ลวงรัก 11 หลบหน้า
ฉันเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารอย่างคนหมดเรี่ยวแรง หย่อนตัวนั่งพลางฟุบใบหน้าลงเพื่อคลายความเหน็ดเหนื่อย
“ฝุ่นว่าเนตรต้องไปหาหมอจริงๆ แล้วนะ อาการดูไม่ดีเลย” ฝุ่นเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง
“เนตรไม่เป็นไรหรอกฝุ่น ช่วงนี้คงพักผ่อนน้อยไปหน่อย” ฉันค่อยๆ เงยหน้าเอ่ยตอบเสียงแผ่วเบา เลือกที่จะโกหกออกไปเพราะไมาอยากให้ฝุ่นต้องคิดมาก
ทั้งๆ ที่ความจริงฉันรู้ตัวอยู่แล้วว่าพักนี้ร่างกายของตัวเองผิดปกติไปจริงๆ แต่ก็ยังไม่มีเวลาใส่ใจสักเท่าไร ลำพังแค่ต้องเอาตัวรอดเวลาที่อยู่บ้านคุณธนินฉันก็แทบจะไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว
“ไม่หน่อยแล้วมั้งเนตร ไปกันเถอะ เดี๋ยวฝุ่นพาไปหาหมอเอง” ฝุ่นไม่พูดเปล่าแต่ยังหยัดกายลุกขึ้นยืนพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเตรียมจะต่อสายหาใครบางคน
“ยะ…อย่าเลยฝุ่น เนตรโอเคแล้ว” ฉันรีบร้องห้ามเพราะไม่อยากเป็นภาระของใคร แล้วก็ไม่อยากให้เราต้องขาดเรียนคลาสถัดไปด้วย
“โอเคอะไร หน้ายังซีดเป็นไก่ต้มอยู่เลย”
“ก็เนตรเพิ่งอ้วกมา นั่งพักสักหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้น พรุ่งนี้หยุดนิเอาไว้เดี๋ยวเนตรจะไปหาหมอเองนะ^^”
“แน่ใจนะว่าจะไป?” ฝุ่นหรี่สายตามองฉันราวกับไม่ไว้ใจ “เนตรก็เป็นซะแบบนี้ ชอบพูดให้ฝุ่นหายเป็นห่วงแต่ความจริงก็คือจะไม่ไปใช่ไหมล่ะ”
ฝุ่นนี่รู้ทันฉันไปซะทุกเรื่องเลยจริงๆ เดาถูกหมดเลยแฮะ
“แน่ใจสิ เดี๋ยวถ่ายรูปส่งให้ดู^^” ฉันโกหกหน้าด้านๆ เพราะกลัวเพื่อนจะน้อยใจ อีกอย่างฉันก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าถ้าพรุ่งนี้อาการยังไม่ดีขึ้น ฉันก็จะไปโรงพยาบาล
“ถ้างั้นก็ได้” ฝุ่นยอมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าไว้อย่างเดิม ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงกินส้มตำรสจัดจ้านของตัวเอง ส่วนฉันก็จำใจที่จะต้องเอาแกงส้มไปเททิ้งแล้วเลือกกินนมกับขนมปังแทน
หลังเลิกเรียน
ฉันและฝุ่นกำลังเดินออกจากรั้วมหา’ลัยด้วยสภาพวีหน้าอิดออด เนื่องจากวันนี้มีเรียนทั้งวันแถมยังเป็นวิชาที่เนื้อหาหนักเอามากๆ เลยทำให้เราต่างคนต่างก็เงียบเพราะไม่มีแม้แต่แรงจะอ้าปาก พลังงานหมดไปกับการเรียน
“ฝุ่นไปก่อนนะเนตร” ฝุ่นเอ่ยบอกฉันเมื่อเห็นรถสปอร์ตคันหรูของที่บ้านมาจอดรออยู่ไม่ไกล และไม่ลืมที่จะกำชับฉันอีกประโยค “พรุ่งนี้อย่าลืมไปหาหมอด้วยนะ”
“จ้า กลับบ้านดีๆ นะ^^” ฉันคลี่ยิ้มตอบฝุ่นอย่างฝืนๆ เพราะหมดแรงมากจริงๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางป้ายรถเมล์หน้ามหา’ลัยเพื่อรอรถสายที่วิ่งไปทางบ้านึุณธนิน
จริงๆ ฝุ่นก็อาสาที่จะไปส่งฉันนะวันนี้แต่ฉันปฏิเสธ เพราะจะให้ฝุ่นรู้ไม่ได้อย่างเด็ดขาดว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนและกับใคร
ในขณะที่ฉันกำลังจะก้าวขาเดิน เสียงทุ้มคุ้นหูและเสียงอุทานของฝุ่นก็ดังขึ้นรั้งให้ฉันชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับไปมองทางด้านหลังทันที
“ทำบ้าอะไรของคุณ!”
“อ๊ะ! ไม่ใช่รถของที่บ้านนิ”
“คุณเป็นใคร?”
คุณธนินนิ…
ตอนนี้คุณธนินกำลังเปิดประตูรถลงมาเคลียร์กับฝุ่น เธอน่าจะจำรถเขาเป็นรถของที่บ้านเธอแน่ๆ แล้วคุณธนินเขามาทำอะไรที่นี่กัน คงไม่ได้เกี่ยวกับฉันหรอกใช่ไหม ฉันยิ่งไม่อยากให้ฝุ่นรู้อยู่ว่าฉันกับเขารู้จักกัน
“ขอโทษทีค่ะ พอดีฉันจำรถผิด” สีหน้าฝุ่นดูไม่จืดเลยตอนนี้ เธอรีบก้มหัวขอโทษขอโพยคุณธนินยกใหญ่
“ทีหลังก็หัดเคาะดีๆ ก่อนสิ ไม่ใช่มากระชากประตูรถคนอื่นแบบนี้” เสียงเข้มของคุณธนินเอ่ยดุอย่างจริงจังจนฉันที่ยืนมองอยู่ตรงนี้ยังรู้สึกหวาดกลัวเลย
ทว่า… พอเบนสายตากลับไปมองที่ฝุ่นอีกที เธอกลับไม่ได้กำลังกลัว ตอนนี้ฝุ่นเงยหน้ามองคุณธนินด้วยสายตาที่อ่อนลงแปลกๆ สีหน้าเหมือนกำลังรู้สึกชอบใจที่ถูกเขาต่อว่ายังไงอย่างงั้น
อยู่ๆ ก็รู้สึกมวลในอกขึ้นมา ทำไมกันนะ
“ขอโทษค่ะ ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว…”
คุณธนินไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีก เขาพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ แล้วหันหน้ามาทางที่ฉันกำลังยืนอยู่ ฉันรีบก้มหน้างุดพร้อมกับหันหลังเดินหนีอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยว!” เสียงทุ้มเข้มท้วงขึ้น แต่ฉันไม่สามารถหยุดเดินได้ในตอนนี้ ฉันไม่อยากให้ฝุ่นรู้ว่าเรารู้จักกัน ไม่อยากตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ว่าจะกับใคร
หลังจากที่วิ่งหนีออกมาได้ไม่นาน โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็แผดเสียงร้อง ฉันหยิบมือถือของตัวเองออกมาดูปรากฏว่าไม่ใช่จากเครื่องนี้ แต่เป็นเครื่องของพี่นกต่างหากที่มีคนโทรเข้ามา
โทรศัพท์ของพี่นกแม่ให้ฉันพกไว้ก่อนที่แม่จะไป เพื่อที่จะได้ไม่ผิดสังเกตเวลาที่เขาโทรมาหาฉัน และใช่ พอฉันหยิบโทรศัพท์ของพี่นกขึ้นมาดูก็ปรากฏว่าเป็นเบอร์ของคุณธนินจริงๆ
หัวใจฉันกระตุกวูบเลยตอนที่เห็นชื่อของเขาเด่นหราอยู่หน้าจอ เอายังไงดี รับดีไหมนะ วิ่งหนีเขาออกมาแบบนี้เขาต้องโกรธแน่ๆ
สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจรับสาย เพราะยังไงกลับบ้านไปก็ต้องเจอเขาอยู่ดี สู้คุยกันตอนนี้ให้รู้เรื่องดีกว่า ถึงฉันจะกลัวแต่การคุยกันผ่านโทรศัพท์คงดีกว่าการคุยกันต่อหน้า
“ฮะ…ฮัลโหลค่ะ” แค่คิดว่าเขากำลังโกรธน้ำเสียงมันก็สั่นไปเองอัตโนมัติโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้
(คิดดีแล้วใช่ไหมที่วิ่งหนีผมแบบนี้) เสียงกดต่ำของปลายสาย แค่ฟังก็เดาได้ว่ากำลังโมโหกับการกระทำของฉันมากแค่ไหน
ขนอ่อนตามร่างกายมันลุกซู่ไปทั้งตัว รู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ ก้อนเนื้อในอกซ้ายกระตุกครั้งแล้วครั้งเล่า
“นะ…เนตรมีเหตุผะ…”
(เดี๋ยวเราจะได้เห็นดีกันแน่)
“….”
