆ ๆ นั่นอัญมณีดาวคณะเรานี่หว่า!”
กรหันมามองแล้วหัวเราะ “ไงวะนนท์ จีบเงียบ ๆ เลยเหรอ”
นนท์รีบโบกมือ “ไม่ใช่นะเว้ย! กูเปล่า!”
เขตยักคิ้ว “ไม่ใช่ก็เหมือนใช่แหละ ดูตาอัญดิ วิบวับขนาดนั้น”
อัญหัวเราะคิก เธอไม่ได้โกรธที่เพื่อนแซว กลับรู้สึกอบอุ่นที่ได้อยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้
“เพื่อนเธอตลกดีนะ” เธอกระซิบกับนนท์
นนท์ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “อย่าไปสนใจพวกมันเลย มันก็แซวไปเรื่อย”
เย็นวันนั้น นนท์เดินไปกับพร้อมเพื่อน ๆ แต่ในใจเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ ภาพรอยยิ้มของอัญไม่ยอมหายไปจากความคิด
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงที่ดูสมบูรณ์แบบขนาดนั้นถึงเข้ามาในชีวิตเขา แต่ลึก ๆ เขารู้สึกว่า…ชีวิตของเขากำลังจะเปลี่ยนไป
เสียงของอัญยังคงก้องในหัวเขา
“เราชอบนะคนที่มีน้ำใจแบบนี้”
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรักที่จะไม่มีวันเลือนหายไปตามกาลเวลา…
