ลวงรัก 9 บุคคลปริศนา
เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วยามเย็นที่บินผ่านไปมา ปลุกให้เนตรชนกที่เผลอหลับไปหลังจัดของเสร็จรู้สึกตัวตื่นขึ้นในเวลาโพล้เพล้ ดวงตะวันใกล้จะลาลับขอบฟ้าเต็มที
เธอปรับสายตาให้คุ้นชินกับการตื่นเพราะภายในห้องไม่ได้เปิดไฟไว้จึงค่อนข้างมืด ก่อนที่จะหยัดกายลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ
จากนั้นก็เดินลงไปยังชั้นล่างเพื่อดูว่ามีอะไรที่พอจะทำกินได้บ้าง เนื่องจากตอนนี้กระเพาะของเธอกำลังหิวโหย
ฝีเท้าเล็กชะงักอัตโนมัติเมื่อพบกับร่างสูงของใครบางคนที่กำลังนั่งดูไอแพดอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น แม้เขาจะมีใบน้าคล้ายคลึงกับธนิน ทว่าเธอค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่คนเดียวกัน
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?” คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยขึ้นขณะที่สายตายังไม่ละไปจากไอแพด และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมตอบคำถาม องศาจึงเอ่ยถามอีกครั้ง “ผมถามคุณนั่นแหละ เนตรกนก”
“พะ…เพิ่งกลับมาค่ะ” น้ำเสียงของเธอสั่นเครืออย่างหนักจากความหวาดหวั่น เพราะไม่เคยรู้จักเขามาก่อนจึงกลัวว่าความลับเรื่องที่สลับตัวกันจะแตก
“เป็นอะไรไป?” ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเนตรกนกในความคิดขององศาทำเอาเขาอดสงสัยไม่ได้ ดวงตาคมละออกจากจอสี่เหลี่ยมแล้วตวัดขึ้นมองว่าที่พี่สะใภ้ของตน
“เปล่าค่ะ” หญิงสาวสะกดกลั้นความกลัวเอาไว้แล้วบังคับโทนเสียงไม่ให้สั่นเครือตอบกลับเขา
“พี่ธนินให้ผมรอเจอคุณ”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“คืนนี้พี่ธนินกลับดึกเลยบอกให้กินข้าวเลยไม่ต้องรอ”
“ค่ะ…” เธอพยักหน้ารับเบาๆ โดยไม่คิดที่จะถามว่าธนินมีธุระอะไร
“ผมก็จะออกไปดื่มกับเพื่อนเหมือนกัน ไม่ต้องรอนะครับ” ว่าจบองศาก็หยัดกายลุกขึ้นยืนพร้อมกับติดกระดุมเสื้อสูต จากนั้นก็ถือไอแพดเดินออกจากคฤหาสน์ไป ไม่ได้รอการตอบกลับจากคนตัวเล็ก
เนตรชนกลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่อีกฝ่ายไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่านั้น ไม่อย่างนั้นเธอคงเผลอปล่อยไก่ให้เขาจับพิรุธได้แหงๆ
หญิงสาวก้าวเดินเข้าไปในภายในครัวแล้วเปิดตู้เย็นค้นดูของสดที่พอจะเอามาทำเป็นมื้อเย็นของตนเองได้ จากนั้นก็เริ่มลงมือทำเมนูง่ายๆ อย่างผัดกะเพราะหมูสับ
ผับ’XXN
“ลมอะไรหอบมึงมาหากูถึงที่นี่?” ขุนเขาเจ้าของผับเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่กำลังหย่อนตัวนั่งลงชงเครื่องดื่มของตัวเองด้วยความแปลกใจ เพราะตั้งแต่ที่ธนินคบหากับเนตรกนกนั้นเขาก็ไม่ได้ติดต่อเพื่อนฝูงอีกเลย
“แค่อยากดื่ม” เขาตอบกลับสั้นๆ ก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปากรวดเดียวจนหมดแก้ว
“ท่าทางมึงเหมือนมีอะไรมากกว่านั้นนะ” ด้วยความที่คบกันมานานและต่างคนต่างรู้จักนิสัยใจคอกันดี จึงทำให้ขุนเขาไม่เชื่อในคำพูดของเพื่อน
“มึงเคยเจอหรืออยู่ใกล้ๆ คนที่ป่วยหรือมีแนวโน้มเป็นโรคสองบุคลิกไหม?” ไม่รู้อะไรที่ทำให้เขาเอ่ยถามเพื่อนออกไปแบบนั้น ภายในหัวมีเรื่องให้คิดมากมายจนมันตีกันยุ่งไปหมด
“มึงว่าไงนะ?” คำถามของธนินทำเอาขุนเขาขมวดคิ้วเข้มด้วยความงุนงง สีหน้าและแววตาของอีกฝ่ายดูหนักใจกับเรื่องนี้จนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ “ใครเป็นโรคสองบุคลิกวะ”
“เปล่า” ธนินเลือกที่จะปฏิเสธเมื่อตั้งสติกลับมาได้ เขาไม่ควรพูดอะไรออกไปโดยที่ยังไม่มีหลักฐาน “กูแค่ถามเฉยๆ”
“มึงเห็นว่าบนหัวกูมีเขางอกไหมไอ้ธนิน” ขุนเขายังคงไม่เชื่อ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรอีก เพราะรู้ดีว่าหากคนอย่างธนินเลือกที่จะไม่บอกแล้ว ต่อให้เอาปืนมาง้างมันก็ไม่เป็นผล “แล้วนี่ออกมาแบบนี้เมียมึงไม่บ่นรึไง”
“ถ้าเป็นเมียคนนี้…ก็คงไม่”
“วันนี้มึงพูดจาแปลกๆ นะ เมียคนนี้คืออะไรวะ สรุปมึงมีเมียกี่คนกันแน่?”
“นั่นสิ กูมีเมียกี่คนกันแน่”
Talk เนตรชนก
หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จฉันก็เก็บกวาดทำความสะอาดพวกจานชามและเครื่องครัวที่เอามาใช้ จากนั้นก็พยายามเดินไปรอบๆ บ้านเพื่อดูว่ามีอะไรให้ทำบ้าง
“คุณเนตรทำไมออกมาเดินค่ำๆ มืดๆ แบบนี้ล่ะคะ เพ็ญว่าเข้าบ้านดีกว่าเดี๋ยวจะไม่สบายเอานะคะ” ระหว่างนั้นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้น พอหันไปดูจึงเห็นว่าเป็นหญิงวัยกลางคนซึ่งน่าจะเป็นแม่บ้านของที่นี่
“พอดีเนตรเพิ่งตื่นน่ะค่ะ ไม่อยากอยู่เฉยๆ เลยมาหาอะไรทำ คุณมีอะไรให้เนตรช่วยไหมคะ^^”
คุณแม่บ้านมีสีหน้าที่แปลกไปทันทีหลังจากที่ได้ยินฉันถามแบบนั้น
“อะ…เอ่อ…ระ…เรียกว่าป้าเพ็ญดีกว่าค่ะ” น้ำเสียงเธอติดขัดแปลกๆ แล้วทำไมถึงต้องทำสีหน้าเหมือนเห็นผีแบบนั้นด้วยนะ
ฉันแปลกไปมากหรือยังไง ปกติพี่นกไม่ได้พูดหรือทำอะไรแบบนี้เวลาอยู่ที่นี่เหรอ…
“ค่ะป้าเพ็ญ มีอะไรให้เนตรทำบ้างไหมคะ” ฉันเลือกที่จะปล่อยผ่านเรื่องเมื่อครู่ แล้วถามย้ำป้าเพ็ญอีกครั้ง
“ไม่มีหรอกค่ะคุณเนตร คุณเนตรเป็นผู้หญิงของคุณธนินจะมาทำงานได้ยังไงกันคะ อีกอย่างกำลังท้องกำลังไส้แบบนี้…ปะ…ป้าว่า…พะ…พักผ่อนดีกว่าค่ะ” ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงของป้าเพ็ญสั่นเครือเอามากๆ ราวกับกลัวว่าฉันจะโกรธ “ปะ…ป้าไม่ได้สั่งสอนนะคะ ปะ…ป้าแค่หวังดี…”
ตอนนี้ฉันงงมากจริงๆ ทำไมท่าทางป้าเพ็ญถึงต้องกลัวฉันขนาดนี้กัน
“เนตรไม่ได้คิดแบบนั้นเลยค่ะ อย่าคิดมากเลยนะคะ”^^” ถึงอย่างนั้นฉันก็ส่งยิ้มกลับไป ป้าเพ็ญจะได้ผ่อนคลาย
“ค่ะๆ ยังไงป้าขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
“ค่ะ…”
ป้าเพ็ญเหลือบมองฉันแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปอีกทาง
เฮ้อ…ดูเหมือนว่าตอนพี่นกอยู่ที่นี่ เธอจะต่างกันสุดขั้วกับฉันเลยสินะ แต่จากครั้งนั้นที่เจอกันฉันก็พอจะเดาได้ว่าพี่นกคงเป็นคนที่ขี้หงุดหงิดและอารมณ์ร้อน
ขนาดฉันเป็นน้องสาวแท้ๆ และตอนนั้นเธอก็กำลังต้องการความช่วยเหลือจากฉัน แต่ก็ยังโวยวายใส่ฉันเลยนี่นา
ช่างเถอะ…กลับเข้าบ้านก็แล้วกัน
ฉันหมุนตัวกำลังจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน ทว่าก็ดันเจอกับใครอีกคนที่เพิ่งกลับเข้ามาจากข้างนอก เธอคนนั้นก็ดูเหมือนกำลังจะเดินเข้าบ้านเหมือนกัน แต่พอเห็นฉันเธอก็หยุดชะงัก
“หายไปตั้งนานยังจะมีหน้ากลับมาอีกเหรอ หน้าด้านจริงๆ”
อะไรกัน…ทำไมอยู่ๆ เธอคนนี้ถึงได้พูดจาแบบนี้ใส่ฉันล่ะ หรือว่าก่อนหน้านี้ตอนที่พี่นกยังอยู่ที่นี่ ทั้งสองคนจะไม่ถูกชะตากัน…
“อย่าคิดนะว่าฉันจะยอมให้แกกับธนินได้ลงเอยกันดีๆ”
