บทที่1
ทุกอย่างฉันเพอร์เฟคหมดยกเว้น...ความสูง โอ้วว ทำไมพระเจ้าถึงไม่ประทานความสูงให้มันคู่กับความสวยของฉันบ้างนะ(แอบหลงตัวเอง) ฉันอยู่ในครอบครัวที่ค่อนข้างมีอันจะกิน พ่อกับแม่ตอนนี้ไปทำงานที่เมืองไทยซึ่งฉันเองก็เคยอาศัยอยู่ที่นั้นเหมือนกันเมื่อนานมาแล้ว จึงไม่แปลกอะไรที่ฉันจะสนทนากับพ่อและแม่ทุกครั้งที่พวกท่านโทรศัพท์มาหาเป็นภาษาไทย
พูดถึงพ่อกับแม่ทีไรแล้วเรื่องมันเศร้าซะทุกทีให้ตายสิ! นานทีปีหนฉันถึงจะได้มีโอกาสได้พบกับพวกท่านสักครั้ง อย่างที่กล่าวไปเมื่อสักครู่นี้...ฉันอาศัยอยู่กับน้าสาวแสนสวยแต่โคตรจะขี้บ่นที่วันๆ ไม่ทำอะไรเลยนอกจากตามล้างตามเช็ดสิ่งที่ฉันก่อไว้ในแต่ละวัน ซึ่งเรื่องนี้มันก็น่าเห็นใจน้าสาวที่แสนจะโชคร้ายที่ดันเกิดมาเป็นน้องสาวแม่ฉัน
จะทำยังไงได้ล่ะ ถ้าจะโทษ ต้องโทษที่พระเจ้าใจร้ายสิมันถึงจะถูก
ประตูห้องปกครองถูกเปิดออก ก่อนที่ฉันกับเดินไปถึงซะที ร่างสูงโปร่งเพียวลมของหญิงสาวที่ฉันเพิ่งจะนินทาไปเมื่อสักครู่นี้กำลังจับจ้องมาที่ฉันด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด...
“ว่าแล้วเชียว ยัยยูริตัวแสบ นี่มันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วฮะ!! ที่แกกวนประสาทอาจารย์มานามิเขาน่ะ” 'น้าจุงโกะ' น้าสาวแสน (เกือบ) สวยผู้บังเกิดเกล้าทักทายฉันด้วยคำพูดฮิตติดปากที่พูดอยู่เป็นประจำทุกวัน เหตุผลที่มันเป็นประจำก็คงเพราะ..ฉันเข้าห้องปกครองทุกวันวันล่ะสามครั้งล่ะมั้ง?
ตอนเช้า..ถูกเชิญเข้าเนื่องจากมาโรงเรียนสายทุกวัน
ตอนกลางวัน...มีเรื่องกับพ่อค้าแม่ค้าตามร้านอาหารต่างๆ (สาเหตุอันมาจากตักข้าวให้ฉันน้อยไป)
พอตกเย็น ฉันจะหาเรื่องกวนประสาทอาจารย์ทุกคนที่ดันโชคร้ายมาสอนคาบสุดท้ายในแต่ละวัน จนอาจารย์ทนไม่ไหวลากฉันเข้าห้องปกครอง และฉันก็จะถูกพักการเรียนตามคาบที่เหลืออยู่ ซึ่งถ้าจะพูดให้หายงงก็คือ ฉันจะได้กลับบ้านเป็นคนแรกของโรงเรียนยังไงล่ะ
“ฉันถามแกไม่ได้ยินรึไงฮะ! นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้ว”เสียงแหลมปรี๊ดถูกกระแทกมาที่หูของฉันเข้าอย่างจังด้วยฝีมือน้าจุงโกะ...บุคคลที่สามที่ฉันเคารพนับถือรองจากพ่อและแม่
“จำได้ก็เทพแล้วน้า สมองหนูมันไม่มีไว้จดจำไอ้เรื่องสัพเพเหระพวกนั้นซะด้วยสิ”
“โอ๊ยย~ ฉันจะบ้าตายกับแก ฉันประชดย่ะ!”
“อ้าว หนูไม่รู้นี่ว่าน้าประชด พอดีหนูเป็นคนซื่อค่ะ”
“ซื่อบื้อน่ะสิไม่ว่า” จู่ๆ บุคคลที่สามที่ควรจะยืนฟังอยู่เงียบๆ เพราะไม่ใช่เรื่องของตนก็พูดแทรกขึ้นมาระหว่างที่น้าหลานเขากำลังคุยกัน อยู่เฉยๆ ก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้หรอกค่ะอาจารย์~
“เผ่าพันธุ์คางคกของอาจารย์ไม่ได้สอนเหรอค่ะ ว่าเวลาคนเขากำลังคุยกันกรุณามีมารยาทน่ะ”
“ผ.อ ดูสิค่ะ! เขาเถียงคำไม่ตกฟากอย่างนี้ใครจะไม่ทนสอนได้ ฉันขอย้ายห้องค่ะ” ได้ทีฟ้องใหญ่เลยนะ ยัยอาจารย์กระสือ!
“อยากเรียนด้วยตายล่ะ” ฉันพูดไปอย่างลอยหน้าลอยตา ไม่รู้ไม่รู้ชี้
“นี่! ยัยเด็กบ้า แน่จริงลองพูดอีกทีสิ” โอ้โห ท้าทายอย่างแรง มีเหรอยูมิคนนี้จะไม่จัดให้น่ะ
“ฉันบอกว่า อยากเรียนกับกระสือตายล่ะ อะ อะ อะ!” ว่าแล้วฉันก็จัดการตะโกนใส่หน้าอาจารย์มานามิด้วยน้ำเสียงที่ดังลั่น จนเจ๊รีบปิดหูแทบไม่ทัน
“กรี๊ดดดดดดดดด ยัยเด็กบ้า! ยัย...”
“เอาล่ะๆ ใจเย็นๆ คะ อาจารย์มานามิ เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง เชิญอาจารย์กลับไปสอนต่อได้เลยนะค่ะ ส่วนแกยัยตัวแสบ เข้าไปรอน้าในห้อง” ฉันยักคิ้วกวนๆ ไปให้อาจารย์คางคกหนึ่งที ก่อนจะเดินเข้าห้องปกครองอย่างว่านอนแต่สอนยาก
ภายในห้องปกครอง
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักกี่วันกี่เดือนกี่ปีกี่ชาติ! ห้องทำงานของน้าจุงโกะก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย น้าจุงโกะเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะชื่นชอบผู้ชายหล่อเป็นชีวิตจิตใจ จึงไม่แปลกอะไรที่ห้องทำงานของน้าจะมีรูปผู้ชายมากมายหลายสัญชาติอยู่เต็มไปหมด แต่กลับไม่มีรูปฉันเลยสักรูปเดียว
นี่เป็นการแสดงถึงความรักใคร่ที่น้าจุงโกะมีต่อฉันอย่างเงียบๆ รึเปล่านะ
แสดงออกมามั้งก็ได้นะคะน้า หนูไม่ถือ!
นอกจากรูปผู้ชายในสต๊อกของน้าจุงโกะที่มีมากมายจนกินพื้นที่ผนังห้องไปเกือบครึ่งแล้ว อีกด้านหนึ่งที่ยังพอจะหลงเหลือที่ว่างอยู่นั้นจะประกอบไปชั้นไม้สักเพื่อเอาไว้สำหรับวางถ้วยรางวัลมากมายที่ดูแล้วสะอาดตากว่าไอ้รูปผู้ชายบ้าๆ ทางฟากโน้นเป็นกอง
“ว่าไง ยัยตัวแสบ วันนี้ไปก่อคดีอะไรเอาไว้บ้าง บอกน้ามาให้หมดเดี๋ยวนี้นะ“ ทันทีที่ขาก้าวเข้ามาในห้องทำงานโทรสีชมพูที่ชวนอ้วกน้าจุงโกะก็ยิงคำถามที่ตรงประเด็นไม่มีอ้อมใส่ฉันทันที
“โถ~ น้าล่ะก็~ เห็นหนูเป็นคนยังไงเนี่ย ก็แค่...ชกหน้าลูกชายพ่อค้าขายข้าวข้อหามองหน้าไม่มีเหตุผล ชกไอ้อ้วน ม.5 เพราะมันตัวกลมชวนอารมณ์ (แถวบ้านเรียกว่าพาล) เตะเป้าอาจารย์สอนพละ แล้วก็ด่าเจ๊รัศมีว่าคางคกผสมกระสือ คดีที่ก่อในวันนี้ก็มีเท่านี้แหละค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับยืดอกแบนๆ อย่างภาคภูมิใจ ขณะที่น้าสาวกลับนั่งเอามือตบหัวอยู่ที่โต๊ะทำงานด้วยสีหน้ากำลังใช้ความคิดชนิดที่ว่าฉันสามารถมองเห็นเส้นเลือดจากขมับด้านซ้ายของน้ารัก ที่มันปุดๆ ขั้นมาอย่างชัดเจนแจ่มแจ๋ว!
“ฉันจะทำยังไงกับแกดีเนี่ย ยูริ”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
“ฉันไม่ได้ถามแกโว้ยยย!”
“อ้าว? ก็ห้องนี้มีแค่เราสองคน...ไม่พูดกับหนู แล้วเมื่อกี้น้าพูดกับใครล่ะค้าาาา~”
“โถ่~ฉันอยากจะบ้าตาย”
“ถ้าน้าตายแล้วใครจะทำงานหาเลี้ยงหนูล่ะ”
“ยัยหลานบ้า! ฉันประชดโว้ยยยยย!”
“ฮ่าๆๆ แหมน้าสาวคนสวย ยังไม่ชินอีกรึไง”
“ชินกะผีน่ะสิ ยัยหลานบ้า! แกรู้ไหม ว่าวันๆ นึงฉันจะต้องสะสางเรื่องคดีที่แกก่อเอาไว้ตั้งไม่รู้เท่าไหร่ต่อไหร่ แล้วนี่มันอะไร เมื่อไหร่แกจะทำตัวให้สมกับเป็นหลานสาวของฉันซะที”
“ขอโทษค่ะท่าน ผ.อ.”
ขณะที่ฉันกำลังจะอ้าปากเถียง ประตูห้องก็ถูกเปิดขึ้นซะก่อนพร้อมกับอาจารย์ร่างเล็กที่เดินห่อไหล่เข้ามา อาจารย์โรงเรียนนี้ถึงหน้าตานิสัยจนไปถึงท่าทางจะต่างกันสักแค่ไหน แต่ทุกคนล้วนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั่นก็คือ..ไม่กล้าที่จะสบตากับฉัน!
ฉันไม่ใช่บาร์ซิลิสในแฮรี่ พอตเตอร์นะ ที่ถ้าใครเผลอสบตาจะแข็งเป็นหินน่ะ
“ว่าไงคะ อาจารย์นานะ”
“คะ...คือ...ดิฉันมีใบอนุญาตการประกวดธิดาประจำโรงเรียนในปีนี้มาให้ท่านเซ็นอนุมัติค่ะ”
“อ้อ เอาวางไว้ที่โต๊ะเลยจ๊ะ เดี๋ยวขอฉันจัดการเทศนาธรรมมะกับยัยหลานสาวตัวแสบนี่ก่อน แล้วจะเซ็นให้” เมื่อได้รับคำสั่งจากผู้ที่เป็นถึง ผ.อ โรงเรียน อย่างน้าจุงโกะ อาจารย์ร่างเล็กพยักหน้ารับคำก่อนที่ฉันจะบังเอิญสังเกตเห็นรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาจากมุมปากทั้งสองข้างนั่น...นี่ดีใจที่จะได้ออกไปจากห้องที่มีฉันคนนี้สิงสถิตอยู่ขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย
ว่าก็ว่าเถอะนะ ไอ้การประกวดอะไรเนี่ย! มันน่าเบื่อมากถึงมากที่สุด! เป็นการประกวดผู้หญิงที่โดดเด่นในเรื่องต่างๆ ทั่วโรงเรียนโดยหัวข้อการประกวดนั้นจะให้นักเรียนทั้งโรงเรียนลงความเห็นกันเอาเองจากนั้นก็ให้ประธานนักเรียนขึ้นไปจับฉลากว่าแต่ละปีจะต้องจัดงานประกวดอะไร
ปีที่แล้วเป็นการประกวด 'ผู้หญิงยิ้มสวย'
“เออนี่น้าจุงโกะ! ปีนี้โรงเรียนเราจะประกวดอะไรเหรอคะ” ฉันถามขึ้นด้วยสีหน้าที่อยากรู้อยากเห็นเต็มที่ มีน้าสาวเป็นถึง ผ.อ เนี่ย มันก็มีส่วนดีบ้างอยู่เหมือนกัน นั่นก็คือ...ได้มีโอกาสอัพเดทข้อมูลข่าวสารภายในโรงเรียน ก่อนคนปกติธรรมดาทั่วไป
“ยังไม่รู้เลย ต้องรอประธานนักเรียนคนใหม่ของโรงเรียนเราก่อน” น้ารักหันมาตอบฉันก่อนจะหันกลับไปคุยกับอาจารย์ร่างเล็กคนนั้นต่อ
อ้าว ยังอยู่อีกเหรอเนี่ย
แต่...ทำไมเวลาพูดถึงไอ้การประกวดบ้าๆ นั่นทีไร ตาขวาฉันมันจะต้องกระตุกทุกครั้งไปด้วยนะ หรือว่านี่มันจะเป็นลางร้าย
