แฟนเพื่อน 3
แฟนเพื่อน STORY 3
22.00 น.
“มินไม่อยู่เหรอ?”
“อือ”
ฉันเดินหลบออกจากประตูเพื่อให้พี่ตินได้เข้ามาในห้อง ร่างสูงอยู่ในชุดลำลองสบายๆ บนหลังแบกเป้ใบใหญ่มาด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาจะมาค้างที่นี่ เพราะพรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางกันแล้วไง ทั้งๆ ที่อยู่บ้านตัวเองน่าจะสบายกว่าแท้ๆ แต่เจ้าตัวกลับเลือกมาค้างที่นี่เป็นประจำ
“ดึกป่านนี้แล้วไปไหนกัน? โทรไปก็ไม่รับ” เสี้ยวหน้าหล่อดูหงุดหงิดใจ ฉันทำได้แค่ยักไหล่แล้วช่วยยกกระเป๋าออกจากไหล่กว้าง พี่ตินถอนหายใจเบาๆ แล้วหันมาบอก “คืนนี้พี่นอนนี่นะ”
“อือฮึ” ฉันพยักหน้าเล็กน้อย มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่พี่ตินจะมานอนที่นี่ แต่ที่ไม่ปกติคือตอนนี้เพื่อนฉันมันหายหัวไปไหนก็ไม่รู้ไง กระเป๋าใบยักษ์ก็วางเตรียมอยู่มุมห้องแล้วแท้ๆ มันคิดจะไปก็ไป คิดจะมาก็มาไม่ค่อยบอกอะไรใครเขาหรอก
“เดี๋ยวพี่นอนบนพื้นก็ได้ ฟูกหายไปไหนแล้วล่ะ?” พี่ตินยืนอยู่กลางห้องพลางกวาดตามองหาฟูกที่เขามักจะใช้นอนเป็นประจำเวลาที่แวะมา
“เอาไปฝากซักอ่ะ พี่นอนบนเตียงก็ได้นะ เชอไม่ถือหรอก” ฉันชี้ไปที่เตียงกว้าง ถึงปากจะบอกไปแบบนั้น แต่ในใจฉันกำลังเต้นแรงไม่หยุด “ไม่รู้ว่ามินจะกลับมากี่โมง บางทีอาจจะมาตอนเช้าเลยมั้ง”
“ขอบใจมาก” พี่ตินยิ้มหวานให้ฉัน แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงโดยไม่เกรงใจทันที “เดี๋ยวนี้มินแปลกๆ นะ ชอบปิดเครื่อง สงสัยแอบมีกิ๊ก”
“ไม่หรอกน่า ฮ่าๆๆ” ฉันหัวเราะอย่างแห้งแล้ง ถ้าดูจากรูปการแล้วเพื่อนฉันมันก็ทำตัวเข้าข่ายน่าสงสัยจริงๆ นั่นแหละ แถมหลังๆ มาก็ไม่ค่อยเล่าอะไรให้ฉันฟังด้วย
“แล้วจะนอนยัง? ปิดไฟเลยก็ได้นะถ้าเชอง่วง” พี่ตินบอกโดยไม่ได้หันมามอง ถึงปากจะบ่นคนเป็นแฟนแต่เขาก็กำลังต่อสายหามินอีกครั้ง
“งั้นปิดเลยนะ”
ฉันเดินไปปิดไฟ แล้วกระโดดขึ้นเตียงกว้าง ฟากหนึ่งเป็นของพี่ตินที่นอนแผ่สบายอย่างไม่เกรงใจ ส่วนอีกเสี้ยวเป็นของฉันเองที่กำลังนอนนิ่งหันหน้าไปอีกด้านเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเห็นเขา กลิ่นกายหอมๆ ที่แค่ได้กลิ่นก็รู้ว่าเพิ่งอาบน้ำมาช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน แต่ไม่ได้ค่ะ! สตินิดนึง... นี่แฟนเพื่อน...
ครืนน!!!!
แต่แล้วจู่ๆ เสียงฝนก็เทลงมาซะอย่างนั้น เสียงฝนเม็ดหนาสาดกระเซ็นดังกระทบหน้าต่าง มองออกไปข้างนอกสายฟ้ากำลังปรากฏแลบแปลบปลาบอยู่ไกลๆ แหม… บรรยากาศช่างเป็นใจเสียจริงๆ
“ถ้าพรุ่งนี้ฝนตกแบบนี้คงวุ่นวายน่าดู” แล้วคนข้างๆ ก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
“อือ”
“พี่ได้ข่าวว่าไอ้โชมันอยากจะไปกับเราด้วยเหรอ?”
“พี่ตินไม่ว่าอะไรใช่ไหมอะ?” ฉันเผลอหันหน้ากลับไปหาเขา เพราะกลัวจะโดนโกรธที่จู่ๆ ไอ้พี่บ้านั่นก็ประกาศว่าจะไปด้วย แต่ป่านนี้ยังไม่เห็นหัวหรือติดต่ออะไรมาเลย
“ไม่เป็นไรหรอก” พี่ตินหันมายิ้มให้ ยิ่งนอนเตียงเดียวกันแบบนี้ฉันยิ่งฟุ้งซ่านหนักเข้าไปใหญ่เลยหันหน้าหนีเขาอีกรอบ เจ้าตัวดูแปลกใจไม่น้อยกับอาการลุกลี้ลุกลนของฉัน แต่เราต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไร จนกระทั่ง…
เปรี้ยง!!
“ว้าย!!”
ฉันสะดุ้งตัวโยนกรีดร้องสุดเสียงเมื่อได้ยินเสียงฟ้าผ่ากะทันหัน มันดังมากจนพื้นสะเทือน คนข้างๆ ขยับเข้ามาจนฉันรับรู้ได้ถึงไออุ่นจากร่างเขากำลังอยู่ใกล้ๆ นี่เอง
“เป็นไรรึเปล่า?”
“มะ… ไม่เป็นไร” ฉันตอบด้วยเสียงตะกุกตะกัก ตัวแข็งทื่อเมื่อรู้ว่าพี่ตินอยู่ใกล้กันมากแค่ไหน
“มินบอกว่าเรากลัวเสียงฟ้าร้อง” พี่ตินจับแขนฉันให้หันไปหา เขาทำหน้าใจดีอีกแล้ว… “จะกอดพี่ก็ได้นะ… มินบอกว่าเราชอบกอด”
“…” ใบหน้าฉันร้อนผ่าวจนรู้สึกเหมือนจะเป็นลมเสียให้ได้
“กอดได้… ไม่คิดตังด้วย” พี่ตินย้ำอีกครั้ง ใบหน้าเขาโน้มอยู่เหนือร่างฉันแค่คืบเดียวเท่านั้น ลมหายใจของฉันติดขัดเอ่ยคำพูดอะไรออกมาไม่ได้เลย… ในใจพยายามที่จะดึงสติตัวเองเอาไว้ เพราะพี่ตินเป็นแฟนเพื่อนไม่ควรปล่อยใจให้เขาไป
แต่คู่สนทนาไม่รอให้ฉันตอบ คนตัวใหญ่ก็เลื่อนตัวเข้ามาประชิดฉันทันที ตัวฉันถูกอ้อมแขนแกร่งดึงเข้าหาตัว มือเขาลูบหัวฉันเบาๆ
“มินบอกว่าถ้าฝนตกหนัก… เชอชอบให้นอนกอด”
“…” มันจริงตามที่เขาว่านั่นแหละ… แต่ประเด็นคือมินเป็นเพื่อนฉันไง! ฉันจะนอนกอดยังไงก็ได้ แต่เขาเป็นแฟนเพื่อนนะ! ไม่ใช่เพื่อนฉันสักหน่อย!
“หลับนะน้องสาว”
ฉันทำอะไรไม่ถูกได้แต่นอนนิ่งอยู่แบบนั้น รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากหน้าอกที่กำลังรัวกระหน่ำเหมือนมีใครมาตีกลองสะบัดชัยข้างใน กลัวเหลือเกินว่าพี่ตินจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกตื่นเต้นนี้ ใจนึงก็อยากดึงตัวออกห่างจากเขา แต่อีกใจก็ยังดื้อดึงเพราะความเห็นแก่ตัว โอกาสแบบนี้ใช่ว่าจะมาบ่อยๆ เสียเมื่อไหร่กัน…
ทั้งที่รู้ว่ามันโคตรผิด โคตรทุเรศก็เถอะ…
ครืน!!!
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นมาอีกระลอก เพราะลืมตัวฉันเลยเผลอกอดพี่ตินจนลำตัวเราแนบกันสนิท ใกล้ชนิดที่ว่าฉันสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อแข็งแรงใต้ร่มผ้าของเขา ฉันเป็นคนกลัวเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่าขนาดหนัก เวลาปกติมีมินนอนกอดเป็นเพื่อนเสมอ แต่เวลามินไม่อยู่ฉันก็มักจะหาเพื่อนมานอนด้วย แต่วันนี้มันผิดไปหมด เพื่อนก็ไม่ได้มานอนด้วย ซ้ำคนที่ตัวเองกำลังกอดอยู่นี่ก็ไม่ใช่คนที่สมควรจะมากอดอย่างแรง
“โอ๋” เสียงพี่ตินดังอยู่เหนือหัว กอดฉันด้วยท่าทางสบายๆ เอาคางเกยหัวฉันอยู่เหมือนกำลังนอนกอดน้องสาวอย่างปากว่าไม่มีผิด ยิ่งเขาเอ็นดูฉันแบบนี้ฉันยิ่งรู้สึกผิดที่คิดเกินเลยไปไกลหลายขุม แต่ทำไงได้? ห้ามใจยังไงแต่ร่างกายมันไม่ฟังเอาซะเลย
สุดท้ายเพราะใจมันไม่รักดี ฉันเลยหลับหูหลับตากอดพี่ตินเอาไว้อย่างนั้น
มือเขาลูบหลังฉันเบาๆ อย่างอ่อนโยน แต่เพราะฉันไม่ได้ใส่บรามันเลยรู้สึกวูบไหวไม่น้อย เขาเองก็น่าจะรับรู้เหมือนกัน...
ATIN TALK
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนที่ผมนอนกอดปลอบเชอรี่ที่ตกใจกลัวเสียงฟ้าร้องจนตัวสั่นไปหมด รู้แค่ว่านานมากแล้ว และเจ้าตัวก็เหมือนจะหลับไปแล้วด้วยลมหายใจดูสงบขึ้น มือเล็กวางพาดอยู่บนลำตัวท่อนบนของผม ร่างบางนอนซบอกผมอย่างสบายใจ
น้องมันคงจะหลับสบาย แต่ตัวผมเองนี่สิ…
วินาทีนี้ผมทั้งแปลกใจทั้งงุนงงในตัวเองว่าทำไมจะต้องใจสั่นกับเพื่อนของแฟนด้วย…
ฟังไม่ผิดหรอก ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองใจเต้นแรงใช่ย่อยที่นอนกอดเชอรี่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะใบหน้าหวานสวย หรือเสื้อบางๆ ที่สัมผัสได้ถึงเรือนร่างด้านใน อาจจะรวมไปถึงเนินเนื้อที่โผล่พ้นเสื้อคอกว้างนั่นก็ด้วย ร่างนุ่มนิ่มที่กอดยังไงก็หยุดใจเต้นไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่ผมเองเอ็นดูเชอรี่เหมือนน้องสาวเท่านั้น
เพราะรู้ว่ามันผิดผมเลยพยายามสะบัดความรู้สึกพวกนี้ออกไป แต่มือผมมันยังไล้วนอยู่ช่วงเอวเล็กไม่หยุด มันคอดกิ่วเป็นสัดส่วนเว้าโค้งชัดเจน คนตัวเล็กยังคงหลับไม่รู้เรื่องขณะที่ผมฟุ้งซ่านไม่หยุด
คิดว่าเชอเป็นแค่น้องมันก็ใช่… แต่ผมเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ไหนหรอก… ก็ผู้ชายทั้งแท่งแมนเต็มร้อยคนนึง
มันน่ารังเกียจตัวเองไม่น้อยที่เริ่มคิดไม่ซื่อกับเพื่อนของแฟนตัวเอง แต่ที่กล้าทำแบบนี้เพราะรู้อยู่แล้วว่าคนตัวเล็กเป็นคนนอนหลับเป็นตาย มินเล่าให้ผมฟังทุกอย่างเกี่ยวกับเพื่อนสนิท ผมจำรายละเอียดทุกอย่างของเพื่อนทุกคนเพราะเป็นคนสำคัญของมิน แต่นึกไม่ถึงว่าหนึ่งในนั้นจะถูกความเห็นแก่ตัวผมทำร้ายอยู่แบบนี้
ขาเล็กยกขึ้นมาก่ายที่กลางลำตัวผมโดยไม่รู้ตัว เชอเป็นคนนอนไม่ระวังตัวเลยสักนิด ครั้งก่อนนู้นก็ทีหนึ่ง แต่ตอนนั้นผมหักห้ามใจไม่ให้ขยับเข้าไปใกล้ แต่ตอนนี้มันใกล้ชนิดที่ว่าได้ยินเสียงลมหายใจแผ่วบาง จะไม่ให้ใจคิดเตลิดก็คงโกหกหน้าตายไปหน่อย
เพราะใบหน้ามินลอยเข้ามาในหัวไม่หยุดผมเลยชักมือตัวเองกลับ แล้วขยับตัวออกห่างจากร่างเล็กแทบจะในทันที ผุดตัวลุกขึ้นมานั่งถอนหายใจเบาๆ ผ้าห่มผืนหนาถูกลากขึ้นไปคลุมคนที่นอนหลับสนิทอยู่จนถึงคอเพราะไม่ต้องการเห็นร่างกายเย้ายวนตรงหน้าอีก เชอรี่ขยับตัวซ้ายทีขวาทีเหมือนไม่สบายตัว ผมพยายามไม่สนใจ แล้วลุกขึ้นคว้าซองบุหรี่เดินออกไปด้านนอกระเบียงห้อง
คิดเหี้ยอะไรอยู่วะกู…
ผมยืนพ่นควันบุหรี่ด้วยอารมณ์แปลกประหลาด จะว่าเอ็นดูเชออย่างเดียวก็คงไม่ใช่แน่นอน มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้น…
ก็พอจะเดาได้ว่าหลายขุมอยู่เหมือนกัน
หลังจากเลื่อนมือถือสงบจิตสงบใจอยู่นานสองนาน ผมก็ตัดสินใจโทรหาแฟนตัวเองอีกรอบ และอีกรอบ แต่ผลตอบรับก็เหมือนเดิม มินปิดเครื่องอีกแล้ว อย่าถามว่าโมโหไหม มันเลยคำว่าโมโหมานานแล้ว นอกจากชินที่มินเป็นแบบนี้ แต่อีกใจผมก็โกรธมากเหมือนกัน แต่เพราะเวลาอยู่ด้วยกัน มินเป็นคนขี้อ้อน น่ารัก ผมเลยโกรธไม่ลงสักที
Rrrrrrrr
เสียงมือถือดังขึ้น แว๊บแรกผมเข้าใจว่าเป็นมินที่โทรเข้ามาแต่กลับเป็นเบอร์เพื่อนของผมเอง ‘ไอ้โซ่’ ถามผมด้วยเสียงร้อนรนทันทีที่ผมกดรับ
‘ไอ้ติน มึงอยู่ไหนเนี่ย?’
“กูอยู่ห้องมิน มีอะไร?”
‘ละ… แล้วมินอยู่กับมึงเหรอ?’
‘เปล่า… มินหายไปไหนไม่รู้’
‘เชี่ย! มึงรู้ไหมว่ากูเจออะไรมา?’ เสียงไอ้โซ่ตื่นตระหนกจนผมแปลกใจ ปกติมันเป็นคนไม่ค่อยโวยวายหรอก แต่วันนี้มาแปลกพูดจาก็ดูลุกลี้ลุกลนพิกล
“ทำไม? เจอเนื้อคู่ที่ผับอีกเหรอ?” ผมแซวเพื่อนเล่นๆ เพราะรายนี้มันขี้มโนเวลาเจอสาวสวยๆ
‘กูเจอแฟนมึง’
“…” ผมชะงักมือที่กำลังจะอัดควันบุหรี่เข้าปอดแล้วขมวดคิ้วมองโทรศัพท์ในมือตัวเอง เสียงเพลงกระหึ่มจากปลายสายไม่ต้องเดาเลยว่าไอ้โซ่มันสิงสถิตอยู่ที่ไหน แล้วมินจะไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง?
‘ฮัลโหลๆ อย่าวางนะมึง กูพูดจริง’ ปลายสายละล่ำละลักบอก ผมขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมมันจะต้องทำเสียงตื่นเต้นขนาดนั้น
“มินอาจจะไปเที่ยวกับเพื่อนที่กูไม่รู้จักมั้ง” ถึงจะรีบดักคอเพื่อนตัวเอง แต่ในใจผมก็ไม่ได้มั่นใจเท่าไหร่
‘ไอ้สัส… เพื่อนเหี้ยอะไรจะยืนจูบกันดุเดือดขนาดนั้น!’
“มึงว่าไงนะ?” สิ่งที่เพื่อนบอกมาทำให้ผมรู้สึกไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ปลายสายพ่นคำหยาบที่ออกอากาศไม่ได้หลายคำก่อนจะขยายความให้ฟัง
‘กูเจอน้องมินกำลังจูบกับผู้ชายที่หน้าห้องน้ำผับเนี่ย!’
“…”
‘ที่พีคคือ… ไอ้เวรนั่นคือไอ้โช!’
“มึงอย่ามาพูดเล่นนะไอ้โซ่”
‘กูส่งรูปไปให้มึงดูตอนนี้ยังได้เลย แค่นี้!’
“…”
ปลายสายวางไปแล้ว ผมยืนนิ่งค้างอยู่อย่างนั้นในหัวพยายามปฏิเสธสิ่งที่เพิ่งได้ยินจากปากเพื่อนสนิทตัวเอง แต่ในใจมันกลับเชื่อโดยที่ไม่ต้องเข้าไปดูแจ้งเตือนของแชทไลน์ที่เด้งเข้ามาในทันทีเลยด้วยซ้ำ
แต่ถึงงั้นผมก็กดเข้าไปดูรูปที่ไอ้โซ่ส่งมาให้ แม้ภาพมันจะมืดไปหน่อย แต่แค่เห็น… ผมก็จำคนของตัวเองได้ทันที รวมถึงไอ้โชก็ด้วย… สองคนกำลังยืนจูบกันอยู่หน้าห้องน้ำแบบที่ไอ้โซ่บอกจริงๆ ภาพหลายภาพถูกรัวส่งมาไม่หยุดจนผมดูแทบไม่ทัน แต่เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเรื่องที่มันพูดเป็นเรื่องจริง ช่างประจวบเหมาะเจาะกับการที่มินชอบหายไปไหนบ่อยๆ เหลือเกิน
แต่ที่ไม่คิดคือคนที่เข้ามาเป็นมือที่สามระหว่างผมกับแฟนจะเป็นไอ้โช… คนที่ผมไม่กินเส้นด้วยมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ผมละสายตาจากมือถือลากสายตาทอดมองไปยังร่างบางในห้องที่กำลังถีบผ้าห่มออกจากตัวด้วยสายตาเลวๆ แทบจะในทันที
ถึงเชอจะไม่เกี่ยว… แต่เชอก็เป็นน้องสาวของไอ้เวรนั่น
ถึงจะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้… แต่บางทีคนใกล้ตัวมันนี่แหละจะทำให้มันได้รู้สำนึกว่าตัวเองทำอะไรกับผมไว้
ATIN END
