บทนำ
ภายในอาคารเรียนหกชั้นสูงละลิ่วเฉียดฟ้าประชากรมากมายไม่ต่ำกว่าสี่สิบคนในห้องเรียนชั้นสี่ของตึกดังกล่าวกำลังตั้งอกตั้งใจอ่านหนังสือที่อยู่เบื้องหน้าอย่างขะมักเขม้นลายมือบรรจงถูกขีดเขียนลงบนกระดาษหน้าชั้นด้วยประโยคที่ว่า ...'สภาวะโลกร้อน'นั่นคือหัวข้อเรียงความที่ทุกคนได้รับมอบหมาย
ชายหญิงส่วนใหญ่ภายในห้องต่างพากันขีดเขียนรายงานที่ว่าลงไปในสมุดอย่างรวดเร็ว
แต่ทว่า! สายตาทุกคู่นั้นคอยรอบมองไปยังด้านหลังห้องทุกๆ สองนาที ด้วยสีหน้าหวาดระแวงอย่างหนักราวกับว่ามีบางสิ่งที่น่าสพึงกลัวกำลังคลืบคลานอยู่หลังห้องก็ไม่ปาน...
++ข้างหลังห้อง++
อีกมุมหนึ่งภายในห้องเรียนที่ถูกจัดได้ว่าเป็นที่นั่งที่ดีที่สุดของห้องเลยก็ว่าได้ มุมซ้ายข้างๆ หน้าต่างไม้สักสีน้ำตาลทอง หญิงสาวเจ้าของใบหน้า ปากนิด จมูกหน่อย กำลังหลับสบายอยู่ที่โต๊ะเรียน ใบหน้าเรียวสวยได้รูปขยับเล็กน้อยเพราะหงุดหงิดกับแมลงหวี่แมลงวันที่กำลังบินว่อนอยู่เหนือหัว
เส้นผมยาวตรงสลวยปลิวสยายไปตามแรงลมที่ถูกพัดเข้ามาจากนอกหน้าต่างทำให้เจ้าของร่างบางขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะเรียนเพื่อรับลมที่ถูกพัดผ่านเข้ามา เมื่อรับลมจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ร่างบางก็ฟุบหน้าลงไปที่โต๊ะเรียนอีกเป็นครั้งที่สองในรอบวัน
ไม่ว่าเสียงอาจารย์ร่างท้วมที่กำลังยืนสอนอยู่หน้าชั้นเรียนจะดังปานนรกแตกสักแค่ไหน ร่างบางที่นอนสลบไศลอยู่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสะทกสะท้านแต่อย่างใด เพราะทั้งชีวิตของเธอ ได้มอบดวงวิญญาณให้กับพระเจ้าแห่งความฝันไปเรียบร้อยแล้ว...
'ในฝัน!'
เมื่อประมาณ 5,000 ล้านปีแสงมาแล้ว โลกได้ถือกำเนิดขึ้นโดย' พระเจ้า' คือผู้สร้าง โลกเมื่อ 5,000 ล้านปีก่อนนั้น ช่างแตกต่างกับโลกในปัจจุบันโดยสิ้นเชิงสภาวะโลกร้อนกำลังทำลายทรัพยากรชาติของโลกใบนี้ไปจนหมดสิ้นไม่เหลือซาก ป่าไม้แห้งแร้ง ผู้คนอดยากขัดสน น้ำแข็งขั้วโลกเหนือกำลังจะละลาย โลกเรากำลังวิบัติ ต่างดาวกำลังจะบุกโลก ถึงอวสานของโลก อ๊ากกกกก
ป๊าบบบบ!
สันหนังสือเล่มหนาถูกฟาดด้วยแรงมหาศาลลงบนศีรษะของหญิงสาวที่นอนสลบไศลอยู่ที่โต๊ะเรียนอย่างแรง จนหญิงสาวสะดุ้งพรวดก่อนจะตะโกนลั่นห้องอย่างลืมตัว...
“อ๊ากกกกกกกกก โลกกำลังจะแตกแล้ว!”
“ยัยยูริ!! โลกบ้านเธอสิย่ะ จะแตกน่ะ”
“อาจารย์~มานามิ”
“เธอกล้าหลับในชั่วโมงเรียนของฉันเหรอห๊ะ!“ อาจารย์มานามิตะโกนใส่หน้าฉันดังลั่นท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมชั้นทั้งหลายที่กำลังสอดส่องมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกล้ากลัวๆ ก่อนจะค่อยๆ วางหนังสือที่คาดว่าน่าจะเป็นเล่มที่ฟาดหัวฉันเมื่อกี้นี้วางไว้ที่โต๊ะ
“คะ...คือหนูฝันร้ายค่ะอาจารย์ โลกเรากำลังจะแตก อีกไม่นานต่างดาวจะบุกโลก โลกเราจะถึงอวสาน...” สันหนังสือเล่มเดิม ก็ถูกฟาดเข้าที่หัวของฉันอีกครั้ง
ฮ่าๆๆๆ พร้อมกับเสียงระเบิดหัวเราะของเพื่อนทั้งห้อง ทุกคนหัวเราะเยาะราวกับว่าฉันเป็นตัวตลกที่หลุดออกมาจากแดนเนรมิตก็ไม่ปาน ต้นเหตุของเสียงหัวเราะกลับยืนยิ้มหน้าบานแฉ่งด้วยความสะใจที่สามารถสร้างความอับอายให้แก่ฉันได้...เจ๊ไม่รู้รึยังไงนะ ว่าความอับอายมันมักจะมาพร้อมกับความหน้าด้านน่ะ
“บ้านพวกแกไฟไหม้รึไงวะ! หัวเราะอยู่ได้” ...และฉันนี่แหละ...ผู้หญิงไร้ยางอาย!
-_-^^
-__-^^^
-____-^^^^
เงียบ...ฉี่~ เสียงหัวเราะเมื่อสักครู่เงียบลงทันทีที่ฉันตะโกนดังลั่นห้อง ทุกคนกลับเข้าสู่โหมดสงบเสงี่ยมเจียมตัวราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เนียนม๊ากกกก! ไอ้พวกนี้มันมีวิวัฒนาการมาจากกิ้งก่ารึยังไง ถึงได้เปลี่ยนสี (หน้า) ได้ไวเยี่ยงนี้
“ยัยยูริ ฉันกำลังด่าเธออยู่นะ เธอยังกล้าหันไปตะคอกเพื่อนๆ อีกเรอะ!“ กลับเข้าสู่โหมดเดิมของฉันบ้าง ฉันได้แต่ก้มหน้าหาเศษตังค์ปรับสีหน้าทำเสมือนว่าสำนึกผิด ทั้งๆ ที่ยังไม่สลด
“โถอาจารย์ขา~ หนูไม่ได้หลับซะหน่อย หนูแค่พักสายตาเฉยๆ เท่านั้นเอง”ฉันแก้ตัวหน้าตาเฉยทั้งๆ ที่น้ำลายยังติดอยู่เต็มหน้า อย่างนี้เขาเรียกว่า ‘หลักฐานคาปาก’ รึเปล่านะ? อาจารย์มานามิปรายตามองหน้าฉันอย่าจับผิดพร้อมกับแสยะยิ้มชั่วร้ายเหมือนปีศาจคางคก!
ฉันไม่รู้หรอกนะว่า ในใจเจ๊แกกำลังคิดแผนการชั่วร้ายอะไรอยู่ แต่ที่รู้ๆ มันคงไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีปรีดาสำหรับฉันแน่นอน
“งั้นเชิญเธอออกไปพักสายตาหน้าห้องเลย ไป๊!” ทำไมซื้อหวยไม่ถูกฟ่ะ!
“ค่าาา” ถึงจะจำใจแต่ฉันก็ต้องยอมลุกจากโต๊ะแต่โดยดี เฮ้อ~ ชีวิตนี้ช่างรันทดยิ่งนัก
โอ้ว~ พระเจ้ารังแกฉัน
ท่านส่งฉันมายังโลกมนุษย์ที่สวยงามและน่าอยู่ใบนี้ แต่ทำไมต้องส่งยัยเจ๊เมดูซ่านี่ตามมาระรานชีวิตที่ (เกือบจะ) สงบสุขของฉันด้วยนะ ทำม้าย~
สามชั่วโมงให้หลัง....
ในที่สุดการรอคอยที่นานแสนนานของฉันก็ยุติลงเมื่อเจ๊มานามิเดินหิบหิ้วหนังสือออกจากห้องเรียนได้ซะที ไม่เสด็จออกมาซะพรุ่งนี้เลยล่ะเจ๊ นี่ถ้าเจ๊แกออกมาช้ากว่านี้สักสามถึงสี่นาทีตามเวลาสากลของโลกแล้วล่ะก็นะ...ฉันคงวิ่งไปที่ห้องพยาบาลขอยืมหมอนกับผ้าห่มมานอนตีพุงรอแล้วล่ะ
“ เป็นไงยัยตัวแสบ เริ่มจะสำนึกผิดบ้างรึยัง!!”เจ๊มานามิถามขึ้นเมื่อทันทีที่ก้าวขาพ้นอณาเขตของประตูห้องเรียน
“.......”
“ นี่! ฉันกำลังพูดกับเธออยู่นะยัยเด็กบ้า มารยาทเอาไปไว้ซะที่ไหนหมด!”
“ ฝากไว้ที่ล็อกเกอร์ชั้นล่างของตึกถัดไปน่ะค่ะ ทำไมเหรอค่ะ อย่าบอกนะคะว่าอาจารย์เองก็ฝากมารยาทที่ว่านั้นเอาไว้ที่ตึกนั่นเหมือนกัน”
“ กรี๊ดดดด!~นี่เธอว่าฉันไม่มีมารยาทงั้นเร๊อะ!”
“ หนูพูดอย่างนั้นเหรอคะ”
“ ยัยยูริ! เธอกำลังทำให้ฉันหมดความอดทน”
“ แล้วใครกันขอให้อาจารย์อดทนล่ะค่ะเนี่ย”
“เธอว่าฉันเหรอ ยัยเด็กบ้า!”
“หนูเปล่าว่าอาจารย์นะคะ”
“เธอว่า!!”
“หนูเปล่า”
“เธอว่า!”
“เฮ้อ~ ว่าก็ว่า! ก็อาจารย์ทำตัวไร้มารยาทจริงๆ นิคะ คนเขาไม่อยากพูดไม่อยากมีเรื่องด้วยยังจะมาพูดพร่ำเป็นยัยป้าอยู่ได้ ไม่ให้เรียกว่าคนไร้มารยาทแล้วจะให้เรียกสตรีมารยาทดีแห่งปีรึยังไง”
“กรี๊ดดดดดดดด ยัยเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ไปห้องปกครองกับฉันเดี๋ยวนี้!“
“ไปก็ไปสิค่ะ กำลังขี้เกียจเรียนอยู่พอดี” และแล้ว...ฉันก็ถูกลากไปห้องปกครองตามเคย ซึ่งมันเป็นห้องที่ฉันเข้าบ่อยกว่าห้องเรียนซะอีก ทำไมฉันถึงได้กล้าเถียงอาจารย์ฉอดๆ แบบไม่กลัวตายน่ะเหรอ ฮ่าๆๆๆ คงเพราะว่าฉันเส้นใหญ่ละมั่ง...ฉันก็แค่มีน้าสาวเป็นเจ้าของโรงเรียนเท่านั้นเอง~
เอ๊าะ มัวแต่ทำตัวน่ารักอยู่ได้ตั้งนานจนลืมแนะนำตัว สวัสดีค่ะ อีฉันมีนามที่แปลกพิสดารว่า 'ยูริ' เป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของพ่อกับแม่ที่เอาแต่บ้างาน ขับไล่ลูกสาวที่น่าสงสาร (ตรงไหน) อย่างฉันให้ต้องมาตกระกำลำบากอยู่กับน้าสาวที่แสนจะขี้งก ขี้บ่น ขี้จุกจิก และบราๆๆ อยู่ที่ญี่ปุ่นนี้
เหตุผลที่ผู้คนมากมายไม่กล้าจะเข้าใกล้ฉัน คงเป็นเพราะปากที่จัดเกินให้อภัยของฉันแน่ๆ จะกลัวอะไรกันนักกันหนา ฉันก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมยาว ตาโต น่ารัก ต้อยหนัก! ก็แค่นั้น ไม่ได้มีเขี้ยวที่มุมปากหรือเขาที่หัวซะหน่อย เอ๊ะ!หรือว่ามันยังไม่งอกนะ(ก็อาจจะใช่)
