บท
ตั้งค่า

แฟนเพื่อน 4

แฟนเพื่อน STORY 4

06.00 น.

ฉันรู้สึกเหมือนเป็นอัมพาตนอนนิ่งขยับตัวไม่ได้เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังนอนกกอยู่ในอ้อมแขนของพี่ตินทั้งคืน ที่พีคคือมือหนาของคนข้างตัวเลื่อนเข้าไปใต้ร่มผ้า มือสองข้างของพี่ตินกอดอยู่ตรงแผ่นหลังเปลือยเปล่าของฉัน ลมหายใจติดขัด ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจเพราะความอุ่นจากมือเขานั่นเป็นเรื่องจริง

“…”

“...”

มันยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่เมื่อพี่ตินกำลังจะตื่น เขากระพริบตาปริบๆ มองฉันนิ่งๆ มือนั่นไม่ได้ขยับไปไหนยังคงวางอยู่ที่เดิม เป็นฉันเองที่ตื่นตระหนกจนผละออกจากอ้อมแขนกว้าง ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด ขณะที่เจ้าตัวเริ่มขยับตัวบิดขี้เกียจเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น!

แหม! เขาจะไม่รู้เชียวเหรอว่ามือตัวเองเลื้อยเข้าไปในเสื้อของฉัน!

“มินยังไม่กลับอีก วันนี้จะได้ไปไหมเนี่ย?”

ตื่นปุ๊บเขาก็ถามหาแฟนตัวเองปั๊บ ฉันอยากจะตอบออกไปเหมือนกันว่า จะไปรู้เรอะ!! แต่ทำได้แค่ขยับตัวลงจากที่นอน ตอนนี้ขออยู่ในระยะปลอดภัยไว้ก่อน ก่อนที่หัวใจมันจะเตลิดมากไปกว่านี้!

มันอาจจะเป็นแค่เหตุสุดวิสัยก็ได้… ฮ่าๆๆๆๆๆ

“แล้ว… จะเอายังไงอะ? พี่ลองโทรหาอีกรอบดีไหม?”

“โทรแล้ว เมื่อกี้ก็เพิ่งโทร”

“…” ฉันใบ้กินอีกรอบ หมายความว่าเขาตื่นก่อนฉันอย่างนั้นเหรอ? ละ… แล้วไอ้เหตุการณ์เมื่อกี้คือตั้งใจ?

พี่ตินลุกขึ้นจากที่นอนแล้วเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่เขาใช้ประจำ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำโดยที่ไม่ไขข้อข้องใจอะไรให้ฉันเลย ปล่อยฉันให้อึ้งกิมกี่ไปไม่เป็นอยู่คนเดียว มันก็จริงที่เราค่อนข้างสนิทกันเพราะเจอกันบ่อย แต่ไอ้เรื่องถึงเนื้อถึงตัวกันมันไม่เคยเกิดขึ้น

แต่นี่มันอะไรกันวะเนี่ย?

Rrrrrrrrr

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นฉันเดินไปรับสายด้วยอาการลนลานสุดชีวิตเพราะเบอร์ที่โชว์อยู่เป็นเบอร์ของมิน

“ฮะ… ฮัลโหล?”

‘แก… พี่ตินไปที่ห้องไหมอะ?’

“มานะ แกหายหัวไปไหนเนี่ย? เขาจะออกเดินทางกันอยู่แล้ว”

‘ฉันติดธุระอีกแล้วอะ’

“มิน!!” ฉันตะโกนใส่โทรศัพท์เสียงดังเมื่อรับรู้ได้ว่าไอ้เพื่อนบ้ากำลังจะเทกันดื้อๆ

‘อย่าโกรธเลยนะๆ ฮือ!’

“แกจะปล่อยให้ฉันไปคนเดียวเหรอ?” ฉันเค้นเสียงใส่โทรศัพท์อย่างโมโห “แล้วฉันจะอยู่กับใครเล่า?”

‘โอ๋ๆๆๆๆ แกจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาไง! จะได้สนิทๆ กับเพื่อนๆ พี่ตินด้วย’

“ฉันไม่ได้อยากจะสนิทกับใคร”

‘ไม่เอาน่า… ยังไงก็ถือซะว่าได้ไปเที่ยว…’

“ไม่เอา! กลับมาเดี๋ยวนี้เลย! แกมัวหายหัวไปไหนเนี่ย?”

(…ใคร?)

“…”

ฉันดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหูแล้วมองมันเหมือนเห็นตัวประหลาด เสียงที่ซ้อนอยู่ในปลายสายเป็นเสียงผู้ชาย… แถมยังดูคุ้นหูพิกล ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อว่านังเพื่อนบ้ามันกำลังอยู่กับผู้ชาย!! ผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนตัวเองน่ะ!!

‘แกแค่นี้ก่อนนะ รักแกที่สุดเลย!’

“อย่าเพิ่งวาง… ฮัลโหล!”

ฉันกัดฟันกรอดเมื่อปลายสายตัดไปเรียบร้อยแล้ว อยากจะพ่นคำหยาบที่ออกอากาศไม่ได้สักร้อยคำ!! ฉันกดโทรกลับหามินทันที แต่เพื่อนบ้านั่นปิดเครื่องอีกแล้วเหมือนจงใจยังไงยังงั้น!!

อะไรของมันวะเนี่ย!!!

ตอนนี้สิ่งเดียวที่คิดได้คือมินมันมีชู้ชัวร์!! ฟันธงล้านเปอร์เซ็นต์เลย! ติดแค่ไม่รู้ว่าไอ้ชู้นั่นมันเป็นใคร!! ถ้าเจอหน้าเมื่อไหร่จะต้องเค้นเอาความจริงให้ได้! สาบานเลย! มีแฟนหล่อขนาดพี่ติน ยังกล้านอกใจอีกเรอะ! โหย! เหลือเชื่อจริงๆ เลยเพื่อนฉัน!

แกร๊ก!

ประตูห้องน้ำเปิดออกทำให้ฉันต้องรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ พี่ตินเลิกคิ้วมองมาเหมือนจะได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์เมื่อครู่ ก่อนจะเอ่ยปากถาม

“มินเหรอ?”

“อ่า… เอ่อ… ใช่ค่ะ”

“แล้วว่าไง? หายไปไหน? จะมาเมื่อไหร่?”

“มัน… มันบอกว่าติดธุระคงไปไม่ได้แล้ว” ถึงแม้จะสงสารพี่ตินสุดๆ ที่นังเพื่อนไม่รักดีมันนอกใจเขา แต่ฉันก็ไม่คิดจะเอ่ยเรื่องไอ้เสียงผู้ชายจากปลายสายนั่นหรอก!

“อืม…”

พี่ตินในผ้าขนหนูผืนเดียวเดินไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์สุดๆ ฉันได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น เขาต้องโมโหแน่นอนเลย! วางแผนมาเป็นอาทิตย์โดนแฟนตัวเองเทหน้าตาเฉย! แต่ผิดคาดอยู่หน่อย ตรงที่ร่างสูงไม่ได้หันกลับมาถามอะไรต่อเลยสักนิด

“ละ… แล้วเชอยังต้องไปอยู่ไหม?”

“ไปสิ… จะเทพี่อีกคนรึไง?” ถึงปากพี่ตินจะยิ้ม แต่สีหน้าเขาไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลย ฉันยิ้มแห้งแล้งให้คนตรงหน้า แล้วเดินไปอาบน้ำด้วยความรู้สึกหดหู่สุดชีวิต…

ฮือ!! ทำไมต้องเป็นฉันที่ต้องมารับวิบากกรรมพวกนี้ด้วย อีเชอไม่เข้าใจ TT___TT

12.00 น.

เรามาถึงสถานที่ตั้งแคมป์กันแล้ว ฉันไม่รู้หรอกว่ามันคือที่ไหน ระหว่างทางก็เอาแต่นอนหลับอย่างเดียว ตื่นมาอีกทีเพราะคนอื่นมาปลุก พอเดินลงจากรถตู้ที่เช่ามาก็พบว่ารอบด้านเป็นป่าโปร่ง มีถนนลูกรังตัดผ่านเส้นเดียว มาถึงตรงนี้ก็ต้องขนลุกเมื่อพี่โซ่ ก็เพื่อนของพี่ตินน่ะแหละ กำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชาที่ไม่รู้ว่าไปสรรหามาจากไหน บนโต๊ะเต็มไปด้วยของเซ่นไหว้ เขากำลังจุดธูป และพนมมือไหว้เจ้าป่าเจ้าเขา เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังไหว้อยู่เหมือนกัน ฉันเลยยกมือขึ้นตาม ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยเข้าใจอะไร เพราะไม่เคยมาออกแคมป์ หรืออีกนัยยะหนึ่งก็คือมาค้างแรมในป่านั่นแหละ

“เสร็จแล้วๆ”

ร่างสูงของพี่โซ่ยืนขึ้นพร้อมโบกมือให้คนอื่นๆ เตรียมของออกเดินทางโดยที่เราจะทิ้งรถที่เช่ามาไว้ตรงตีนเขา ทริปนี้มากันแค่ไม่กี่คน ก็เหมือนที่เขาชอบแชร์กันตามโซเชี่ยลนั่นแหละ วันชวนมียี่สิบคน ก่อนวันนัดเหลือสิบคน พอเดินทางจริงเหลือห้าคน...

อย่างน้อยก็ไม่ได้อึดอัดเหมือนที่คิดไว้ เพื่อนๆ พี่ตินเองฉันก็เคยเจอมาก่อน ถึงจะไม่ได้สนิทกับใครมากเป็นพิเศษแต่ก็คุ้นเคยกันดี แถมพวกเขายังเห็นฉันอ้วกเละเทะเมื่อสัปดาห์ก่อนแบบหมดเปลือกไปแล้วด้วย

ส่วนไอ้พี่โชตัวดีน่ะเหรอ? ประกาศอย่างดิบดีว่าจะมา แต่พอถึงวันก็เทฉันทิ้งเป็นน้ำเปล่าเลย!! มันก็น่าโมโหทั้งเพื่อน ทั้งพี่! แต่แสดงออกมากไม่ได้ เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นแกร่วกันหมด

พี่โชมันคิดได้ว่าไม่ควรมาก็ดีอยู่เหมือนกัน ไม่งั้นนึกไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไง ตัวเองก็ใช่ว่าจะกินเส้นกับแก๊งพี่ตินเสียเมื่อไหร่… เหตุผลเดียวที่คงมาได้ก็เพราะเป็นพี่ชายฉันนั่นแหละ แต่อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยมันไม่มาน่ะดีแล้ว…

“พี่ถือให้เอง” พี่ตินเดินเข้ามาช่วยฉันถือของ ขณะที่บนตัวเขาก็พะรุงพะรังเต็มไปด้วยข้าวของอยู่แล้วแท้ๆ ถึงอยากจะปฏิเสธก็ไม่ทันแล้ว เจ้าตัวแย่งไปถือจนหมด ที่ตัวฉันเลยเหลือแค่เป้เล็กๆ บนหลังใบเดียว

ฉันเดินรั้งท้ายตามทุกคนไป มีพี่ตินปิดท้ายให้อีกที ด้านหน้าเป็นผู้ชายตัวโตๆ สามคนที่ดูบุคลิกไม่เหมาะกับการเข้าป่าอย่างแรง

คนแรกก็พี่โซ่น่ะแหละ ถึงจะเข้าป่าแต่เจ้าตัวกลับแต่งตัวเต็มยศตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งหมวก แว่น สร้อยคอพร้อม ยังกับจะไปผับไม่มีผิด

คนถัดมาก็เอาแต่เดินไปโวยวายไป เดี๋ยวก็กิ่งไม้เกี่ยวเสื้อ เดี๋ยวก็ลื่น ขนาดฉันเป็นผู้หญิงยังแอบรำคาญหน่อยๆ เลย เขาชื่อพี่หยีน่ะ หยีจริงๆ เดี๋ยวก็ ‘ยี้! นั่น’ เดี๋ยวก็ ‘ยี้! นี้’ แต่เอาเถอะพี่หยีน่ะเป็นคนใจดีที่สุดแล้วในบรรดาคนพวกนี้ถึงจะขี้บ่นไปหน่อยก็เถอะ

ส่วนอีกคนก็หน้ามึนตึงทั้งวัน ไม่ได้มีความสุขเอาซะเลย พี่โจเดินด้วยสีหน้าเซ็งสุดขีด ทำให้ฉันอดแปลกใจไม่ได้ว่าเขาโดนเพื่อนบังคับมารึเปล่า

ส่วนพี่ตินน่ะเหรอ? ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาทำหน้ายังไง หรือเป็นยังไงบ้าง เพราะเขาเดินตามหลังมาน่ะสิ แต่ก็นะ… ตั้งแต่บอกว่ามินไม่มาด้วยเจ้าตัวก็ไม่ยิ้มอีกเลย

งานนี้เลยสรุปได้คำเดียวว่า ‘พัง’

เราเดินเท้ากันมานานพอสมควรก็ถึงจุดที่สามารถกางเต็นท์ได้ น่าแปลกที่ลานโล่งเล็กๆ ตรงนี้ข้างๆ มีทางน้ำไหลผ่านพอดี และดูเหมือนว่าจะมีคนมาก่อนหน้าเราด้วย สังเกตได้กองฟืนที่ดูไม่เก่าเท่าไหร่นัก เหมือนเป็นสถานที่ลับแบบไม่ลับ ยังมีคนเข้าถึง

ฉันอดตื่นเต้นไม่ได้เพราะว่ามองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม่ขึ้นจนเกือบจะทึบ เห็นพวกเขาว่าออกมาตั้งแคมป์กันทุกปีแต่ไม่ปกติตรงที่ปีนี้คนพากันแคนเซิลเกินครึ่ง ฟังดูแล้วน่าเห็นใจไม่น้อย แต่อย่างน้อยพอมาถึงจุดนี้พวกเขาก็เริ่มคึกคักขึ้น พากันคุยเรื่องสาวๆ กันอย่างสนุกสนาน ส่วนฉันทำได้แค่ฟัง และหัวเราะรับมุกตลกบ้างเป็นบางครั้ง

“คืนนี้กูจัดนี่มาด้วย!” พี่โซ่งัดขวดเหล้าออกมาโชว์พร้อมทำตาระยิบระยับ ในขณะที่คนอื่นกระดี๊กระด๊าขึ้นมาทันที

“มึงไม่เคยทำให้กูผิดหวังเลย”

“จะพอเรอะ!”

“กูเอามาสอง ฮี่ๆ”

“ฮ่าๆๆๆ แดกเหล้ากลางป่าจะดีเหรอวะมึง?” พี่หยีทำหน้าเป็นกังวลขึ้นมาหน่อย ในขณะที่เพื่อนๆ ของเขาพากันกลอกตามองบน

“ก็แดกทุกปี ไม่เห็นมึงเคยพูด?”

“ก็ช่วงนี้กูฟังเดอะช็อคบ่อยนี่หว่า…” เจ้าตัวมองไปรอบๆ แล้วทำท่าทางขนลุกขนพอง เล่นเอาฉันเสียวสันหลังไปด้วยเลย! ขนาดกลางวันแสกๆ ยังน่ากลัวขนาดนี้! ละ… แล้วกลางคืนล่ะ? TT_____TT

“อย่าไปคิดมาก”

“อ๊ะ!”

ฉันถึงกับสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ๆ พี่ตินก็เดินมากระซิบข้างหู ลมหายใจร้อนๆ เป่ารดอยู่บริเวณกกหูฉัน ขณะที่เรากำลังช่วยกันกางเต็นท์หลังที่สอง ฉันรู้สึกตัวเองหดเล็กลงเหลือแค่สองนิ้วเมื่อถูกวงแขนแกร่งโอบซ้อนช่วยจับผ้าใบเต็นท์อยู่ด้านหลัง

“คืนนี้เชอกล้านอนคนเดียวรึเปล่า? พี่นอนเป็นเพื่อนได้นะ”

“เอ่อ…”

เราสบตากันในระยะประชิด รอยยิ้มเขาท่ามกลางแสงแดดจ้ามันทำให้หัวใจอ่อนระทวยแทบจะสกัดคำพูดออกมาจากปากไม่ได้เลย โชคยังดีที่พี่โซ่ตะโกนมาช่วยชีวิตฉันเอาไว้…

“มึงไม่ต้องถามเชอ นอนกันไปเลยสองคน แค่นี้พวกกูก็คงเบียดกันตายห่าแล้ว!” เจ้าตัวบอกขำๆ คนอื่นก็ดูขำตามอยู่หรอก แต่คนที่ขำไม่ออกคือฉันนี่แหละ… หมายความว่ายังไงก็ต้องมีหนึ่งในผู้ชายพวกนี้นอนเต็นท์เดียวกันกับฉันอยู่ดีใช่ไหม?

“เราโอเครึเปล่า? พี่นอนข้างนอกได้นะ” เมื่อเห็นฉันทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก พี่ตินก็รีบเสนอทางออกให้ ฉันส่ายหน้ายิกๆ จะไปไล่ให้เขานอนนอกเต็นท์คนเดียวได้ยังไงกัน?

“ไม่เป็นไร เชอไม่ถือหรอกน่า ฮ่าๆๆๆ” ฉันแสร้งตบบ่ากว้างของคนตัวสูง แล้วรีบเดินเลี่ยงออกมาตรวจดูสัมภาระ โดยไม่รู้เลยว่าคนข้างหลังกำลังมองตามมา

“ใครจะเป็นคนหาปลา?” จู่ๆ คนที่ยืนเงียบๆ มาตลอดก็พูดขึ้น พี่โจยกนาฬิกาขึ้นมองแล้วลูบท้องตัวเอง

“หาปลาเหรอ?” ฉันเลิกคิ้วมองพวกเขาอย่างแปลกใจ คือ… เราไม่ได้เตรียมอาหารกันมาเองหรอกเหรอ?

“ใช่! อาหารหลักของพวกเราไง” พี่โซ่หันมายิ้มยิงฟันให้ฉันอย่างรื่นเริง คนอื่นก็เหมือนจะรู้กันอยู่แล้ว

“เดี๋ยวกูจับเองก็ได้ พวกมึงไปหาฟืนมาเตรียมไว้เยอะๆ เลย คืนนี้ท่าทางจะหนาว” พี่ตินรับอาสา พร้อมกับถอดเสื้อออกโชว์หุ่นเซ็กซี่นั่นหน้าตาเฉย ฉันรู้สึกหูอื้อตาลายขึ้นมาอีกแล้ว! มันก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นหรอก แต่พออยู่ท่ามกลางแสงจ้าแบบนี้แล้วมันก็…

ทำไมถึงเป็นผู้ชายที่งานดีตั้งแต่หัวจรดเท้าขนาดนี้นะ...

พี่ตินเพิ่งกางเต็นท์หลังที่สองเสร็จ เขาโยนกระเป๋าทั้งของฉัน และของตัวเองเข้าไปไว้ในเต็นท์เดียวกันโดยไม่ได้เอ่ยถาม เพราะอีกหลังคนตัวโตสามคนพากันมุดเข้าไปจองที่นอนกันแล้ว กลายเป็นว่าบทสรุปก็ลงเอยประการฉะนี้

ร่างสูงในหุ่นกำยำสาวเท้าเดินมาหาฉันที่ยืนงงอยู่ ไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อดี สีหน้าเขาดูกระปรี่กระเปร่าขึ้นกว่าเมื่อเช้าไม่น้อย อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่ได้ทำหน้านิ่งสนิทเหมือนตอนที่รู้ว่ามินมันจะไม่มา

แต่แค่นี้ก็ถือว่าโอเคแล้ว…

“เดี๋ยวเชอไปช่วยพี่ก็ได้ อยู่นี่ไม่น่าจะมีอะไรทำ” พี่ตินยกยิ้มแล้วมองไปรอบๆ ฉันพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย มันก็ดูไม่มีอะไรทำจริงๆ นั่นแหละ…

ก็แล้วจะเข้ามาหาความลำบากกันทำไมเนี่ย?

เราสองคนเดินเลาะริมทางน้ำไปเรื่อยๆ ออกห่างจากจุดกางเต็นท์ ในมือพี่ตินมีไม้แหลมๆ ที่พวกเขาเตรียมกันมาเอง และอีกอย่างที่ฉันเพิ่งจะได้รู้จักมัน เรียกว่าสุ่มจับปลา น่าแปลกใจไม่น้อยที่คนระดับพวกเขาจะชอบอะไรแบบนี้

คืออันที่จริงแก๊งของพี่ตินเป็นแก๊งที่ทั้งหล่อยกแก๊ง รวยยกแก๊ง ได้ข่าวว่าพี่ตินรวยโคตร แต่ยังชอบทำตัวติดดิน… และอันนี้ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ฉันกรี๊ดเขา

ฉันเดินตามร่างสูงไปเรื่อย คนเดินนำยื่นมือมาให้ฉันจับประคองตัวเองเวลาต้องเดินผ่านพื้นลื่นๆ และมันก็หลายครั้งที่มันลื่นจนฉันเผลอกอดเอวแกร่งของเขาไว้อย่างลืมตัว แต่ดูท่าทางเจ้าตัวจะไม่ได้สนใจอาการผิดปกติพวกนี้สักเท่าไหร่ เมื่อเราเดินมาถึงจุดที่เขาว่าดี เหมาะแก่การจับปลา

“เดี๋ยวเชอถือถังน้ำรอตรงนี้ก็ได้ ถ้าพี่จับได้แล้วจะเอามาใส่” พี่ตินหันมาอธิบายเสร็จสรรพ ส่งถังน้ำใบขนาดกลางให้ฉันถือเอาไว้

“พี่เคยจับมาก่อนด้วยเหรอ?” ฉันนั่งยองๆ บนโขดหิน แล้วมองร่างสูงเดินย่ำลงไปในน้ำที่สูงขึ้นมาแค่ระดับเข่าเท่านั้น

“เคยสิ ก็มาทุกปี”

“เหรอ? เชอไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย”

“หืม? ทำไมล่ะ?”

“แลดูต้องใช้ชีวิตแบบยากลำบาก” ฉันบอกไปตรงๆ คนชอบลำบากหันมายกยิ้มขำ

“เราขี้เกียจน่ะสิ”

“เปล่าสักหน่อย”

“ขี้เถียงด้วย” เขายังคงแหย่ฉันต่อ

“เชอไม่ได้ขี้เถียง”

ฉันทำปากยื่นสะบัดหน้าไปทางอื่นเมื่อเห็นคู่สนทนาทำหน้าไม่เชื่อ พี่ตินหัวเราะเหมือนตลกมากกับอาการที่ฉันแสดงออกมา เขาเริ่มหันไปเดินหาปลาอย่างจริงจัง ส่วนฉันทำได้แค่นั่งมอง และส่งเสียงดีใจเวลาเขาโชว์ว่าตัวเองจับปลาได้อีกครั้ง และอีกครั้ง

ในขณะเดียวกันฉันก็ลอบมองเขาไปเรื่อยโดยที่เขาไม่รู้ตัว ผู้ชายคนนี้ทำอะไรก็ดูดีไปหมดจริงๆ นั่นแหละ เปียกน้ำม่อล่อกม่อแล่กยิ่งทำให้เขาดูเซ็กซี่หนักขึ้นไปอีก หยดน้ำเกาะพราวอยู่บนแผงอกกว้าง กางเกงยางยืดที่เขาใส่ก็ทำท่าจะร่วงอยู่เรื่อย....

ฆ่าฉัน… ฆ่าฉันให้ตายดีกว่า… เลือดมันจะพุ่งอยู่รอมร่อแล้วเนี่ย!

“พอแล้วมั้ง”

หลังจากที่ใช้เวลาอยู่ตรงนี้นานพอสมควร และได้ปลาเพียงพอแล้ว พี่ตินก็เดินเข้ามาหาฉัน พร้อมชะโงกหน้าดูผลงานตัวเอง เพราะฉันนั่งอยู่ทำให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับขอบกางเกงของเขา กล้ามเนื้อช่วงนั้นของเขามันดีมาก! ดูดีจนใบหน้าฉันเห่อร้อนขึ้นมาอย่างคุมไม่อยู่ เพราะกลัวว่าเลือดกำเดามันจะพุ่งฉันเลยรีบผุดตัวลุกขึ้นยืนหนีจากหุ่นเซ็กซี่ของเขาอย่างรวดเร็ว

แต่ดูเหมือนจะรีบเกินไป…

พรืด!

“ว้าย!!”

“ระวัง!”

เท้าฉันลื่นจากโขดหินเล็กๆ ที่ตัวเองนั่งอยู่ ส่งผลให้ตัวฉันร่วงลงไปอยู่ในผืนน้ำทันที พี่ตินที่พยายามจะช่วยจับตัวฉันไว้ก็ร่วงมานั่งกองอยู่ในน้ำด้วยอีกคน กลายเป็นว่าทั้งฉัน และเขาเปียกทั้งคู่ ถึงน้ำจะไม่ได้สูงมาก แต่มันก็มากพอที่จะทำให้เสื้อผ้าเราทั้งคู่เปียกชุ่ม

“โก๊ะจริงๆ” คนตรงหน้ายกมือมาผลักหัวฉันเบาๆ ก่อนจะเริ่มหัวเราะ

“อะ… อะไรเล่า!” ฉันเขินหน้าดำหน้าแดงไปหมด อุตส่าห์อยู่แบบตัวไม่เปียกมาได้ตั้งเป็นชั่วโมง ตกม้าตายตอนท้ายเฉยเลย!

“ฮ่าๆๆๆๆ ดูทำหน้าเข้า… ถือว่าคลายร้อนไปแล้วกัน”

“ไม่เอานะ ฮือ!”

ฉันเริ่มขยับตัวหนีเมื่อพี่ตินวักน้ำใส่หน้า แต่แน่นอนว่าหนีเขาไม่พ้นหรอก พยายามจะลุกหนี แต่มือหนาก็คว้าเอวฉันเอาไว้ล้มลงไปอีกรอบ และอีกรอบ! จนสุดท้ายก็เปียกไปทั้งตัว!

“เปียกหมดเลย!” ฉันส่งค้อนวงเบ้อเริ่มให้คนหล่อที่ยังคงทำหน้าไม่รู้สึกรู้สาอะไร

“ล้อเล่นนิดเดียวเอง”

“…”

ฉันหยุดชะงักเมื่อหันหน้าไปมองเสี้ยวหน้าหล่อที่อยู่ห่างจากตัวเองไม่ถึงคืบ ลืมตัวไปจริงๆ ว่าเราสองคนอยู่ใกล้ชิดกันมากแค่ไหน พี่ตินยังคงกอดเอวฉันเอาไว้ ก้นฉันอยู่บนตักแกร่งของเขา ท่าทางแบบนี้ดูไม่ดีสุดๆ ทำให้ฉันต้องรีบผุดลุกขึ้นอีกครั้ง แต่มันก็เป็นอีกครั้งที่เขาดึงฉันให้นั่งลงไปในน้ำ!

นัยน์ตาสีอ่อนมองมาด้วยสายตาแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน… หรือไม่อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยมองกันด้วยสายตานี้

บะ… แบบนี้ไม่เข้าท่าเลยนะ...

“จะไปไหน?”

“เชอหนาวแล้วอะ อยากกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” ฉันแสร้งทำเป็นก้มลงมองตัวเอง แล้วถึงกับต้องรีบยกมือขึ้นบดบังเสื้อสีขาวโล้นๆ โง่ๆ ที่ตอนนี้เห็นไปถึงเสื้อชั้นในลายเสือดาวแล้ว!!

ว้อยยยยย!! น่าอายกว่านี้มีอีกไหม!!!! TT______TT

ฉันไม่กล้ามองหน้าพี่ตินด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องมอง… เขาหลุบตาลงมองตามมือเล็กๆ สองข้างที่บดบังทรวงอกเอาไว้ และมันก็ไม่น่าเชื่อตรงนี้… หน้าใสกิ๊งของเขาเรื่อสีแดงขึ้นมาเฉยเลย!!! บรรยากาศชวนอึดอัดสุดๆ จนฉันเผลอส่งเสียงประหลาดออกมา ในที่สุดเจ้าตัวก็กระแอมเบาๆ แล้วปล่อยเอวฉันให้เป็นอิสระ

“…”

“…”

ความเงียบเข้าปกคลุม รอบตัวเรามีแต่เสียงนกร้อง เสียงน้ำไหลเอื่อยๆ ทั้งฉัน และเขาใบ้กินไปตามๆ กัน แต่โชคยังดีที่พี่ตินกู้สถานการณ์ด้วยการรีบทำเป็นเดินไปหยิบนั่นหยิบนี่มาถือไว้ แล้วพยักหน้าเรียก

“กลับกัน เดี๋ยวจะไม่สบาย” เขากลับมายิ้มปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่าถามถึงฉันเลย! หน้าอกกระเพื่อมเพราะแรงเต้นของหัวใจไม่หยุดเลยเนี่ย!!

“…”

“หรือ… จะให้พี่ไปเอาเสื้อมาให้เปลี่ยนที่นี่ไหม?” จู่ๆ พี่ตินก็เหลือบมามองเสื้อเปียกๆ ของฉันอีกรอบ “เรากล้าเดินเข้าไปทั้งสภาพนี้รึเปล่า? พี่ไปเอามาให้ได้นะ”

“เอ่อ…” เอิ่ม! อันที่จริงมันก็น่าขายหน้าไม่น้อยเหมือนกันนะที่จะต้องเดินไปเจอผู้ชายสามคนในสภาพโชว์ชั้นในลายเสือดาว…

“รอนี่แหละ… เดี๋ยวพี่รีบมา”

พี่ตินไม่รอฟังคำตอบจากฉัน เจ้าตัวรีบเดินออกไปตามทางเดิมที่เราใช้เดินเลาะมา ฉันกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก หัวใจยังคงเต้นกระหน่ำไม่หยุดง่ายๆ

เมื่อกี้…

เมื่อกี้มันใกล้ชิดกันมาก… มากเกินพอดีไปแล้ว...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel