แฟนเพื่อน 2
แฟนเพื่อน STORY 2
ฉันกำลังนั่งงงๆ โง่ๆ อยู่บนเตียงนุ่มๆ ของใครคนหนึ่ง ใครคนนั้นกำลังนอนหลับสบายอยู่ข้างๆ
พี่ตินนอนโดยไม่ได้ห่มผ้าเพราะผ้าห่มมากองอยู่ที่ตัวฉันหมด เสี้ยวหน้าหล่อคงกำลังนอนฝันดี แต่คนที่กำลังจะเป็นบ้าคือฉันนี่แหละ!! มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย!! ทำไมฉันถึงได้มานอนอยู่เตียงเดียวกับเขา! แถมยังใส่เสื้อผ้าที่ดูยังไงก็คงเป็นของเจ้าของห้องนอนเสียด้วย! ชุดชั้นในก็ไม่มี…
อะไรกันเนี่ย?
ที่พอจะจำได้ก็คือนังกี้กับพะพายพยายามมอมเหล้าฉัน ใช่! มันมอมเหล้าเพื่อนตัวเอง! ฉันดื่มไปมากมายเท่าไหร่ไม่อาจนับได้เลย รู้ตัวอีกทีก็นั่งอ้วกอยู่หน้าร้าน รู้ตัวอีกรอบก็ตอนนี้นี่แหละ!
เพราะกำลังจะประสาทเสียเลยรีบลุกขึ้นไปหาข้าวของของตัวเองเพื่อจะได้โทรไปถามไอ้เพื่อนตัวแสบทั้งสองคนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันถึงมาอยู่กับพี่ตินที่นี่ มินหายไปไหน? แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ… เดินวนไปวนมาเหมือนหนูติดจั่น ซ้ำยังต้องคอยดึงกางเกงบ็อกเซอร์ที่ใหญ่กว่ารอบเอวตัวเองหลายเท่าให้ไม่ร่วงไปกองบนพื้นอีก
ก่อนที่ฉันจะได้เดินไปเปิดประตูห้อง เสียงขยับตัวจากด้านหลังก็ทำให้ต้องสะดุ้งสุดตัว พี่ตินหันมามองฉันด้วยสีหน้างัวเงีย เขาสวมแค่บ็อกเซอร์เท่านั้นทำให้ฉันเห็นหุ่นท่อนบนที่สุดแสนจะเซ็กซี่ขยี้ใจ แค่มองเท่านั้นหน้าฉันก็เห่อร้อนขึ้นมาเสียแล้ว เพราะทำตัวไม่ถูกเลยรีบเอ่ยถามออกไป
“เชอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“หืม?” พี่ตินที่เพิ่งตื่นนอนลุกขึ้นมานั่งแล้วหัวเราะเบาๆ “จำไม่ได้เหรอว่าทำอะไรไว้บ้าง?”
“…”
ทำ? ฉันทำอะไร!!!!!
ฉันแสดงท่าทีตกใจอย่างไม่ปิดบัง นะ… นี่ฉันนอนกับเขาเหรอ!!! ตะ... แต่ไม่เห็นรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกายเลยนะ นอกจากเสื้อผ้าที่ไม่ใช่ชุดเดียวกับเมื่อคืน…
“ไม่ต้องมาทำเป็นตกใจ เชอเมาเละเทะ แถมยังอ้วกใส่รถพี่อีกต่างหาก”
“อ้วก? อ้วกใส่รถพี่?” ฉันรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ อย่างน้อยอ้วกใส่รถเขาก็เป็นข่าวดีกว่าการนอนกับเขาไหมล่ะ?
“อือฮึ! เสื้อผ้ามันเลอะไปหมดพี่เลยเอาไปซักให้ เราถึงได้อยู่ในชุดนี้ไง” พี่ตินไขข้อข้องใจให้ต่อโดยไม่ต้องรอให้ถาม แต่เพราะสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของฉัน เขาเลยพูดต่อ “พี่เป็นคนอาบน้ำเปลี่ยนชุดให้เชอเอง”
“ระ... เหรอ?” ฉันขยับตัวอย่างอึดอัด
ถ้าเขาว่างั้น… แสดงว่าร่างกายนี้… เขาก็ได้เห็นมันหมดแล้วน่ะสิ! T______T
“อย่าคิดมากน่าพี่ไม่ได้มองหรอก” คนตัวโตระบายรอยยิ้มใจดีที่มองกี่ทีก็ใจเต้น
“อ๋อ…” ตอนนี้ฉันตอบรับเขาได้แค่คำโง่ๆ พวกนี้แค่นั้นเอง ไม่รู้จะเขิน จะอาย หรือจะโมโหตัวเองก่อนดี อะไรจะเมาจนน็อกขนาดนั้น เจอพวกเพื่อนสารเลวเมื่อไหร่จะด่าให้ยับเลย!
“ไปอาบน้ำอีกรอบก็ได้นะ เดี๋ยวพี่พาไปส่ง” เขาว่าพลางพยักเพยิดไปทางประตูห้อง ฉันพยักหน้ารับแล้วรีบติดสปีดเดินออกจากห้องทันที
พอประตูปิดลงฉันก็ยกมือขึ้นกุมหน้าอกตัวเองเอาไว้ ความสั่นสะเทือนจากแรงเต้นที่รุนแรงของหัวใจมันเหมือนจะหลุดออกมาเลย เขา… พี่ตินอาบน้ำให้ฉัน… แถมยังเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ด้วย! อะไรต่ออะไรคงถูกเห็นไปหมดแล้ว! มันช่างน่าขายขี้หน้านัก! ขายขี้หน้าจริงๆ ต่อไปนี้ฉันจะทนเจอหน้าเขาได้ยังไง?
ครึ่งชั่วโมงต่อมา…
ฉันนั่งนิ่งใบ้กินอยู่บนรถอีกคันของพี่ติน เพราะเสื้อผ้ายังไม่แห้งตอนนี้ฉันเลยยังคงอยู่ในชุดเดิม ไอ้ที่เขาซักให้ก็อยู่ในถุงนั่นแหละ จะทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้าได้ยังไงกัน…
คนข้างๆ ทำตัวชิลล์ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เขาจะอาบน้ำ เช็ดอ้วกให้ผู้หญิง แต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่เพื่อนของแฟนเองนะ ไม่ใช่แฟนสักหน่อย พอคิดได้แบบนั้นฉันเลยรู้สึกผิดขึ้นมาหน่อยนึง
“เมื่อคืนเชอขอโทษนะ เพราะดื่มไม่รู้จักลิมิตตัวเองเลยต้องมาวุ่นวายพี่”
“คิดมาก เชอก็เหมือนน้องสาวพี่คนนึง เรื่องแค่นี้สบายมาก” คนข้างๆ หันมามองอย่างเอ็นดูอย่างปากว่า
“อันที่จริงพี่ตินไม่ต้องไปส่งเชอก็ได้นะ กลับเองได้”
“หืม? สภาพนี้เหรอ?” คนขับหันมามองฉันพร้อมยิ้มขบขัน ฉันรีบห่อไหล่เข้าหากันเพราะเดาได้ว่าพี่ตินกำลังหมายถึงอะไร ก็เพราะว่าไอ้ชุดชั้นในเวรนั่นยังไม่แห้งดี และฉันก็ต้องโนบราอยู่น่ะสิ!
“ไม่เป็นไรหรอก พี่จะไปหามินอยู่แล้ว”
“อ๋อ…”
“ช่วงนี้มินไปไหนมาไหนคนเดียวบ่อยๆ เหรอ?”
“คะ?”
“เมื่อคืนจู่ๆ เพื่อนเราก็หายตัวไปเฉยเลย ส่งข้อความมาบอกพี่ตอนตีสี่ว่ามีธุระ…” พี่ตินบอกด้วยสีหน้าสบายๆ แต่ฉันกลับรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงจับผิดในประโยคนั่น มินน่ะเหรอ? พักหลังก็หายหัวแบบนี้ประจำนั่นแหละ พอใครถามก็เอาแต่บอกว่ามีธุระ…
“เอาจริงๆ ก็ไม่บ่อยหรอก” ฉันจำใจต้องโกหกออกไปเพราะไม่อยากให้สองคนมีปัญหาอะไรกัน
“เหรอ?”
“อือ”
แล้วความเงียบชวนอึดอัดก็เข้าปกคลุมอีกครั้ง ฉันนั่งชมนกชมไม้ไปเรื่อย ส่วนพี่ตินก็ตั้งหน้าตั้งตาขับรถ เพราะเป็นคนชวนคุยไม่เก่งฉันถึงน่าเบื่อแบบนี้ไงล่ะ อันที่จริงโอกาสที่จะได้อยู่กับคนที่แอบชอบสองต่อสองแบบนี้สำหรับฉันน่ะ หาโคตรยาก! แต่แล้วยังไง? ได้อยู่ใกล้ขนาดนี้แล้วยังไง? ฉันก็ทำตัวใบ้กินไปไม่เป็นเหมือนเดิม แต่ถึงยังไงก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนไปหรอก เพราะยังไงพี่ตินเป็นแฟนมินไง
“อาทิตย์หน้า… เพื่อนพี่มันจะไปกางเต็นท์กัน” มันคงจะเงียบมากพี่ตินเลยหันมาหาเรื่องชวนคุย
“เหรอ? น่าสนุกดีนะคะ” ฉันโกหกอีกแล้ว…
ไอ้เรื่องขึ้นเขาเดินป่า แอดเวนเจอร์ผจญภัยอะไรเทือกนี้สำหรับฉันมันเป็นอะไรที่ไม่น่าตื่นเต้นเอาซะเลย แต่ถ้าเป็นมิน… รายนั้นคงตื่นเต้นตั้งตารอวันเลยแหละ
“ว่าจะชวนมินกับเชอไปด้วยกัน สนไหม?” พี่ตินหันมาถามพร้อมรอยยิ้มละมุน
“อืม… พี่ถามมันยังอะ?”
“ยังเลยว่าจะถามเมื่อวาน แต่ดันหายตัวไปก่อนจะได้ถาม”
“ถ้ามินว่าไง เชอก็ว่าตามนั้นอะ” ฉันโบ้ยขี้ให้เพื่อนเป็นคนตัดสินใจ แต่คนข้างๆ หันกลับมายกยิ้มขำ
“ทำไมต้องรอมินด้วย พี่ไม่ได้ชวนเพราะเราเป็นเพื่อนมินสักหน่อย”
“…” ฉันใบ้กินอีกรอบ พูดแบบนี้มัน… เหมือนฉันสำคัญพอตัวเลยนะ… แต่มโนได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้นแหละพี่ตินก็เฉลยข้อข้องใจ
“เชอก็เหมือนน้องสาวพี่คนนึงนั่นแหละ ไปกันเยอะๆ สนุกดี”
“อือ”
“ว่าไง? ไปไหม?”
“ไปสิคะ”
ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ปากฉันถึงคุมไม่อยู่ และนำหน้าสมองไปหนึ่งก้าวเสมอ ไปกางเต็นท์งั้นเหรอ? ไปบ้าอะไรล่ะ! เข้าป่านะไม่ใช่เดินห้าง!
“อย่าทำหน้าเหมือนถูกบังคับ” พี่ตินแซวขำๆ ยกมือขึ้นมาลูบหัวฉันแรงๆ สองทีเหมือนไม่ได้คิดอะไร
อย่าถามนะว่ารู้สึกยังไง… เล่นเอาหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยแหละ!! ทำไมการกระทำเขาถึงได้นุ่มละมุนขนาดนี้ เขาทรีตกับผู้หญิงแบบนี้เป็นเรื่องปกติงั้นเรอะ! ถ้าใช่… ฉันว่าเกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์ต้องตกหลุมพรางความอ่อนโยนนี้แน่นอน ซ้ำยังมีหน้าหล่อๆ ไว้เพิ่มคะแนนความนิยมอีก
“แล้วถ้ามินไม่ไป เชอจะมีเพื่อนเหรอ? กลัวเหงาอะ” ฉันบอกไปตามจริง ถึงจะรู้จักเพื่อนพี่ติน แต่ก็ใช่ว่าจะสนิทกันระดับที่จะไปไหนมาไหนด้วยสักหน่อย
“เหงาอะไรกัน ถ้ามินไม่ไปเชอก็อยู่กับพี่ไง”
“แต่เชอเป็นคนน่าเบื่อนะ พี่จะทนได้เร้อ?”
“ไม่เห็นน่าเบื่อเลย น่ารักออก”
“….” ฉันนั่งนิ่ง กัดริมฝีปากกลั้นยิ้มสุดฤทธิ์
ก็เมื่อกี้เขาชมว่าฉัน… น่ารัก…
พิ่ตินลูบหัวฉันอีกครั้งอย่างเอ็นดู ส่งยิ้มหวานอีกครั้ง และทำฉันใจละลายครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเป็นแบบนี้เสมอ เป็นคนใจดี อ่อนโยน ให้ความสำคัญกับคนอื่นๆ แม้ว่าคนคนนั้นไม่น่าจะสำคัญสำหรับเขาได้เลย แบบฉันนี่ไง..
แจ็คเก็ทหนังสีดำถูกมือใหญ่คว้ามาคลุมช่วงบนให้ฉันโดยที่คนข้างๆ ไม่ได้พูดอะไร แต่ฉันดันรู้ความหมายของมัน…
เพราะเสื้อที่ฉันใส่อยู่มันบางยังไงล่ะ แถมข้างในก็ไม่ได้ใส่อะไรเลยด้วย มันคงเห็นไปถึงไหนต่อไหนนั่นแหละ เพราะเขาเป็นคนแบบนี้ จะไม่ให้ฉันหลงได้ยังไง?
อาทิตย์ถัดมา…
“ไอ้เตี้ย ใส่กระโปรงสั้นขนาดนี้ได้ไงวะ? ขาก็สั้นจะใส่โชว์ใครเขาไม่ทราบ?”
“โอ๊ย! รำคาญอะพี่โช เชอใส่เพราะมันสบายเฉยๆ เข้าใจมะ?”
“สบายอะไร ช่วงล่างต้องการลมเหรอ?”
“หยาบ!!!!”
ใครบอกว่าการมีพี่ชายเป็นอะไรที่ดี ใครมันบอก!!!! ฉันขอส่งชื่อไอ้พี่โชเข้าชิงตำแหน่งพี่ชายยอดแย่แห่งปีเลย! ขนาดไม่ค่อยจะได้เจอหน้ากันเพราะไอ้พี่เลวมัวแต่กินเที่ยวเละเทะ การรงการเรียนไม่ค่อยจะสนใจ โผล่หน้ามามหา’ลัยได้นับว่าเป็นบุญตาแล้วที่ได้เห็น ยังมีหน้ามาทำให้ฉันขายขี้หน้าคนอื่นอีก
ช่วงล่างต้องการรับลมเรอะ? ทุเรศที่สุด!!
“หัดใส่ให้มันยาวๆ ดิ! เห็นผู้ชายมันมองกันมั่งไหม?” พี่โชผู้ไม่เคยแคร์สายตาประชาชีชี้นิ้วไปรอบๆ พร้อมพูดต่อเสียงดังอย่างไม่รู้จักอาย แต่ฉันนี่แทบจะแทรกแผ่นดินหนีเลยเหอะเพราะต้องกลายมาเป็นจุดรวมสายตาคนอื่น
“ไม่มีใครเขามองสักหน่อย!” ฉันตวาดแว้ดใส่คนตัวสูง คนเป็นพี่ทำเป็นเบะปากเลียนเสียงคำพูดกันอย่างกวนโอ๊ยที่สุด นังกี้กับพะพายหัวเราะคิกคักกับความกวนตีนนี้ ก็เข้าใจนะว่าพี่โชมันหล่อ… แต่ไอ้นิสัยกวนประสาท เอะอะโวยวาย ไม่อายคนอื่น ซ้ำยังชอบรังแกน้องสาวตัวเล็กๆ แบบฉันนี่มันน่าชื่นชมตรงไหนกัน!!
“แล้วมาหาเนี่ย ต้องการอะไร?” ฉันรีบเข้าประเด็น เพราะไม่ใช่เรื่องปกตินักที่พี่โชจะมาเดินตามหาตัวฉัน บางทียังแอบสงสัยอยู่เลยว่ามันลืมรึเปล่าว่ามีน้องสาว
“เพื่อนกูมันบอกว่ามึงจะไปกางเต็นท์?”
“ใช่”
“มีแต่ผู้ชายเป็นฝูง! จะไปทำไมไม่ทราบ?” พี่โชทำหน้าดุเมื่อรู้ว่าสิ่งที่ได้ยินมาเป็นเรื่องจริง
“ก็แค่อยากออกไปเที่ยวบ้าง และก็ไม่ได้มีแต่ผู้ชายสักหน่อย มินก็ไปด้วยเหอะ”
“ผู้หญิงสองคนกับผู้ชายเป็นฝูง!” พี่โชทวนซ้ำอีกรอบด้วยสีหน้าเหมือนเดิมเด๊ะ
“อย่าเว่อได้มะพี่โช คนรู้จักกันทั้งนั้นอะ!”
“กู-ไม่-ให้-ไป” คนตรงหน้าเอ่ยช้าๆ ชัดๆ ทีละคำ
“ทำไม? เกิดจะหวงน้องสาวขึ้นมารึไง?” ฉันยอกย้อนด้วยสีหน้าไม่สำนึก ทีงี้ล่ะมาหวงน้องหวงนุ่ง เวลาติดสาวงี้หายไปเป็นเดือนๆ ไม่โผล่มาเจอสักวันยังเคยเลย!
“ไม่ได้หวงเว้ย! แต่กลัวมึงไปสร้างภาระให้คนอื่น!”
“โหย! ทำมาพูด! หวงน้องก็บอกว่าหวงดิ”
ฉันล้อเลียนพี่โชจนกีกี้กับพะพายพร้อมใจกันหัวเราะ พี่โชทำเป็นฟึดฟัดหน้าดำหน้าแดงอยู่ตรงหน้า ขายาวๆ เดินหมุนไปหมุนมาเหมือนกำลังเขินจัด คนอะไร? กะอีแค่บอกว่าหวงน้องสาวยังทำเป็นปากแข็งเลย ทำมาพูดนั่นนี่เยอะแยะ!!
“ยังไงก็ไม่ให้ไป ไม่งั้นจะฟ้องแม่” คนตัวโตเอ่ยอย่างไม่อายปาก โตแต่ตัวจริงๆ เอะอะอะไรก็เอาแต่จะฟ้องแม่
“ไม่ได้ ถ้าเชอไม่ไปแล้วมินจะอยู่กับใครล่ะ?”
“ก็แฟนไง” จู่ๆ คนตรงหน้าก็หน้าตึงขึ้นมาเฉยเลย พี่มันหมายถึงพี่ตินนั่นแหละ สองคนนี้เคยมีเรื่องไม่ลงรอยกันมานานแล้ว แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้ใครเลย
“ไม่เอา! รับปากคนอื่นเขาไว้แล้ว” ฉันปฏิเสธอีกครั้ง จนคนเป็นพี่ชายเริ่มส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างหงุดหงิด
“ได้!! เดี๋ยวเจอกันแน่ไอ้เตี้ย!!”
“ทำไมอะ? พี่จะไปด้วยเหรอ?” ฉันถามกลับเล่นๆ เพื่อที่จะแกล้งกวนประสาทเฉยๆ แต่ไม่คิดว่าพี่โชจะยกยิ้มที่แสนจะเหี้ยมเกรียมแล้วเอ่ยตอบ
“เออ!!!”
“ถามจริง?” เพราะไม่อยากจะเชื่อฉันเลยเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ “พี่โชไม่ถูกกับพี่ตินจะไปด้วยกันได้ไง?”
“เออ!! อย่าถามมาก!! รำคาญเว้ย!” ไอ้พี่บ้าไม่ตอบคำถามแต่ส่งเสียงโวยวายเรียกสายตาชาวบ้านเหมือนเคย
ว่าแล้วร่างสูงในชุดนิสิตฯ ผิดระเบียบทุกกระเบียดนิ้วก็สะบัดตูดเดินหนีไปทันที ไม่เคลียข้อข้องใจอะไรให้ฉันเลย คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไปแบบนี้ได้เหรอ?
แล้วไอ้ที่บอกว่าจะไปด้วยนี่เป็นเรื่องจริงใช่ไหม? ไม่ใช่แค่ว่าหลอกให้ฉันตกใจเล่นหรอกนะ… ก็อย่างที่เพิ่งบอกไปไง ว่าไอ้พี่บ้านี่ กับพี่ตินน่ะไม่ถูกกันเท่าไหร่ แล้วจะเสนอหน้าไปด้วยเพื่อ?
แต่ถึงงั้นฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรต่อ เพราะรู้นิสัยพี่โชดีว่ามันก็เป็นแบบนี้แหละ พูดไปเรื่อยอาจจะไม่ได้สนใจจะไปจริงๆ จังๆ แค่ขู่ให้ฉันยกเลิกการไปร่วมทริปเฉยๆ ก็ได้
ฉันหันกลับมาหาเพื่อนอย่างเซ็งๆ แต่พอเห็นสีหน้านังกี้ กับพะพายถึงกับพูดไม่ออก มันสองคนกำลังมองตามพี่ชายฉันไปด้วยแววตาระยิบระยับก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างเพ้อๆ
“แก… ถ้าพี่โชไป ฉันขอไปด้วยได้ไหมอะ”
โอ๊ย!! ฉันอยากจะบ้าตาย!!! =________=
