พิษรัก 6 สำออย
คำพูดไร้ยางอายของผู้หญิงคนนี้สร้างความไม่พอใจให้ฉันมาก ทำทีเป็นพูดผิดคิดว่าฉันโง่จนดูไม่ออกหรือยังไง คงอยากจะป่าวประกาศจนตัวสั่นเลยสินะว่าตัวเองได้ขึ้นเตียงกับพี่องศา
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ถือ” ฉันตอบกลับเสียงเรียบ แม้ว่าในใจจะร้อนรุ่มและปั่นป่วนมากก็ตาม
“แหม ใจดีจังเลยนะคะ” เธอคนนั้นฉีกยิ้มกว้างแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆ ฉัน “ฉันชื่อซอลลี่ค่ะ หรือเรียกซอลเฉยๆ ก็ได้เป็นเมี…”
“ฉันจะไปทำงานแล้ว เธอจะออกไปพร้อมกันเลยไหม?” อยู่ๆ พี่องศาก็พูดแทรกขึ้น ทำให้ซอลต้องหยุดชะงัก เธอเดินกลับไปควงแขนเขาแล้วออดอ้อนออเซาะ
“ซอลต้องไปกับโอมอยู่แล้วค่ะ” เห็นท่าทางของเธอที่ทำเป็นเกาะแกะพี่องศาแล้วฉันรู้สึกไม่ชอบใจเอาซะเลย
ดูก็รู้ว่าตั้งใจทำเพื่อเยาะเย้ยฉัน
“วันนี้เธอนั่งแท็กซี่ไปเองก็แล้วกัน” พี่องศาหันมาบอกฉันแล้วเดินออกไป แต่ฉันก็เรียกรั้งเอาไว้ด้วยความสงสัย
“หมายความว่ายังไงคะ”
“ฉันให้คนเอารถคันอื่นไปเช็กสภาพ เหลือไว้แค่รถของฉัน”
“แล้วทำไมพี่ไม่บอกมีนสักคำเลยล่ะคะ” ฉันรู้ว่าพี่องศาก็เป็นคนในครอบครัวของเรา แต่ก่อนที่เขาจะทำอะไรแบบนี้เขาควรที่จะบอกฉันก่อนไม่ใช่เหรอ
“หึ” มีเพียงเสียงแค่นหัวเราะที่ดังลอดออกมาจากลำคอหนา ก่อนที่เขาจะเดินควงแม่นั่นออกไปขึ้นรถที่หน้าบ้าน
ฉันจึงรีบวิ่งตามออกไป เพราะรู้ว่าพี่องศาตั้งใจจะแกล้งกันชัดๆ ในเมื่อเขาทำแบบนี้ฉันก็จะไม่ยอมอยู่เฉย ฉันวิ่งไปดักทางด้านหน้าแล้วยืนขวางรถพี่องศาเอาไว้
ปี๊ด! ปี๊ด!
เขาบีบแตรใส่ฉันหลายต่อหลายครั้ง แต่ฉันก็ไม่ยอมถอย จนสุดท้ายพี่องศาก็ต้องเปิดประตูเดินลงมาจากรถ
“ทำบ้าอะไรของเธอ!!” เสียงทุ้ทเกรี้ยวกราดตวาดดังลั่น
“ก็พี่อยากแกล้งมีนก่อนทำไมล่ะคะ”
“หลบไป ฉันไม่มีเวลามาเล่นไร้สาระกับเธอ”
“ทีตัวเองมีธุระสำคัญต้องไปทำแล้วยังมองว่าการที่มีนขวางทางแบบนี้เป็นการไร้สาระ แล้วคิดว่าสิ่งที่พี่ทำมันมีสาระมากหรือไงคะ”
“ไม่มีแล้วมันยังไง?” พี่องศากดเสียงต่ำ ไม่ได้ตวาดเหมือนในตอนแรก แต่ฉันกลับสัมผัสได้ถึงอารมณ์คุกรุ่นที่มีมากกว่าเดิม
“ทำไมถึงโตมาเป็นคนแบบนี้กันคะ” ฉันพูดออกไปอย่างเหลืออด รู้ว่าถ้อยคำนี้อาจจะดูใจร้ายสำหรับเขา แต่ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
พี่องศานิ่งเงียบไป และเขาดูเหมือนจะโกรธฉันมากกว่าเดิม ร่างสูงปรี่เข้ามากระชากแขนฉันอย่างแรงแล้วดึงเข้าหาตัวเอง
“ก็เพราะความระยำของครอบครัวเธอไง ถึงได้ทำให้ฉันต้องเป็นคนแบบนี้!!”
พี่องศาตะเบ็งเสียงดังลั่นจนฉันตกใจสะดุ้ง เขาขบกรามแกร่งจนใบหน้าคมคายสั่นเทา แถมดวงตายังแดงก่ำและจ้องหน้าฉันราวกับอยากจะฆ่าให้ตาย
นะ…นี่เขาเป็นอะไรกัน ทำไมอยู่ๆ ถึงได้น่ากลัวมากขนาดนี้
“โอ๊ย…มีนเจ็บนะคะ” ฉันร้องท้วงเพราะพี่องศาบีบข้อมือของฉันแรงขึ้นเรื่อยๆ
“พูดมาสิ คนแบบฉันมันทำไมฮะ!!”
“โอม!! ลืมไปแล้วเหรอคะว่าเรากำลังจะไปไหนกัน!!” ผู้หญิงคนนั้นตะโกนเรียกพี่องศาเสียงดังลั่น น่าแปลก ทั้งที่เราก็ยืนอยู่ใกล้กันมาก แต่ทำไมเธอถึงต้องตะโกนขนาดนั้นด้วย
เธอทำราวกับว่าอยากเรียกเพื่อเตือนสติพี่องศามากกว่าเรียกให้รีบออกไปธุระ
หรือฉันคิดมากไปเอง
ผลั่ก!
พี่องศาผลักฉันจนล้มลงกับพื้น ก่อนจะรู้สึกถึงความเจ็บแสบที่เกิดขึ้นกับร่างกาย จึงก้มลงมองแล้วได้ห็นว่าหัวเข่าข้างซ้ายของฉันเป็นแผลจากการถูกผลัก แถมตอนนี้ยังมีเลือดไหลออกมาเยอะมากๆ
ฉันเงยหน้ามองพี่องศาด้วยสายตาผิดหวัง ขณะที่เขาเพียงแค่จ้องบาดแผลของฉันอย่างเย็นชา ไม่ได้รู้สึกผิดหรือคิดที่จะสนใจฉันเลยสักนิด
และไม่นานหลังจากนั้นพี่องศาก็หันหลังเดินไปขึ้นรถ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่รถของลอว์ขับเข้ามาจอดข้างๆ กันพอดี
ที่ฉันรู้ว่าเป็นรถของลอว์ก็เพราะเขาเปิดประทุนขับมันเข้ามา และนั่นก็ทำให้พี่องศาที่กำลังจะก้าวขาขึ้นไปบนรถชะงักแล้วตวัดสายตามองลอว์อย่างไม่สบอารมณ์
ส่วนลอว์จ้องมาที่ใบหน้าฉันเพียงอย่างเดียว ก่อนจะเดินลงจากรถมาพยุงฉันขึ้น
“ไปทำแผลก่อนมั้ย”
“ไม่เป็นไร นิดหน่อยเอง”
“นิดหน่อยตรงไหนวะ เลือดออกขนาดนี้” ลอว์บอกเสียงดุ
“สำออย!” พี่องศากระแทกเสียงก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งด้านในรถแล้วขับออกไปด้วยความเร็ว
เขาเป็นอะไรอีกล่ะ ทำฉันเจ็บแถมยังไม่คิดจะช่วย พอมีคนมาช่วยก็มาแขวะกันแบบนี้
“มันเป็นใคร” ลอว์เค้นเสียงเข้มถาม และมันที่เขาพูดถึงนั้นคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่องศา
“ช่างเถอะ รีบไปเรียนดีกว่า” ฉันบอกปัดเพราะไม่อยากให้ทั้งสองคนต้องข้องเกี่ยวกัน
มองแวบเดียวก็รู้ว่าพี่องศาคงไม่ชอบหน้าลอว์ และลอว์เองก็ไม่ชอบหน้าพี่องศาเหมือนกัน
“ไม่อยากบอกก็ตามใจ แต่ต้องไปทำแผลก่อน”
สุดท้ายฉันก็ปฏิเสธลอว์ไม่ได้ เขามัดมือชกพาฉันมาทำแผลที่คลินิกไม่ไกล จากนั้นเราก็แวะไปกินข้าวด้วยกัน ก่อนจะไปยังคอนโดของลอว์ วันนี้ฉันกับเพื่อนๆ ต้องติวหนังสือกันอย่างจริงจังแล้ว
คฤหาสน์หลังใหญ่
องศานั่งถอนหายใจออกมาหนักๆ พยายามระงับสติอารมณ์ที่เดือดดาลของตัวเอง เขาคิดว่าที่ตัวเองยังโมโหเป็นเพราะถูกเดือนมีนาต่อว่าเป็นเชิงบอกว่าเขาไม่มีใครคอยสั่งสอน
ทว่าแท้จริงแล้วชายหนุ่มขุ่นข้องใจที่เห็นผู้ชายคนอื่นแตะต้องเดือนมีนาต่างหาก เพียงแค่องศาไม่อยากจะยอมรับมันก็เท่านั้น
“ทีหลังแกอย่าเผลอหลุดปากแบบนั้นอีก อยากให้ทุกอย่างมันพังก่อนรึไง!” เสียงเข้มของบัญชาดังขึ้น อารมณ์ของเขาก็กำลังเดือดดาลไม่ต่างจากองศา หลังได้ฟังเรื่องราววุ่นวายที่เกิดขึ้นจากปากของซอลลี่
“ขอโทษครับอา” องศากัดฟันตอบแล้วเหลือบหางตามองค้อนใส่เพื่อนรักอย่างซอลลี่
ใช่แล้ว ทั้งสองไม่ได้เป็นคู่นอนกันอย่างที่แสดงออก แต่ซอลลี่เป็นเพื่อนที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับองศามาตั้งแต่เด็กๆ และเธอก็รับรู้ถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาด้วย
“ถ้าเด็กนั่นรู้เรื่องทุกอย่างก่อน แผนเราจะพัง ทางที่ดีแกอยู่ให้ห่างมันเอาไว้ ยิ่งตอนนี้ไอ้ธนินมันไม่อยู่ เป็นโอกาสดีที่แกจะได้ทำลายโคตรเหง้าของพวกมัน!”
