บทที่5
* * *เช้าวันใหม่ * * *
วันนี้อากาศหนาวจับหัวใจ ปัจจุบันนี้โลกเราเปรียบเสมือนกับเครื่องตั้งเวลา ผู้คนมากมายต่างดำเนินชีวิตในแต่ละวันแข่งขันกับเวลาการหมุนของโลก จนลืมที่จะทันได้สังเกตเห็น ว่าท้องฟ้าตอนฝนกำลังตกนั้น..มันสดใสและกว้างใหญ่เพียงใด
เหตุผลที่ฉันชอบฤดูหนาวก็คงเป็นเพราะมันทำให้ฉันรู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ ในความคิดของฉัน...ความหนาวมักจะทำให้คนเราแข็งแกร่งขึ้น!
ฉันมักจะคิดเสมอว่ามันเป็นพรที่พระเจ้าประทานลงมาให้เราทุกคนที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความหวัง หวังว่าสักวันพระเจ้าจะทรงเข้าใจความเงียบเหงาของคนเหล่านั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ...ฉัน
“ยูริมาโรงเรียนแล้ว ถึงว่าทำไมจู่ๆ ฟ้าก็มืดครื้มราวกับจะมีพายุใต้ฝุ่นขึ้นเกิดเร็วๆ นี้” เสียงนกเสียงกาข้างทางทำลายบรรยากาศที่แสนจะดี๊ดีของฉันให้สลายไปในพริบตา
“นั่นสิ! มากับพายุจริงๆ เลย เวลายัยนั่นเดินไปทางไหนนะ ทางนั้นจะดูเงียบเชียบวังเวงจนน่าขนลุกเลยล่ะแก” ตามเคยเป็นประจำของทุกวันที่ฉันจะโดนนินทา
แต่วันนี้อารมณ์ดี ให้อภัย! เพราะไอ้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ทำให้ฉันอารมณ์ดีข้ามคืน ป่านนี้ไอ้หน้าหล่อนั่นจะเป็นยังไงบ้างนะ คงจะเข็ดไปอีกล้านปีแสงแน่ๆ
ฉันเดินยิ้มแฉ่งให้ยัย2สาวนิรนามเพราะไม่รู้จักเลยไม่รู้ชื่อ ยัย2คนนั้นมองหน้าฉันแปลกๆ ก่อนจะหันไปมองหน้ากันและกันและออกตัววิ่งเข้าหอประชุมไปในทันที นี่เห็นฉันเป็นตัวอะไรเนี่ย ฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่มีเขามีเขี้ยวนะย่ะ
หลังจากสงบสติอารมณ์อยู่ครู่ใหญ่ๆ ฉันเดินหัวเสียสีหน้าบอกบุญไม่รับเข้าหอประชุมที่แออัดไปด้วยผู้คนมากมายทันที ซึ่งวันนี้เป็นวันที่จะต้องจับฉลากเลือกแล้วว่า ทางโรงเรียนจะได้ประกวดอะไรในปีการศึกษานี้
และประธานนักเรียนคนใหม่ที่เพื่อนหญิงร่วมชั้นของฉันเพ้อฝันถึงคือใคร? นี่ถ้าจำไม่ผิด ประธานนักเรียนคนเก่าที่เพิ่งจะลาออกจากการเป็นประธานนักเรียนแถมยังลาออกจากโรงเรียนไปด้วยนั้น ฝีมือการขับไล่ของฉันนี่นา
ก็ถ้าไอ้บ้านั่นไม่บังอาจมาตะโกนใส่หน้าฉันต่อหน้าผู้คนครึ่งคร่อนโรงเรียน มันก็คงไม่ถูกฉันจ้างกะเทยทึกไปรุมโทรมจนต้องอับอายลาออกจากโรงเรียนไปหรอก
ฉันไม่ผิดนะ เพราะปกติแล้วฉันเป็นคนดีจิตใจงามปานมหาสมุทรแอตแลนติก แต่บังเอิ๊ญบังเอิญวันนั้นประจำเดือนมาไม่ปกติ มันก็เลยพลอยให้อารมณ์ฉันไม่ปกติตามไปด้วย
* * * ภายในหอประชุม * * *
ภายในหอประชุมที่เล็กจนถึงขั้นใกล้จะระเบิด ฉันกำลังถูกเบียดเสียดด้วยผู้คนมากมายหลายขนานที่พากันวิ่งทะลักเข้ามาข้างในอย่างเอาเป็นตาย
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ! หลังจากที่ฉันก้าวเท้าเข้าหอประชุมปุ๊บ ฝนที่ก่อนหน้านี้แค่ตกปรอยๆ ก็เทลงมาราวกับฟ้ารั่วยังไงอย่างงั้น
[เอาล่ะทุกคน ฟังทางนี้] เสียงน้าสาวสุดสวยของฉันตะโกนใส่ไมโครโฟนจนเสียงที่ดังค่อยๆ หรี่ลงเรื่อยๆ จนเกือบจะเงียบในที่สุด ฉันลืมแนะนำน้าสาวแสนดุคนนี้ไปได้ยังไงนะ
น้าจุงโกะ หรือที่ทุกคนในโรงเรียนขนานนามว่า ’ผ.อ เค็ม’ น้าเป็นผู้หญิงที่จัดว่าสวยอยู่ไม่ใช่น้อย อายุอารามก็ปาเข้าไปสามสิบต้นๆ จะได้แล้ว แต่กลับไม่มีสามีเป็นตัวเป็นตน ฉันเคยถามน้าตั้งหลายต่อหลายครั้งแล้วว่าทำไมไม่หาแฟนสักคน จะอยู่เป็นโสดไปจนตายเลยรึยังไง แต่คำตอบที่กลับมาทำให้ฉันสงสารผู้ชายทั้งโลกอย่างห้ามเสียไม่ได้...
‘ผู้ชาย มีอยู่รกโลกเต็มไปหมด ในเมื่อมีผู้ชายให้เราเลือกมากมาย ทำไมจะต้องเอาชีวิตทั้งชีวิตไปผูกติดอยู่กับคนๆ เดียวด้วย’ นี่แหละ! คำตอบของน้าสาวแท้ๆ ของฉัน
[ก่อนอื่นต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่า การประกวดในปีนี้จะพิเศษกว่าทุกๆ ปี] แน่ละ! มันต้องพิเศษอยู่แล้ว เพราะปีนี้ได้ข่าวมาว่ามีผู้บริจาคเงินสบทบทุนการประกวดบ้าบออะไรนั่นเป็นมูลค่าที่มากมายใช่ย่อย
น้าจุงโกะเลยกะจะจัดให้มันยิ่งใหญ่กว่าปีไหนๆ ไปเลย (ก็อย่างที่เคยบอก เกิดเป็นหลานสาว ผ.อ ก็เงี้ย อัพเดดข้อมูลข่าวสารไวกว่าคนปกติ)
[ก่อนที่เราจะทำการจับฉลาก ครูต้องขอแนะนำประธานนักเรียนคนใหม่ในปีนี้ให้ทุกคนรู้จักกันก่อน^-^ หนุ่มหน้าหล่อจากประเทศไทยที่จะมารับตำแหน่งประธานนักเรียนคนใหม่ของเราชื่อว่า เรียวตะจ๊ะ] เฮ่อะ เฮ่อะ เหยื่อรายใหม่ของฉันมาอีกแล้ว~ ไหนขอดูหน้าหน่อยสิว่าจะหล่อสู้ไอ้ปากสุนัขเมื่อวานได้รึเปล่า
ว่าแล้วฉันก็ค่อยๆ ชะเง้อคอมองหาประธานนักเรียนคนที่ว่า อยู่ไหนนะ ฉันพยายามกวาดสายตาไปทั่วๆ หอประชุม จนไปสะดุดเข้ากับสายตาสีดำคู่หนึ่งที่กำลังยืนอยู่ข้างหลังน้าจุงโกะเข้าโดยบังเอิญ
หน้าตาหล่อเหลาเอาการแบบนี้ ปากนิดจมูกหน่อยแบบนี้ ผิวขาวปานน้ำตาลทรายแบบนี้ หล่อสู้ไอ้บ้านั่นได้แน่นอน เพราะผู้ชายที่กำลังยืนยิ้มหวานอยู่บนเวทีนั่น คือคนๆ เดียวกันกับไอ้ปากมอมที่ฉันประสบพบเจอเมื่อวาน
คนที่ทำให้ฉันอารมณ์ดีข้ามคืนนั่นแหละ ถึงว่าสิ! หมอนั่นถึงได้ใจกล้ามาสั่งฉัน ที่แท้ก็เป็นประธานนักเรียนคนใหม่นี่เอง
[สวัสดีครับ] คำแค่สามคำของอีตาบ้านั่นสามารถเรียกเสียงกรี๊ดจากกองทัพชะนีได้เป็นอย่างทล่มทลาย โดยมีฉันยืนเป็นจุดศูนย์กลางการประสานเสียงในครั้งนี้ ฉันผิดเองที่ดันเลือกจะยืนตรงกลางของห้องประชุม จะโทษใครก็ไม่ได้ ดันเลือกที่จะซวยเอง
