แฟนเพื่อน 1
แฟนเพื่อน STORY 1
22.30 น.
“โอ้โห! ไปเที่ยวหรือไปเล่นงิ้วคะเพื่อน?”
“เออ! รอแป๊บน่า”
“เร็วเลย พายมันเร่งยิกๆๆ แล้วเนี่ย”
ฉันนอนเลื่อนโทรศัพท์อยู่บนเตียง พลางส่งเสียงเร่งมินเป็นระยะๆ หลังจากมองมันประโคมเครื่องสำอางลงบนหน้าอยู่เกือบชั่วโมงแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จสักที เรามีนัดออกไปปาร์ตี้กันเนื่องในโอกาสสอบเสร็จแล้ว อันที่จริงไม่จำเป็นต้องมีวาระก็ออกกันแทบทุกวันนั่นแหละ แค่วันนี้เป็นวันพิเศษเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย
‘วันเกิดพี่ติน’
“แก… วันนี้แกไปนอนห้องพายได้ไหม?” มินถามโดยไม่ได้หันมามอง มันกำลังสาละวนกับการทาปากเปลี่ยนสีซ้ำไปซ้ำมา
“ทำไมอะ?”
“ฉันจะให้ของขวัญพี่ติน” มินหันกลับมามอง พร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่ต้องบอกก็รู้ได้เลยว่าของขวัญที่ว่านั่น คืออะไร?
“เออ” ฉันตอบส่งๆ แต่ในใจกำลังส่งเสียงวิ้งๆ
คือจะพูดยังไงดี ฉันยังไม่ได้หลงรักพี่ตินถึงเบอร์ที่ว่าลึกซึ้ง แต่พอได้ยินอะไรแบบนี้แล้วก็แอบจี๊ดๆ นิดนึง เอาเถอะ! มันไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยที่สองคนนี้มีอะไรกันบนเตียงที่ฉันกำลังนอนอยู่นี่แหละ
“น่าร้าก!!” มินกระโดดมาหาฉันพร้อมกับหอมแก้มฟอดใหญ่ หน้าสวยๆ ยิ้มแป้น ฉันหัวเราะเบาๆ ทำเป็นเบ้ปากแล้วผลักหัวมันให้ห่างออกไป เจ้าของเรือนร่างสวยสะพรั่งหมุนตัวเดินไปคว้ากระเป๋าแล้วหันมาพยักหน้าเรียก “ไปกัน”
“ได้ฤกษ์แล้วเหรอเนี่ย? นึกว่าจะต้องรอจนผับปิด”
“วันพิเศษฉันก็ต้องสวยเป็นพิเศษสิ”
“เออ เอาเหอะ”
เราสองคนออกจากห้อง แล้วเดินทางไปยังสถานที่นัดหมายด้วยรถคันหรูของมิน ถึงเราจะเป็นเพื่อนสนิทกันแต่ฐานะทางการเงินของฉันต่างจากมันลิบลับ มินเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่พ่อแม่ส่งเงินให้ใช้ไม่ขาดมือ ส่วนฉันต้องทำงานพาร์ตไทม์งกๆ เพื่อส่งตัวเองเรียน ข้าวของดีๆ ไม่เคยได้ใช้แบบเพื่อนหรอก แต่ยังดีที่มีมันเป็นเพื่อนที่ไม่เคยเอาเรื่องพวกนี้มาพูดเลย
ผับ Y
เสียงเพลงอัดบีตหนักๆ ดังกระหึ่มจนพื้นสะเทือน ฉันลากมินให้เดินไปยังโต๊ะประจำที่จองเอาไว้ เพื่อนคนอื่นๆ มาถึงกันหมดแล้ว และกำลังเต้นกันอย่างเมามันแบบโนสนโนแคร์คนที่ยืนสวยๆ โต๊ะอื่นๆ
ไม่ใช่แค่เพื่อนฉันหรอก แต่รวมไปถึงพวกเพื่อนพี่ตินด้วย
เจ้าของวันเกิดอยู่ในชุดไปรเวตสุดเท่ท่ามกลางเพื่อนๆ หน้าตาดียกแก๊งของเขา สำหรับฉัน… เขาน่ะหล่อที่สุดแล้ว! เสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงยีนราคาแพงเข้าชุดกันยิ่งขับให้เขาออร่าพุ่งกระจายหนักกว่าเดิม รอยยิ้มหล่อๆ ระบายกว้างกำลังพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนของฉันอย่างสนิทสนม
และก็เป็นคนแรกที่หันมาเห็นเราสองคน
“มาช้าจัง” ขายาวๆ เดินเข้ามาหา พร้อมกับโอบเอวมินเข้าหาตัว หันมายิ้มให้ฉันเล็กน้อยแล้วเอ่ยชม “วันนี้เชอน่ารักนะ”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับอย่างเก้อกระดาก แต่คนชมไม่ได้สนใจต่อ หันไปกระซิบกระซาบกับคนในวงแขนอย่างอารมณ์ดี ปล่อยให้ฉันก้มมองตัวเองในเสื้อสายเดี่ยวลูกไม้สีขาวขนาดหลวมกว่าตัว กับกางเกงขาสั้นธรรมด๊า ธรรมดา ทั้งที่ไม่ได้ต้องการจะเปรียบเทียบแต่ฉันกลับมองไปที่มิน… เสื้อผ้าหน้าผมตั้งแต่หัวจรดเท้าราคาเฉียดแสน ยิ่งอยู่บนเรือนร่างคนสวยๆ แบบมันยิ่งทำให้ฉันเหมือนเด็กรับใช้ยังไงยังงั้น
ไอ้ที่ชมว่าน่ารักคงแค่เพราะฉันเป็นเพื่อนแฟนมากกว่า
“เชอ!!!!! มานี่สิ!!”
เสียงของพะพายทำให้ฉันตื่นจากภวังค์ มันพุ่งเข้ามาลากแขนฉันให้เข้าไปร่วมวงกับคนอื่นๆ เพราะคนในผับแน่นมากเลยต้องทั้งเบียดทั้งแทรกตัวเข้าไป ยิ่งฉันเป็นคนเล็กแล้วด้วยกว่าจะถูกดึงไปถึงโต๊ะได้เล่นเอาเหงื่อตก
“มาช้าต้องซ่อม!” แก้วช็อตถูกยื่นมาตรงหน้าทันทีที่เดินไปถึงโต๊ะ
กีกี้ เพื่อนชายใจหญิงที่ผ่านการแปลงเพศสภาพมาแล้วกอดคอฉันไว้ใต้วงแขนมัน ก่อนจะเรียกคนอื่นให้หันมาส่งเสียงเชียร์ “อีเชอมันมาช้าต้องโดนกี่ดอกคะเพื่อนๆ”
“สอง!!” พะพายตะโกนเสียงดังแข่งกับเสียงเพลง
“สาม!!”
“สี่ไปเลย!!” นังกี้สรุปเองเออเอง แต่เรียกเสียงเชียร์จากทุกคนได้เป็นอย่างดี “แดกค่า!!!!!!”
“โอ๊ย!! เบาๆๆๆๆ”
ฉันถูกเพื่อนบ้าสองสามคนจับให้เงยหน้าแล้วกรอกของเหลวลงปากอย่างกดขี่ข่มเหง รสชาติคุ้นเคย แต่ไม่เคยคุ้นชินได้สักทีแทบจะหลอมละลายลำคอ เสียงเพื่อนๆ ตะโกนเชียร์แข่งกับเสียงเพลงที่ยังคงดังกระหึ่มอยู่รอบๆ พอหมดช็อตที่สี่ ฉันถึงกับต้องเกาะขอบโต๊ะทำท่าทางเหมือนจะอ้วก จนไอ้คนที่คะยั้นคะยอให้ดื่มแตกฮือไปคนละทิศละทาง
“นังคนอ่อนแอ!!!!” กีกี้ตะโกนใส่ฉัน พร้อมกับหัวเราะร่า ในขณะที่ฉันทำได้แค่มองบนใส่มัน
“มินก็มาช้า ไม่เห็นมันต้องซ่อมเลย!” ฉันว่าพลางมองหาเพื่อน ซึ่งตอนนี้มันกำลังอยู่ในอ้อมแขนพี่ติน สองคนยังคงกระซิบกระซาบกันราวกับโลกนี้มีแค่สองคนเหมือนเคย
“มันจะเมาได้ไง วันเกิดแฟนนะอีบ้า” กี้บอกว่างั้น แต่ฉันรู้สึกว่าไม่แฟร์เลย เพิ่งมาถึงก็โดนกรอกสี่ช็อตรวดคนเดียวเนี่ย!!
“นี่ๆ อีเชอ! พี่โชมามั้ย?”
พะพายหันมาถามฉันด้วยสีหน้าระริกระรี้สุดๆ มันเป็นคนสวยนะ แต่เวลาเห็นผู้ชายแล้วเหมือนกลายร่างเป็นกระทิงไล่ขวิดผ้าแดง โดยเฉพาะพี่ชายฉันเนี่ย มันคลั่งไคล้จนแทบจะตั้งลัทธิบูชาพี่โชเลยขอบอก
“มามั้ง” ฉันตอบส่งๆ อันที่จริงพี่โชมาเที่ยวเป็นประจำนั่นแหละ ขานั้นวันไหนไม่ได้ออกคงเหมือนจะลงแดงตาย ทั้งๆ ที่ฉันเป็นน้องสาวแท้ๆ ยังได้เจอหน้าแค่อาทิตย์ละไม่กี่ครั้งเอง ก็ถ้าไม่นับว่ามาเจอตามผับล่ะก็นะ
“เหรอๆ แล้วอยู่ตรงไหนอะ? แกเรียกมาหน่อยสิๆ” พายชะเง้อชะแง้มองไปทั่วอย่างกับว่าจะมองเห็นงั้นแหละ คนยังกับหนอนแบบนี้
“เพลาๆ หน่อย! สงสารคนหล่อที่ต้องวิ่งหนีแกตลอดเนี่ย” กี้หัวเราะเบาๆ ทั้งที่ตัวมันเองก็พอกันนั่นแหละ
“หมดแก้ว!! หมดแก้ว!! หมดแก้ว!!”
ยังไม่ทันทีจะได้เมาท์อะไรกันต่อ คนอื่นๆ ก็พากันส่งเสียงดัง ยกแก้วขึ้นมาเป็นสัญญาณให้ดื่มพร้อมกัน รวมถึงพี่ติน และเพื่อนๆ เขาด้วย แค่เห็นของเหลวในแก้วฉันก็กลืนน้ำลายรู้สึกขมคอขึ้นมาซะแล้ว แต่ไม่รอดพ้นสายตานังกี้หรอก มันจัดมาให้ฉันอีกครั้ง ส่งสายตาบังคับขู่เข็ญประกอบ
“หมดแก้ว!!!”
ฉันก็เลยต้องจำใจกระดกแก้วพร้อมกันกับคนอื่น เสียงเพลงกับเสียงตะโกนคุยกันที่ดังอยู่รอบๆ ตัวมันยิ่งเริ่มทำให้มึนหัวทั้งๆ ที่เพิ่งดื่มไปไม่เท่าไหร่ อาจเป็นเพราะตอนกลางวันไม่ได้กินอะไรเลยมันถึงเป็นแบบนี้
พอหมดแก้วทุกคนก็พากันกระแทกแก้วว่างเปล่าเหลือแค่น้ำแข็งลงบนโต๊ะ ฉันเงยหน้าขึ้นหลังจากหลับตาปี๋เพราะรสชาติไม่น่าอภิรมย์อยู่ครู่หนึ่ง ก็บังเอิญสบสายตากับพี่ตินพอดี เขายืนหล่ออยู่คนเดียวไม่รู้เหมือนกันว่ามินหายไปไหน สายตาที่มองมาอย่างขบขัน ทำให้ฉันอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
ฉันฉีกยิ้มส่งให้แก้เก้อแล้วหันไปคุยกับเพื่อนต่อโดยไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาเขายังคงจับจ้องมาที่ฉันเหมือนเดิม…
ATIN TALK
02.00 น.
“โอ้ก!!! อ้วก!!! โอ้ก!!!”
ร่างเล็กนั่งโงนเงนอยู่บนขอบฟุตบาท และกำลังส่งเสียงอาเจียนอย่างไม่แคร์สายตาคนอื่นเลยสักนิด ผมยืนมองเพื่อนๆ เชอรี่พากันลูบหลังให้คนเมาอย่างสงสาร ไม่รู้เหมือนกันว่ามินหายไปไหน จู่ๆ ก็บอกว่ามีธุระด่วนแล้วก็หายไปเลย
ถึงผมจะงงมาก แต่ไม่ตกใจอะไรเท่าไหร่ พักหลังมามินก็เป็นแบบนี้ประจำ คิดจะไปไหนก็ไป เดี๋ยวก็กลับมาเอง แต่แปลกที่วันนี้หายไปเลย แถมรถก็ไม่อยู่แล้วด้วย โทรไปก็ดันปิดเครื่อง ผมไม่รู้จะทำยังไงแต่ก็ไม่ได้ตาม ก็บอกแล้วว่ามินเป็นแบบนี้ประจำ
“โอ๊ย! นังกี้แกน่ะแหละไปชงให้มันไม่รู้กี่สิบแก้ว รับผิดชอบเลย!!” พายตะโกนเสียงดัง มองค้อนเพื่อนชายใจหญิงของตัวเองอย่างหงุดหงิด
“ก็เห็นเพื่อนสอบมาเครียดๆ นี่หวังดีนะยะ” กีกี้ยืนเท้าสะเอวตอบ คนอื่นๆ พากันหัวเราะ แต่มีคนนึงที่หัวเราะไม่ออกกำลังนั่งหน้าแดงก่ำตาลอยๆ เหมือนคนเมาเต็มรูปแบบ
“เอาไงเนี่ย? รถก็ไม่มี มินมันหายหัวไปไหนอีกแล้ว?”
“เทเพื่อนตลอดเลยอีนี่”
ผมใช้เท้าดับบุหรี่ที่สูบอยู่ก่อนจะเดินสาวเท้าเข้าไปหาสาวๆ สองคนหันมามองแล้วทำเป็นตกใจว่าแฟนเพื่อนขี้เทยืนอยู่ตรงนี้ แต่ผมไม่ว่าอะไรหรอก เพราะคบมินมานานพอสมควรเลยทำให้รู้ว่าแต่ละคนมีนิสัยยังไง และคงไม่ได้คิดเป็นเรื่องจริงจัง ส่งยิ้มกลั้วหัวเราะให้น้องมันด้วยซ้ำ
“เดี๋ยวพี่ไปส่งเชอเอง ไม่ต้องห่วง” ผมว่าพร้อมมองไปที่เชอรี่ซึ่งกำลังนั่งตัวโงนเงนจะล้มทุกๆ สองนาที
“แหม! เกรงใจจังค่ะ วันเกิดพี่ตินแท้ๆ” กีกี้จีบปากจีบคอพูด แต่ใบหน้าเปื้อนยิ้มเพราะตัวเองพ้นความรับผิดชอบแล้ว ผมได้แต่หัวเราะอย่างไม่คิดมาก เพื่อนมินก็เหมือนน้องสาวผมทุกคนนั่นแหละ
“รอตรงนี้แหละ เดี๋ยวพี่เอารถมารับ”
“คนอะร้าย! หล่อแล้วยังใจดีอีก”
เสียงกีกี้ตะโกนไล่หลังมาอย่างเอาอกเอาใจ ผมหันไปบอกลาเพื่อนตัวเองที่ยืนแกร่วอยู่แถวนั้นพวกมันพยักหน้าเข้าใจก่อนจะแยกย้าย คนอื่นคงจะไปหาร้านต่อ
แต่วันนี้ผมคงพอแล้ว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
“เดินไหวไหม?”
“…”
ผมพยุงคนตัวเล็กลงมาจากรถ หลังจากลูกชายสุดที่รักที่เพิ่งถอยออกจากอู่ได้ไม่กี่วันโดนประทุษร้ายด้วยการอาเจียนใส่เต็มคอนโซลหน้ารถ โชคดีที่มีแค่น้ำไม่ได้มีเศษซากอาหาร แต่ก็นั่นแหละ… ค่อยเอาไปล้าง
“คีย์การ์ดล่ะ?” ผมถามเชอรี่ที่ทำหน้ามึนๆ คนตัวเล็กพยักหน้าเหมือนรับรู้ ก่อนจะตะปบมือเข้าที่กระเป๋ากางเกงด้านหลังตัวเอง ผมยืนพยุงรอแขนเล็กๆ สะบัดไปควานหาคีย์การ์ดที่กระเป๋าซ้ายทีขวาที แล้วทำหน้ามึนหนักกว่าเดิม
“ไม่มีอะ” ใบหน้าขาวใสที่แทบไม่ได้แต่งแต้มเลยเงยมามอง ปากสีชมพูเรื่อเริ่มจะคว่ำลงตามประสาคนงอแงเวลาเมา “หาย! หายไปไหนไม่รู้!”
“ไหน พี่ดูหน่อย” ผมถือวิสาสะล้วงมือไปตรงกระเป๋ากางเกงด้านหลังคนในอ้อมแขน แต่ก็พบว่ามันไม่มีจริงๆ ที่ตัวน้องมันไม่มีอะไรอยู่เลยโทรศัพท์ก็แบตฯ หมดไปเรียบร้อยแล้วด้วย
“ไม่มีที่นอน…” มือเล็กชี้ไปที่ทางเข้าหอของตัวเองแล้วทำท่าจะร้องไห้ เวลาเมาเด็กนี่งอแงแบบนี้เป็นประจำ ผมไม่ได้เพิ่งเห็นครั้งแรกหรอก ทั้งๆ ที่เวลาปกติเป็นคนออกจะโผงผางสักหน่อย แต่ตอนนี้เหมือนลูกแมวดื้อๆ ตัวหนึ่ง
“ขึ้นรถก่อน”
แล้วผมก็พาตัวน้องมันยัดใส่รถอีกครั้ง ตัดสินใจว่าจะพาไปนอนที่บ้านผมเอง เพราะอยู่ที่นั่นคนเดียวเลยทางสะดวกไม่ต้องมีใครมาตั้งคำถามว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร อีกอย่างเชอรี่ก็เป็นเพื่อนสนิทของมินจะทิ้งขว้างให้อยู่คนเดียวก็ออกจะเกินไปสักหน่อย
ใช้เวลาแค่ไม่นานก็มาถึงบ้านเดี่ยวชั้นเดียวขนาดกลางที่อยู่ใกล้ๆ มหา’ลัย ของผม
“อะ… อ้วก!!” คนเมาโก่งตัวอาเจียนอีกครั้ง ผมได้แต่ยืนมองสภาพเละเทะอย่างอ่อนใจ เสื้อตัวสั้นเปียกคราบอ้วกเป็นทางยาว กางเกงก็เลอะเทอะไปหมด
ผมถือวิสาสะลากน้องมันไปห้องน้ำ จัดการถอดเสื้อผ้าเชอรี่ออก คนตัวเล็กไม่ขัดขืนได้แต่นั่งตัวอ่อนปวกเปียกเหมือนไม่มีแรงปล่อยให้ผมทำอะไรได้ตามใจชอบ ผิวขาวเนียนใต้ร่มผ้า ส่วนเว้าโค้งน่าประทับใจ ทำให้ผมต้องเบือนหน้าหนีแล้วใช้มือคลำๆ ทางเอา ฝักบัวถูกเปิดรดตัวเชอรี่มือผมคอยพยุงร่างเล็กให้นั่งตัวตรงๆ แต่ยัยเด็กนี่เอาแต่ขยับตัวยุกยิกหัวเราะไม่หยุดเมื่อมีคนอาบน้ำให้
“เย็น!!” แถมยังส่งเสียงดังโวยวายเป็นเรื่องเป็นราว
“เดี๋ยวเสร็จแล้ว”
ผมบอกพร้อมกับเอาผมสั้นๆ ทัดหูให้ ก่อนจะล้างหน้าล้างตาที่เต็มไปด้วยคราบอ้วกอย่างไม่รังเกียจ แต่เอาตรงๆ ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้ใครเลย ถ้าไม่ติดว่าเชอรี่เป็นเพื่อนมิน และผมก็เอ็นดูยัยนี่เหลือเกิน อาจจะปล่อยให้นอนมันทั้งสภาพเละๆ แบบนี้จนถึงเช้าเลยด้วยซ้ำ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็ต้องบริการวิ่งไปเอาผ้าเช็ดตัวมาคลุมร่างที่เหลือแค่ชั้นในตัวจิ๋วสองชิ้นที่ตอนนี้ก็เปียกไปหมด เพราะเชอรี่ไม่ทำอะไรเองเลยสักอย่าง ผมเลยต้องเป็นคนถอดให้แต่ใช้วิธีคลุมผ้าเช็ดตัวเอา หลังจากนั้นก็พาคนเมาไปส่งถึงเตียง
เล่นเอาหมดสภาพเลย… หมายถึงกูเนี่ย...
หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ร่างเล็กนอนกลิ้งเกลือกบนเตียงนอนได้เต็มที่ ในขณะที่เจ้าของบ้านแบบผมต้องพาร่างเปียกโชกของตัวเองไปอาบน้ำอีกรอบ ออกมาอีกทีคนเจ้าปัญหาก็นอนหลับปุ๋ยไปแล้วทั้งๆ ที่ยังอยู่ในผ้าเช็ดตัวนั่นแหละ ผมยืนมองแขนขาเรียวสวยที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าเช็ดตัวด้วยความรู้สึกหนักอก
ถึงเราจะสนิทกัน เจอหน้ากันทุกวันเพราะผมไปนอนกับมินบ่อย แต่ยังไงน้องมันก็เป็นผู้หญิง ซ้ำยังหน้าตาน่ารัก ขาวโบ๊ะไปทั้งตัว… ก็ถ้าเป็นคนอื่น… เชอรี่โดนกินไปแล้วแหงๆ
ผมหาเสื้อที่ตัวเล็กที่สุดของตัวเองไปใส่ให้ร่างเล็ก พร้อมกับบ็อกเซอร์ของตัวเองที่ต้องม้วนเอวให้ถึงสามสี่ตลบ กว่าจะได้ล้มตัวลงนอนก็ปาเข้าไปเกือบตีสี่ แต่เปลือกตายังไม่ทันที่จะปิดลง เสียงแจ้งเตือนจากแชทไลน์ก็ดังขึ้น
‘มินขอโทษนะ พอดีมีธุระด่วนจริงๆ เลยไม่ได้บอกใคร พรุ่งนี้จะไถ่โทษให้นะคะ’
ผมเปิดอ่านข้อความด้วยความรู้สึกนิ่งเฉย มันไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนมินเททิ้งกลางทางแบบนี้ ถึงมินจะเป็นแฟนกับผมมาหลายเดือน แต่ผมก็พอจะรู้… ว่าเจ้าตัวมีความลับอะไรบางอย่าง
บางอย่างที่ผมไม่รู้คงจะดีกว่า...
