บท
ตั้งค่า

ลวงรัก 10 อาการแปลกๆ

ฉันขมวดคิ้วเป็นปมแน่นกับคำพูดของคนตรงหน้า เธอเป็นใครกัน ทำไมถึงบอกว่าจะขัดขวางความรักของพี่นก หวังว่าคงจะไม่ใช่ผู้หญิงในสังกัดของคุณธนินหรอกนะ

แม้ภายนอกเขาจะดูน่ากลัวแต่เขาก็เหมือนจะหลงพี่นกมาก คงไม่ใช่พวกคนเจ้าชู้ที่มีผู้หญิงเยอะๆ หรอกใช่ไหม

“ฉะ…ฉันขอตัวก่อนนะคะ” ฉันเลือกที่จะไม่ต่อปากต่อคำเพราะกลัวว่าจะโป๊ะแตกจนถูกจับได้ ก่อนจะตั้งท่าเดินเลี่ยงเข้าไปในบ้าน ทว่าก็ช้ากว่ามือของผู้หญิงคนนั้นที่คว้ามากระชากแขนฉันเอาไว้ให้หันกลับไปเผชิญหน้าอย่างรุนแรง “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะคะ”

“เป็นบ้าอะไรของแก อยู่ๆ ก็มารับบทนางสำออย ไม่ปากดีเหมือนเมื่อก่อนแล้วเหรอ?” เธอพูดมาแบบนี้แสดงว่าคงจะไม่ถูกกับพี่นกจริงๆ สินะ

“ฉันจะไปพักผ่อนค่ะ” ฉันตอบกลับด้วยคำพูดที่ฟังดูเป็นกลางมากที่สุด บิดแขนตัวเองออกจากข้อมือของเธอแล้วเดินกลับเข้าไปภายในบ้าน ขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง

ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงช้าๆ ในหัวเฝ้าถามตัวเองซ้ำๆ ว่าฉันคิดถูกแล้วใช่ไหมที่ยอมช่วยแม่กับพี่นก แค่วันแรกก็รู้สึกได้ถึงความวุ่นวายที่กำลังจะตามมาในอนาคต

แล้วถ้าเกิดความดันแตกก่อนที่พี่นกและแม่จะกลับมาฉันจะไม่ซวยก่อนใช่ไหม…

วันต่อมา

ฉันลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย เพราะเมื่อวานกว่าจะหลับก็เกือบตีสาม พอตื่นมาก็รู้สึกหนักๆ ที่หน้าท้องจึงชะโงกหน้ามองปรากฏว่าเห็นท่อนแขนของใครบางคนพาดกอดเอวฉันอยู่

ฉันพลิกตัวหันไปมองทางด้านหลังด้วยความตกใจ ก่อนจะพบกับคุณธนินที่นอนหลับอยู่ หัวใจดวงน้อยกระตุกเต้นตุ้บๆ จนหวิวในอก รู้สึกถึงความร้อนผ่าวบนใบหน้าของตัวเอง

ขะ…เขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แล้วนอนกอดฉันแบบนี้ทั้งคืนเลยอย่างงั้นเหรอ…

แล้วทำไมฉันจะต้องใจเต้นแรงแบบนี้ด้วยนะ ท่องไว้สิว่าเขาเป็นสามีพี่นก เป็นสามีพี่นก ไม่ใช่คนที่เธอควรจะไปรู้สึกอะไรด้วยนะเนตรชนก

หลังกำจัดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองออกไปได้แล้วฉันก็ค่อยๆ แกะแขนของคุณธนินออก จากนั้นก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปเรียน

ฉันมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก รอยที่คุณธนินทำไว้เมื่อคราวก่อนยังคงอยู่จางๆ ฉันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เวลาได้แผลหรือช้ำแดงตรงไหนมันจะจางช้ากว่าปกติ

เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จฉันก็เดินออกจากห้องน้ำเอาผ้าเช็ดตัวไปเก็บ

“ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกผม?”

เฮือก!

ฉันสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อเดินออกมาแล้วเห็นคุณธนินนั่งก้มหน้าอยู่ตรงปลายเตียง น้ำเสียงเมื่อครู่ให้ความรู้สึกขนลุกแปลกๆ

“ผมถามทำไมไม่ตอบ” เสียงต่ำย้ำขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าฉันเงียบ

“คะ…คือเนตรไม่กล้าปลุกน่ะค่ะ คิดว่าเมื่อคืนคุณน่าจะกลับดึก”

“เหรอ” คุณธนินเอ่ยตอบสั้นๆ ทำเอาฉันรู้สึกแปลกๆ ทั้งๆ ที่มันก็ไม่มีอะไรให้พูดมากไปกว่านั้น แล้วทำไมฉันถึงได้รู้สึกแบบนี้กัน

“จะไปเรียน?”

“ค่ะ”

“เดี๋ยวผมไปส่ง” พูดจบคุณธนินก็หยัดกายลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าขนหนูเตรียมจะอาบน้ำ

“เอ่อ...คือ…”

“ไม่มีเอ่อ ลงไปรอผมข้างล่าง” ฉันยังพูดไม่ทันจบก็ถูกเขาแทรกขึ้นซะก่อน “…หรือจะรอข้างบนก็ได้ถ้าอยากเห็นไอ้นั่น”

ทั้งๆ ที่คุณธนินไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่สมองของฉันกลับรับรู้ได้ทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร แล้วใบหน้าก็พลันร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง

“ฉะ…ฉันไปรอข้างล่างดีกว่าค่ะ” ฉันรีบเดินออกจากห้องทันทีหลังพูดจบ หัวใจเต้นระรัวมากตอนนี้ ทำไมเขาถึงได้ชอบพูดจาทะเล้นทะลึ่งใส่ฉันนักนะ…

จากนั้นไม่นานคุณธนินก็ตามลงมา เรากำลังจะเดินไปขึ้นรถด้วยกัน

“เฮียจะไปส่งพี่เนตรเหรอคะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้ฉันและคุณธนินชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันกลับไปมองยังต้นทางของเสียง

“ใช่ แล้วนี่ทำไมเรายังไม่แต่งตัวอีก?” คุณธนินถามเธอกลับ

“พอดีวันนี้มีนไม่มีเรียนน่ะค่ะ เลยกะจะออกไปช็อปปิงกับเพื่อน” ผู้หญิงคนนี้เธอคงชื่อมีนสินะ

เดาจากบทสนทนาและใบหน้าที่คล้ายคลึงกับคุณธนินแล้ว เธอคงจะเป็นน้องสาวของเขาแน่ๆ

“ไม่มีเรียนหรือโดด”

“ไม่มีเรียนจริงๆ ค่ะ ยังไงมีนไปก่อนนะคะ ไปนะคะพี่เนตร^^” คุณมีนบอกลาคุณธนิน ก่อนจะหันมาโบกมือส่งยิ้มสดใสให้ฉัน

“บะ…บ๊ายบายค่ะ^^” ฉันเองก็ส่งยิ้มแล้วโบกมือตอบเธอ จากนั้นเธอก็ตรงไปขึ้นรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่ข้างๆ แล้วขับออกไป

“ขึ้นรถสิ” คุณธนินบอกฉันก่อนที่เขาจะเดินนำไปขึ้นรถฝั่งคนขับ ฉันจึงรีบเดินตามไปขึ้นทางฝั่งข้างคนขับทันที

มหาวิทยาลัย

“ย้ายเมื่อไหร่ ทำไมผมไม่รู้เรื่อง” ร่างสูงข้างๆ เอ่ยถามเมื่อรถสปอร์ตคันหรูจอดนิ่งสนิทที่หน้ามหา’ลัยของฉัน

ฉันอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่าฉันไม่ได้ย้ายมหา’ลัย แต่ฉันเรียนอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก

“พะ…พอดีช่วงนั้นเนตรยุ่งๆ น่ะค่ะเลยไม่มีเวลาบอก”

“ไม่มีเวลา? แต่เมื่อวานไม่ได้ทำอะไรเลยไม่ใช่หรือไง”

“….” พอโดนตอบกลับมาแบบนี้ทำเอารู้สึกหน้าชาเหมือนกันนะ เขาไม่ได้หลอกว่าฉันใช่ไหม…

“ช่างเถอะ ผมคงไม่ได้สำคัญกับคุณเท่าเมื่อก่อน ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่หายไป” อยู่ๆ คุณธนินก็ตัดพ้อเสียงแผ่ว ทั้งๆ ที่เขาหมายถึงพี่นก แต่ฉันกลับรู้สึกผิดราวกับเป็นตัวเองซะงั้น

“มันไม่ใช่แบบนั้นนะคะ คือฉัน…”

“ไปเรียนเถอะ ผมต้องเข้าบริษัทต่อ” เขาพูดแทรกฉันแบบนี้อีกแล้วนะ เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย เดี๋ยวก็โกรธ วันนึงมีกี่อารมณ์กัน

เป็นแบบนี้บ่อยๆ ฉันก็รู้สึกอึดอัดเหมือนกันนะ

“ค่ะ” ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ฉันทำได้ก็มีแค่นี้ “ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” พูดจบฉันก็เปิดประตูลงจากรถแล้วเดินเข้ามหา’ลัยไปทันที

พักกลางวัน

ฉันกับฝุ่นลงมากินข้าวกันที่โรงอาหาร วันนี้ฉันรู้สึกอยากกินแกงส้มขึ้นมาแต่ฝุ่นอยากกินส้มตำ เราก็เลยแยกกันไปซื้อ ตอนนี้ฉันกำลังต่อคิวอยู่

“รับอะไรดีจ๊ะหนูเนตร” ป้าแม่ค้าทักฉันอย่างอารมณ์ดี เป็นปกติที่ฉันจะรู้จักแม่ค้าของที่นี่ พอดีเคยมารับจ้างเป็นลูกมือชั่วคราวน่ะ

“เอาแกงส้มชะอมค่ะป้าพิศ” จริงๆ ป้าแกชื่อพิศมัยแต่ฉันเรียกสั้นๆ น่ะ

“สามสิบห้าบาทจ้า” ป้าพิศบอกพร้อมกับยื่นถ้วนแกงส้มให้ฉัน

“ขอบใจจ้ะ” ฉันจ่ายเงินไปสามสิบห้าบาทพอดี จากนั้นก็เดินกลับไปที่โต๊ะ เห็นฝุ่นกำลังนั่งรออยู่

“กินเผ็ดอีกแล้วเหรอ เดี๋ยวก็ปวดท้องอีกหรอก” ฉันร้องถามเมื่อเห็นว่าส้มตำที่ฝุ่นสั่งแทบจะกลายเป็นสีแดงเพราะมีแต่พริก

“ก็ช่วงนี้มันอยากกินเผ็ดแปลกๆ น่ะ แล้วนี่เนตรคิดยังไงกินแกงส้มเนี่ย”

“ไม่รู้สิ อยู่ๆ ก็อยากกินน่ะ” ฉันตอบพร้อมกับเอาช้อนตักแกงส้มขึ้นเตรียมจะกิน ทว่ากลับต้องชะงักกับกลิ่นฉุนของมันที่ลอยออกมา

“อื้อ! ทะ…ทำไมเหม็นจัง…” ฉันวางช้อนแล้วรีบเอามือปิดจมูกทันที

“เป็นอะไรไป ทำไมอยู่ๆ อยากอ้วกอีกแล้วล่ะ” ฝุ่นรีบวางช้อนแล้วถามไถ่ฉันอย่างเป็นห่วง

“มะ…ไม่รู้สิ…อื้อ! มะ…เหม็น…ดะ…เดี๋ยวเนตรมานะ” ว่าจบฉันก็รีบลุกขึ้นวิ่งไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็อ้วกออกมาจนหมดไส้หมดพุง มันเพลียเอามากๆ หลังจากอ้วกเสร็จ

ทำไมฉันถึงได้มีอาการแบบนี้กัน ปกติเวลากินอะไรก็ไม่เคยเหม็นจนถึงขั้นทนไม่ไหวเลยนี่นา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel