พิษรัก 8 เตือนครั้งสุดท้าย
ยอมรับนะว่าฉันรู้สึกจุกกับคำพูดของพี่องศา แล้วถ้าไม่ติดว่าตอนนี้เขากำลังป่วยฉันก็อยากจะเดินเข้าไปตะโกนถามใส่หน้าเขาดังๆ ว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า
เดี๋ยวก็มาตามติดเป็นเจ้ากรรมนายเวร เดี๋ยวก็ตีตัวออกห่างทำอย่างกับฉันไม่มีตัวตน มันสับสนและจะเป็นบ้าอยู่แล้วไม่รู้หรือไง
“ขอมีนวัดไข้หน่อยนะคะ” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอ่ยแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ พี่องศา จากนั้นก็ยื่นมือไปหวังจะแตะที่หน้าผาก
พรึ่บ!
“อย่ามายุ่งกับฉัน!” แต่กลับถูกพี่องศาตะคอกเสียงแข็งแล้วปัดมือฉันออก
“ไม่ยอมให้มีนวัดดีๆ ใช่มั้ย?”
“….” เขาไม่ตอบและเลือกที่จะเบือนหน้าหนี
ฉันจึงตัดสินใจขึ้นเตียงไปนั่งคร่อมลงบนร่างของพี่องศาโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว จากนั้นก็ล็อกมือหนาทั้งสองข้างเอาไว้
“ทำบ้าอะไรของเธอ!” พี่องศาดูตกใจกับการกระทำของฉันมาก แต่ไม่นานเขาก็ปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ
“วัดไข้ค่ะ”
“ฉันบอกว่าอย่ามายุ่งไง”
“มีนก็ไม่ได้อยากยุ่งหรอกค่ะ แต่พี่องศากำลังไม่สบาย จะให้มีนปล่อยไว้ได้ยังไง”
“ฉันดูแลตัวเองได้ ออกไปซะ”
“อยู่นิ่งๆ ได้มั้ยคะ” ฉันเมินคำไล่ของเขาแล้วออกคำสั่งแทน
“จะวัดไข้ให้ฉัน?”
“ค่ะ”
“เหอะ ล็อกมือฉันไว้แบบนี้แล้วจะวัดได้?”
“ได้สิคะ”
“วัดยังไงของ..ธะ..เธอ..” น้ำเสียงของพี่องศาสะดุดไปในตอนที่ฉันโน้มใบหน้าลงไปใกล้ๆ แล้วหน้าผากของตัวเองไปแนบกับหน้าผากของเขาเพื่อที่จะวัดไข้
ทำให้สายตาของเราสอดประสานกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ความรู้สึกของฉันคล้ายกับกำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ โลกทั้งใบมันหยุดหมุน ร่างกายไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว
มีเพียงหัวใจดวงน้อยๆ ที่กระตุกเต้นอย่างรุนแรงประท้วงความหวั่นไหว
“วัดไข้เสร็จหรือยัง?” อยู่ๆ พี่องศาก็โพล่งขึ้น ทำเอาฉันตกใจจนรีบถอยตัวออกห่าง
ตอนนี้หัวใจดวงน้อยมันยิ่งเต้นเร็วขึ้นกว่าเดิมเป็นสิบเท่า เขาจะรู้หรือเปล่านะว่าฉันรู้สึกอะไร
“สรุปฉันหรือเธอกันแน่ที่ไม่สบาย?”
“กะ…ก็พี่องศาไงคะ”
“เหรอ แล้วทำไมหน้าเธอมันถึงแดงแบบนั้นล่ะ?” พี่องศาจ้องฉันอย่างจับผิด น้ำเสียงของเขาไม่ได้เย็นชาแต่เหมือนกำลังไล่ต้อนฉันให้จนมุม “เขิน?”
“มะ…ไม่ได้เขินค่ะ พะ…พี่องศาตัวร้อนมาก รีบเช็ดตัวก่อนดีกว่านะคะ” ว่าจบฉันก็หันหลังเดินเข้าไปในห้องน้ำ เอาน้ำอุ่นใส่กะละมังรวมถึงหยิบผ้าขนหนูติดมือมาด้วยเพื่อเช็ดตัวให้เขา
“ฉันจะขอเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้ายนะ” พอออกจากห้องน้ำฉันก็ชะงักอยู่กับที่เพราะอยู่ๆ พี่องศาก็โพล่งขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ตะ…เตือนอะไรคะ” ขณะที่รอฟังหัวใจของฉันก็พานกระตุกวูบเป็นจังหวะหน่วงๆ
“ออกไปและอย่ามายุ่งกับฉัน”
“มีน..”
“ถ้าเธอไปซะตอนนี้ฉันจะเลิกยุ่งกับเธอ” พี่องศาหันหน้าหนีไปทางอื่นราวกับทนมองฉันไม่ได้ จากนั้นเขาก็พูดต่อ “แต่ถ้าเธอไม่ไปฉันจะถือว่าเธออยากให้ยุ่ง”
ฉันค่อนข้างตกใจกับคำพูดของพี่องศา เขาจริงจังซะจนฉันรู้สึกกลัว แต่อีกใจนึงฉันก็คิดว่านี่อาจจะเป็นเพราะพิษไข้ที่กำลังเล่นงานเขา เพราะปกติพี่องศาไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรแบบนี้ออกมาหรอก
ดังนั้นฉันจึงเลือกที่จะเมินเฉยถ้อยคำเมื่อสักครู่ ทำราวกับไม่ได้ยินอะไรแล้วเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ เขาบนเตียง
หรือต่อให้พี่องศาจะยึดคำพูดเมื่อกี้จริงๆ ฉันก็ไม่สามารถทิ้งเขาไว้ได้อยู่ดี
“เช็ดตัวนะคะ”
“ฉันจะถือว่าเธอเลือกแล้วนะ”
ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเริ่มปลดกระดุมเสื้อของพี่องศาด้วยมือที่สั่นเทาและหัวใจที่เต้นแรง
หลังจากนั้นฉันก็ค่อยๆ เช็ดตัวให้เขาโดยเริ่มจากใบหน้าหล่อเหลาที่แดงซ่าน ทุกการกระทำและทุกการเคลื่อนไหวของร่างกายฉันถูกสายตาของพี่องศาจ้องมองอยู่ตลอด
จนตอนนี้มันเริ่มจะรู้สึกเขินขึ้นมาจนทำตัวไม่ถูก เขาจะจ้องอะไรขนาดนั้นนะ หน้าฉันมีอะไรติดอยู่หรือไง
“นะ…หน้ามีนมีอะไรติดเหรอคะ” น้ำเสียงของฉันมันสั่นเครือผิดปกติ มือเล็กก็เริ่มอยู่ไม่นิ่ง
สุดท้ายฉันจึงเลือกที่จะก้มหน้าลง เพราะขนาดฉันถามไปแบบนั้นแต่พี่องศาก็ยังเอาแต่มองหน้าฉันเงียบๆ และไม่ยอมตอบอะไรเลยด้วย
เขาจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าตอนนี้หัวใจฉันมันเต้นแรงจนจะทะลุอกออกมาอยู่แล้ว
อยู่ๆ มือหนาก็ยื่นมือเชยปลายคางของฉันดันให้เงยหน้าขึ้นช้าๆ นัยน์ตาของพี่องศาเรียบนิ่งและยากที่จะคาดเดา ไม่ว่าฉันจะพยายามมองลงไปลึกแค่ไหนก็ตาม
ใบหน้าคมคายเขยิบเข้ามาใกล้จนปลายจมูกของเราแตะชนกัน หัวใจของฉันยิ่งเต้นแรงขึ้นทุกนาที น่าแปลกนะ ทั้งๆ ที่ฉันควรจะผลักไสเขาออก แต่กลับ..
กลับหลับตาลงช้าๆ แล้วปล่อยให้ริมฝีปากหนาค่อยๆ ทาบทับลงมา…
พี่องศาบดริมฝีปากฉันอย่างอ่อนโยน เขาไม่ได้จูบแบบปากแตะปาก แต่ขบเม้มและดูดดึงมันอย่างทะนุถนอม
ฉันชอบและหลงใหลไปกับรสจูบที่อ่อนโยนของเขา
สติของฉันกระเจิดกระเจิงและอยู่ไม่นิ่ง สัมผัสของพี่องศาทำให้ช่องทองของฉันปั่นป่วน ภายในอกเกิดมวลความรู้สึกบางอย่าง
ยิ่งพี่องศาจูบฉันหนักเน้นขึ้นเท่าไหร่ ก็คล้ายกับว่ามันถูกสัมผัสนั้นกลืนกินไปเรื่อยๆ
แกร๊ก!
“โอม!” แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะ ทำให้ฉันรีบผละตัวเองออกจากพี่องศา นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นพี่องศาเสียอาการชัดเจนมากขนาดนี้
ดูเหมือนว่าเมื่อกี้พี่องศาเองก็ไม่มีสติเลยเหมือนกัน
ฉันหันไปมองผู้หญิงที่เรียกพี่องศาอย่างสนิทสนม ซึ่งเธอก็คือซอล ผู้หญิงที่เขาเคยพามานอนที่บ้าน
มันรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ใจอยู่เหมือนกันนะที่เห็นเธอในเวลาแบบนี้ เพราะมันทำให้เห็นว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปที่นอนกับเขาแล้วก็แยกย้ายทางใครทางมัน
แต่ดูเธอจะสำคัญกับพี่องศามากกว่านั้น
ไม่อย่างนั้นพี่องศาไม่ยอมให้เธอเรียกชื่อเล่นของเขาหรอก
“ฉันมาดูแลโอมค่ะ” ซอลบอกกับฉัน เธอพยายรมปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เพราะเมื่อกี้ตอนที่เธอเปิดประตูเข้ามาแล้วตะโกนเรียกพี่องศาเสียงดังเธอดูตกใจมากกว่าที่จะหึงหวงหรือโกรธ
“….” ฉันเลือกที่จะไม่ตอบอะไรซอล แล้วหันมองพี่องศา ลึกๆ มันอยากจะถามให้รู้แล้วรู้รอดว่าเขาอยากให้ใครอยู่ดูแลระหว่างฉันกับซอล
แต่พอเห็นเขาเอาแต่จ้องมองซอลเหมือนกลัวเธอจะเข้าใจผิด ฉันก็คิดได้ว่าตัวเองคือส่วนเกินของเขา ฉันจึงเลือกที่จะเดินออกมาแบบเงียบๆ
ก่อนจะก้าวขาพ้นจากขอบประตูฉันหันกลับไปมองพี่องศาอีกครั้ง ก็พบว่าเขายังเอาแต่มองซอล ไม่มีสักวินาทีที่ใบหน้าของฉันจะปรากฏอยู่ในแววตาของเขา…
พี่องศาคงจะรักผู้หญิงคนนี้มาเลยสินะ…
