บทที่4
“ไม่พูดแล้วจ้าา!” อ๊ากกกกกก นี่เล่นประสานเสียงกันพูดเลยเหรอเนี่ย พูดเบาๆ ก็ได้ยินแล้วโว้ยยย
หลังจากที่ฉันสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้แล้ว ห้องเรียนก็กลับสู่สภาพเดิมแต่เงียบกว่าเดิม ไม่มีใครพูดถึงเรื่องผู้ชายอีกเลย อันที่จริงแทบจะไม่มีใครกล้าที่จะอ้าปากคุยกันเลยด้วยซ้ำ
บางคนถึงกลับนั่งเงียบตั้งใจเรียนทั้งๆ ที่แต่ก่อนเคยหลับเป็นตาย นี่ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ยฉันชักจะกลัวตัวเองขึ้นมาหน่อยๆ ซะแล้วสิ
ออดดดดดดดดดด~
เสียงออดดั่งระฆังสวรรค์ที่ฉันเฝ้ารอมานานแสนนานนับชั่วโมงดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกเวลาพักกลางวัน ไม่ต้องรอให้ใครมาเชื้อเชิญหรือถีบหัวส่ง ฉันเป็นคนแรกที่ออกจากห้องเรียนด้วยสีหน้าเซ็งๆ เพราะถ้าฉันไม่ย่างก้าวออกมาคงไม่มีใครกล้าออกจากห้องเรียนเป็นแน่!!
จอแจ จอแจ
เสียงพูดคุยกันราวกับว่าไม่ได้คุยกันมาประมาณชาตินึงดังขึ้นจากโรงอาหาร ศูนย์รวมความโกลาหลที่มีประชากรหลักคือพวกที่หิวโซไม่ก็หิวหน่อยๆ โต๊ะนั่งหลากสีกระจัดกระจายเคลื่อนพื้นที่บ่งบอกถึงความซกมกที่เกิดขึ้นภายในรั้วโรงเรียนได้อย่างดีเยี่ยม ถ้าจะเสาะหาระเบียบวินัยภายในโรงเรียนนี้ล่ะก็...คงไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทร!
ฉันเดินเข้าร้านนู้นออกร้านนี่เป็นว่าเล่น ก่อนจะเดินหอบหิ้วขนมเต็มไม้เต็มมือเดินออกจากโรงหารด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
เฮ้อ~เห็นคนอื่นเขานั่งกินข้าวกับเพื่อนเป็นกลุ่มๆ อย่างนี้ ชักอยากจะมีเพื่อนเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาบ้างซะแล้วสิ แต่ก็คงได้แค่ฝันเท่านั้นแหละ ขนาดคนที่จะสบตากับฉันยังไม่ค่อยจะมี เรื่องที่ว่าจะมาเป็นเพื่อน..ลืมไปได้เลย
หมับ!
ขณะที่ฉันกำลังสาวเร่งฝีเท้าเดินออกจากโรงอาหาร ฝ่ามือปริศนาไม่กลัวตายก็คว้าหมับที่ต้นแขนของฉันอย่างจัง
Who are You? = มันเป็นใคร?
“ปล่อย” ฉันขบอารมณ์โกรธที่เริ่มจะลุกโชพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่อาบยาพิษ!!
“ปล่อยไม่ได้” ย้ากกกกกก คนบ้าอะไรฟ่ะ เสียงเย็นจับขั้วหัวใจดีจริงๆ นี่แค่เสียงนะ ถ้าไอ้นั่นจะขนาดไหนเนี่ย(หมายถึงหน้าตาน่ะ กรุณาอย่าคิดลึก)
“ทำไมถึงปล่อยไม่ได้” อย่าตอบว่าลมมันเย็นนะ ไม่งั้นฉันจะเตะก้านคอแก ข้อหาเล่นมุกฝืดกลางที่สาธารณะ(เกี่ยว)
“เธอทำผิดกฎโรงเรียน ว่าด้วยเรื่องนำอาหารออกนอกโรงอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต กลับเข้าไปกินให้หมดแล้วค่อยออกไป”
“นายเป็นพ่อฉันรึไง! ถึงได้มาสั่งฉะ...”
ช็อก
ช็อกหน่อยๆ
โคตรช็อก
กรี๊ดดดดดดดดดดด อกอียูริผู้นี้จะแตก ทันทีที่ฉันหันหน้าไปเผชิญกับไอ้เจ้าเสียงเย็นเฉียบนั่น ปากฉันก็อ้ากว้างด้วยความตกใจ ตกตะลึง จนถึงขั้น..ตกหลุมรัก! หมอนี่เป็นใครก๊านนน! ทำไมถึงได้~ หล่อบาดลึกอย่างนี้นะ โฮกกก~ เลือดกำเดาจะไหล ผิวขาวเนียนละเอียดราวกับว่าจะมีแสงประกายเปล่งปลั่งออกมาจากตัว จมูกโด่งเป็นสัน ผมสีดำสนิทซอยสั้นปะบ่า ดวงตาสองชั้นสีดำที่แลดูจะน่าหลงใหลราวกับภาพวาดสีน้ำมันชั้นเยี่ยม โครงหน้าเรียวยามรูปไข่ ริมฝีปากบางเป็นกลีบ ความสูงที่มองยังไงก็มีเสน่ห์ ทำให้ฉันกลายเป็นเสาหลักกิโลไปโดยไม่ต้องสงสัย
ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกสายตาคู่นั้นสะกดจิตทำให้ฉันไม่สามารถหยุดสบตากับดวงตาสีดำคู่นั้นได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ฉันยังไม่เคยพบเคยเจอ ผู้ชายอาร้าย~ หล่อสะท้านพิภพจริงๆ แต่ดูเหมือนว่าฉันจะจ้องเขานานไปหน่อยนะ ทำให้คิ้วเข้มๆ ทั้งสองข้างนั่นเริ่มขมวดเข้ามากัน หมอนี่ดูท่าว่าจะหล่อแต่เจ้าอารมณ์แหะ
ยังไงซะ!! ฉันไม่มีทางให้อภัยเขาเพราะว่าเขาหล่อแน่!
ถึงเขาจะหล่อมากก็เหอะ ฉันจะต้องสั่งสอนให้มันรู้เอาไว้ว่า..คนอย่างยูริ..ฆ่าไม่ได้! หยามก็ยิ่งไม่ได้
“มองหน้าหาหวยรึไง ยัยเตี้ย!”
นะ...นั่นปากเหรอนั่นน่ะ หมอนั่นมันเป็นคร้ายยยย~บังอาจมาหลอกด่าฉันเป็นภาษาไทย เห็นหน้าโง่ๆ แบบนี้ฉันก็เคยระหกระเหินไปอยู่ที่ประเทศไทยกับพ่อตั้งสี่ปีเชียวนะจะบอกให้!! ประโยคที่เขาพ่นออกมานั้น ทำลายความประทับใจแรกพบของฉันที่มีต่อเขาจนหมดเกลี้ยงไม่เหลือซากให้เก็บกวาด
“เลิกทำหน้าปัญญาอ่อนใส่ฉันแล้วกลับเข้าโรงอาหารไปซะ” นั่นเขาสั่งฉันใช่ไหม...ใช่ไหม!!
“นายเป็นใครทำไมฉันจะต้องกลัวด้วย!”
“เป็นเตี่ยของเธอล่ะมั้ง ยัยเตี้ย แต่เอ๊ะ! นี่เธอพูดภาษาไทยได้ด้วยเหลือเนี่ย ไม่น่าเชื่อ เห็นหน้าโง่ๆ นึกว่าจะพูดเป็นแต่ภาษาที่มนุษย์ไม่เข้าใจซะอีก”
“นี่นาย...ไอ้...”
“อะไร”
“ไอ้ขี้เก๊ก!”
“ขอบคุณ”
“ประสาทกลับรึไง ฉันด่า ไม่ได้ชม!”
“โบราณว่าผู้หญิงด่าแสดงว่าผู้หญิงรัก”
“แต่ฉันไม่ได้รักนายโว้ยยย”
“เธอร้อนตัว”
“นายจะกวนประสาทฉันให้ได้เลยใช่ไหมเนี่ย แล้วก็ช่วยปล่อยมือฉันด้วย ขยะแขยง”
“อยากจับตายล่ะ ผู้หญิงอาร้ายย~ ตัวก็เตี้ยแถมมือก็ยังสากอีก ถามจริงเหอะ! ทั้งเนื้อทั้งตัวเนี่ยมีตรงไหนบ้างที่บ่งบอกว่าเธอใช้คำนำหน้าว่านางสาวน่ะ” โอ้ ไอ้หมอนี่ดูท่าว่าจะไม่เคยตาย นายจะกล้ามากไปแล้วไอ้...ไอ้หล่อแต่นิสัยหยาบคาย แล้วนายจะเสียใจที่บังอาจมากระตุกหนวดเสืออย่างฉัน
“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้!”
“ไม่” ฉันชักจะเกลียดขี้หน้าไอ้หมอนี่เข้าไส้แล้วล่ะ
“ฉันให้โอกาสนายพูดอีกที”
“ไม่ ไม่ ไม่ พอใจรึยังยัยเตี้ย” พอแล้ว! หยุดตะโกนใส่หน้าฉันได้แล้วโว้ยยย หูฉันไม่ได้ทำมาจากปูนซีเมนต์ตราเสือนะย่ะ ที่จะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเวลาที่นายตะโกนหรือว่าแหกปากใส่น่ะ แต่ถึงยังไงซะ ตะโกนดังเท่าไหร่เขาก็คงไม่มีวันได้ยินมันหรอก ก็ฉันดันตะโกนในใจน่ะสิ คนอย่างฉัน! ถ้าโกรธขึ้นมาจริงๆ ไม่จำเป็นต้องพูดมากให้เมื่อยกามหรอก แต่ฉันชอบ...
“งั้นดี ในเมื่อเตือนแล้ว นายไม่ชอบฉันเห็นทีจะต้องใช้กำลังกับนายซะแล้วล่ะ” ฉันส่งยิ้มที่กวนประสาทไปให้เขาที่ยืนทำหน้างงอยู่ก่อนจะสะบัดมือเขาที่จับแขนฉันออก และ..
พลั่ก!...ใช้กำลังซะมากกว่า
OoO