บทที่ 2 ตามล่า
บทที่ 2 ตามล่า
"ขอบคุณพวกมึงมากที่มาช่วย"
"แล้วมึงมาได้ไง อย่าบอกนะมาหนีมา"
"อืม"
"ไอ้เวร แล้วใครบอกมึง"
"ผู้หญิงคนหนึ่ง ใส่เฝือกที่แขนเขาวิ่งเข้ามาบอกกูที่ห้อง ไม่รู้ว่าเป็นใคร"
ภูรินิ่งไปเมื่อนึกถึงคนๆนั้น ซึ่งมันจะเป็นใครไม่ได้เลยนอกจากคนที่เขาเจอที่หน้าลิฟต์ในโรงพยาบาล
"สวยไหมวะ" 'ภูผา' เอ่ยพร้อมกับทำสายตาเจ้าเล่ห์ทำเอาอีกฝ่ายถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อรู้ดีว่าเพื่อนสนิทของเขาเจ้าชู้ไม่เลือกเวลาเลยจริงๆ
"ไม่สวยเท่าจูนหรอก" 'ภาคิน' ยักไหล่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ
"ซ่านักนะมึง" ภูริเค้นเสียงขำเมื่อเห็นว่าภาคินเพื่อนสนิทของเขาแม้ว่าจะเจ็บตัวอยู่แต่ก็ยังเข้มแข็งได้ขนาดนี้
"รีบๆหาย 'สามตัว ภ.' จะได้กลับมาซ่าเหมือนเดิม"
'สามตัว ภ.' ที่ว่านั้นเป็นพวกเขาเป็นนักแข่งรถชื่อดังที่มีรอยสักประจำตัว ซึ่งบ่งบอกถึงลักษณะนิสัยของตัวเองได้เป็นอย่างดี
'ภูริ' เจ้าของรอยสักรูปกวางที่แขน เย็นชา สุขุม พูดน้อยต่อยหนัก เป็นคนเก็บตัวและเข้าถึงได้ยาก ใบหน้ารูปไข่ผิวขาวจัด เป็นนักแข่งรถชื่อดังของบริษัทพีเจสปอร์ต เจ้าของฉายา กวางเลือดเย็น
* 'ภูผา' เจ้าของรอยสักรูปเหยี่ยว เจ้าชู้และร้ายกาจ มีข่าวเรื่องผู้หญิงไม่เว้นแต่ละวัน ใบหน้าหล่อคมผิวเข้มเป็นที่หมายปองของสาวๆหลายคน เป็นนักแข่งรถชื่อดังของบริษัทพีเจสปอร์ต เจ้าของฉายา เหยี่ยวนักล่า
** 'ภาคิน' เจ้าของรอยสักรูปเสือ เขาเป็นเสือร้ายถือตัวที่หนึ่งที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อตลอดเวลา ใบหน้าหล่อเหลาผิวขาว เป็นนักแข่งรถชื่อดังของบริษัทพีเจสปอร์ต เจ้าของฉายา เสือเหี้ยม
พวกเขาได้รับข่าวว่าเนปจูนแฟนสาวของภาคินตกอยู่ในอันตรายในสนามแข่งรถเถื่อนที่เธอถูกจับมาเป็นของเดิมพันและภาคินเองก็กำลังรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลังจากความผิดพลาดในการแข่งรถแมตช์สำคัญ แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเขามาถึงก็พบว่าภาคินนั้นมาถึงก่อนหน้าพวกเขาแล้ว อีกทั้งยังทราบว่าหนีออกมาจากโรงพยาบาลอีกด้วย และคนที่บอกภาคินเรื่องแฟนสาวของเขาก็คือผู้หญิงคนนั้น...คนที่เขาเจอหน้าลิฟต์ที่โรงพยาบาล
"กูไม่ได้เป็นอะไรมาก ปวดแขนเฉยๆ" ภาคินเอ่ยขึ้น
"เออ เข้าไปพักเหอะ เดี๋ยวเรื่องที่โรงพยาบาลกูจัดการเอง" ภูริตบไหล่เพื่อนสนิทเบาๆ เขามาส่งภาคินที่บ้านของแฟนสาวหลังจากที่จบเรื่องราวทั้งหมด
"อืม"
"งั้นพวกกูกลับก่อนแล้วกัน" ภูผาและภูริเดินออกจากบ้านของเนปจูนแฟนสาวของภาคินก่อนจะขึ้นรถยนต์คันหรูของตัวเองไปในที่สุด
"พรุ่งนี้มึงไปจัดการเรื่องไอ้คินที่โรงพยาบาลนะกูขี้เกียจ" ภูผาลดกระจกรถลงเอ่ยบอกกับภูริ
"อืม" ภูริพยักหน้ารับนิ่งๆก่อนที่ตัวเองจะขับรถออกไป
เพราะเขาเองก็อยากจะไปจัดการเรื่องราวบางอย่างเช่นกัน
วันถัดไป
"ขอบคุณมากครับหมอ" เสียงเข้มเอ่ยพร้อมกับยกมือไหว้แพทย์ประจำตัวที่รักษาคนไข้ชื่อภาคินซึ่งภูริเป็นคนอาสาจัดการเรื่องนี้ให้ทั้งหมดเพราะเพื่อนสนิทของเขาดันหนีออกจากโรงพยาบาลหลังจากที่รักษาได้เพียงวันเดียว
เขาพยายามคุยจนหมออนุญาตให้รักษาตัวที่บ้านและให้ภาคินมาตรวจเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลเป็นประจำถ้าหากไม่อยากรักษาที่โรงพยาบาลต่อ
"ครับ อย่าลืมกำชับคุณภาคินนะครับ เห้อ...ผมเองก็ลำบากใจไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไร"
"ขอโทษด้วยจริงๆครับ ผมจะกำชับเพื่อนให้เอง จะมาเช็คร่างกายบ่อยๆตามที่หมอสั่งเลยครับ"
"ถ้าอย่างนั้นหมอก็คงขัดไม่ได้ ฝากคุณภูริด้วยนะครับ"
"ขอบคุณมากครับหมอ"
"ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับพอดีมีนัดตรวจคนไข้"
"ครับผม" ภูริโค้งศีรษะลงเล็กน้อยก่อนที่แพทย์วัยกลางคนจะเดินออกไป เขาโชคดีที่แพทย์คนนี้รู้จักและค่อนข้างสนิทกับเพื่อนของเขาเลยทำให้พูดคุยเจรจากันได้ไม่อยาก
ในระหว่างที่เขากำลังหมุนตัวจะเดินออกจากโรงพยาบาลไปนั้นสายตาคมก็เห็นร่างบางที่เขาเพิ่งเจอเมื่อวานและก็เป็นคนเดียวกันกับคนที่เขาอยากจะขอบคุณเธอเรื่องที่ช่วยแฟนสาวของเพื่อนสนิทตัวเองเอาไว้ด้วย
เธอสะพายกระเป๋าเป้ใบไม่ใหญ่นักและกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับใครบางคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ขายาวก้าวตามเธอไปโดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยสักนิด ใบหน้าหล่อเหลานิ่งเรียบจดจ้องที่ร่างบางซึ่งยากเกินจะคาดเดาได้ว่าเขาต้องการจะทำอะไรต่อจากนั้น จนกระทั่งเดินมาถึงหน้านอกโรงพยาบาล...
คนตัวโตชะงักเมื่อเห็นร่างของผู้ชายคนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าหญิงสาวของคนที่เขาดำลังเดินตามอยู่เงียบๆ ภูริหยุดเดินและยืนมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างใช้ความคิดหูก็เงี่ยฟังว่าผู้ชายคนนั้นจะพูดอะไรกับเธอ
"พี่แบงค์!"
"ให้พี่ไปส่งไหมพู่"
"ไม่ต้อง! ถอยออกไปนะ!"
"อย่าหยิ่งให้มาก" คนตัวโตกว่ากดเสียงต่ำพร้อมกับบีบแขนเล็กอย่างเหลืออดที่เธอเอาแต่ต่อต้านเขา
"ปล่อยพู่นะ! อย่าเอามือสกปรกของพี่มาแตะตัวพู่!" หญิงสาวเบี่ยงตัวออกอย่างนึกรังเกียจแม้ว่าแขนของเธอจะดามเฝือกไว้อยู่ก็ตามแต่อย่างไรแล้วเธอก็จะไม่ยอมให้คนตรงหน้าเข้าใกล้เธอได้อีก
"พู่กัน! มานี่!"
หมับ!
เมื่อเห็นท่าไม่ดีภูริเดินเข้าไปคว้าข้อมือเล็กอีกข้างเอาไว้ก่อนที่เธอจะถูกกระชากออกไปตามแรงของผู้ชายคนนั้น ใบหน้าหวานชะงักมองภูริด้วยความแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เจอเขาที่นี่
"มึงอย่ามาเสือก!!"
"ทำไมไม่รอฉัน" ภูริไม่สนใจกับคำพูดของแบงค์ เขาหันไปหาคนตัวเล็กและเอ่ยกับเธอเสียงนิ่งมือก็ถือกระเป๋าเป้ของเธอเอาไว้ เขาตั้งใจจะส่งซิกให้เธอตามน้ำเพราะรู้ดีว่าเธอไม่อยากไปกับผู้ชายคนนั้นแน่ๆ
"คะ?"
"ก็บอกให้รอ เดี๋ยวจะไปส่ง" เขาพูดเองเออเองทำเอาคนตัวเล็กมองด้วยความสงสัยก่อนที่เธอจะตั้งสติได้ว่าที่เขาพูดแบบนั้นก็เพื่อสลัดแบงค์ให้พ้นทาง
"อ่อ...เอ่อ..."
"มึงเป็นใครวะ อย่ามายุ่งกับเมียกู!!" แบงค์ผลักอกแกร่งออกอย่างแรงก่อนจะกระชากคนตัวเล็กเข้าหาตัว
"เมีย?" ภูริเลิกคิ้วถามอีกครั้งทำให้คนตัวเล็กส่ายหน้าปฏิเสธพัลวัน
"ไม่ใช่นะคะ พี่แบงค์ปล่อยนะ!!"
"แล้วมึงเป็นใครวะ อย่ามาเสือก"
"กูนี่แหละคือคนที่จะจับมึงเข้าคุก อย่าคิดว่ากูไม่รู้ว่ามึงทำอะไรเธอ คนอย่างมึงทำอะไรกูไม่ได้หรอก" นับว่าเป็นประโยคที่ยาวที่สุดตั้งแต่เขาเคยพูดออกมา ใบหน้าหล่อเหลาแข็งกร้าวมองคนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ
เขาไม่รู้ว่าทั้งสองคนนี้มีปัญหาอะไรกันแต่เมื่อพูดออกไปเช่นนั้นกลับทำให้คนตรงหน้าเสียอาการไปอย่างเห็นได้ชัด
มือหนาคว้าข้อมือเล็กให้กลับมาอยู่ที่ข้างกายเขา และก่อนที่จะเดินออกไปภูริก็ได้เอ่ยทิ้งท้ายเขาไว้หนึ่งประโยค
"อย่าให้กูเจอหน้ามึงอีก" ภูริชี้หน้าแบงค์เอาไว้ด้วยความโมโหจัดก่อนที่เขาจะจูงมือคนตัวเล็กเดินออกไปจากตรงนั้นทันที
ขาเรียวเดินตามแรงจูงของภูริต้อยๆใบหน้าหวานก็มองแผ่นหลังกว้างด้วยความรู้สึกมากมาย เธอกำลังสับสนและมึนงงว่าเหตุการณ์เมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงเข้ามาช่วยเธอไว้ แล้วทำไมเธอต้องมากับคนที่ไม่รู้จักอย่างเขาด้วย
"อะ เอ่อ...คุณภูริคะ" เสียงเล็กเอ่ยแผ่วเมื่อเขาพาเธอมาที่รถยนต์คันหรูของเขา
ภูริหันหน้ามามองเธอนิ่งก่อนจะปล่อยข้อมือเธอออก
"ขะ...ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยพู่ไว้" เธอไม่รู้จะพูดอะไรเพราะตอนนี้มีแต่คำถามมากมายเต็มหัวไปหมด
"อืม"
"เอ่อ..." หญิงสาวเม้มปากแน่นเธอรู้สึกประหม่ากับสายตาของเขาอย่างมาก เธอรู้สึกดีที่เขาเข้ามาช่วยเธอไว้แต่อีกใจก็รู้สึกกลัวเพราะสายตาเย็นชาของเขามันยากที่จะคาดเดาความรู้สึกจริงๆ
"ขึ้นรถ"
"คะ?" ภูริไม่ตอบเขาเพยิดหน้าไปที่รถยนต์ของเขาอีกครั้งเพื่อบอกให้เธอขึ้นรถ
"มะ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้ แค่คุณช่วยฉันไว้มันก็มากเกินพอแล้ว" หญิงสาวปฏิเสธทันที แค่เขาช่วยเธอไว้มันก็มากพอแล้วเธอนั่งแท็กซี่กลับเองก็ได้
หลังจากที่หมออนุญาตให้เธอออกจากโรงพยาบาลได้เธอก็บอกกับลุงและป้าว่าไม่ต้องมารับเพราะเธอต้องกลับหอพักเลยเนื่องจากวันถัดไปเธอมีเรียน อีกทั้งเธอก็ไม่อยากรบกวนท่านทั้งสองด้วย เพราะป้าต้องลางานประจำส่วนลุงก็ต้องหยุดขายของอีกเธอเลยอาสาจะกลับเองเนื่องจากไม่ได้ลำบากอะไรนัก
"ขึ้นรถ" เสียงเข้มเอ่ยและมองเธอนิ่ง
"กะ...ก็ได้ค่ะ" ร่างบางเดินขึ้นรถสปอร์ตคันหรูของเขาไปด้วยความประหม่า ทั้งสีหน้าและท่าทางที่นิ่งเรียบของเขามันกลับทำให้เธอรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก
รถยนต์คันหรูขับแล่นออกจากโรงพยาบาลไปในที่สุด ภายในรถตกอยู่ความเงียบที่ไม่มีใครพูดหรือเอ่ยคำใดออกมา มีแต่เพียงเสียงเครื่องปรับอากาศและเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆเท่านั้นแต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้เธอผ่อนคลายจากคนข้างๆได้เลย
"ทำไมกลับคนเดียว" เสียงทุ้มเอ่ยขณะที่สายตายังคงจดจ้องกับเส้นทางตรงหน้าอยู่
"พู่อยากกลับเองน่ะค่ะ ถ้าให้ป้ากับลุงมารับก็ต้องลางานอีก พู่เกรงใจ" หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้ม เพราะอย่างน้อยคนข้างๆก็เปิดบทสนทนากับเธอบ้างแล้ว
เพราะเธอเป็นคนเข้ากับคนอื่นได้ง่ายและสามารถปรับตัวกับสถานการณ์ได้เก่งเช่นกัน
"ให้ไปส่งที่ไหน"
"หอพัก MJ PLACE อยู่หลังมหาวิทยาลัย C ค่ะ^^ แต่คุณส่งพู่แค่หน้าปากซอยพอนะคะแค่นี้พู่ก็เกรงใจมากพอแล้ว"
"พู่?" สายตาคมหันมามองเธอเล็กน้อยเป็นเชิงคำถาม
"ฉันพู่กันค่ะ เรียกพู่เฉยๆก็ได้^^ อายุยี่สิบปีเด็กกว่าคุณห้าปีเองค่ะ"
"อืม ฉันภู..."
"คุณภูริ นักแข่งรถชื่อดัง อายุยี่สิบห้าปี มีรอยสักคู่ใจเป็นรูปกวางอยู่ที่แขนด้านซ้าย มีเพื่อนชื่อภูผาและภาคินที่มีรอยสักประจำตัวเช่นกัน คุณชอบ...อึก..." พู่กันเอ่ยออกมาอย่างไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาคมหันมามองเธอนิ่งซึ่งยากที่จะคาดเดาความคิดและความรู้สึกได้ เธอชะงักไปก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆไปให้
เธอรู้ว่าเขาเป็นคนพูดน้อยและค่อนข้างเก็บตัว การที่เธอล้ำเส้นหรือพูดมากเกิดไปมันก็คงทำให้เขารำคาญเธอเป็นแน่
"...ขะ...ขอโทษค่ะ" หญิงสาวก้มหน้างุดเพราะไม่กล้าสู้หน้า เธอกำมือตัวเองแน่นที่เผลอทำตัวแย่ๆออกไป
"เธอติดตามฉันอยู่หรอ" พู่กันเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง ประโยคนั้นทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าจะเป็นคำพูดและท่าทางเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกแต่เธอก็รับรู้ได้ว่าเขาไม่ได้ไม่พอใจเธอเลยสักนิด กลับกันเธอรู้สึกว่าเขาผ่อนคลายกับเธอเสียมากกว่า
"ใช่ค่ะ^^ แต่พู่ไม่ได้เป็นแฟนตัวยงขนาดนั้นหรอกนะคะ เคยไปดูพวกคุณสามคนที่สนามแข่งรถแค่สองครั้งเองเพราะเพื่อนลากพู่ไป..."
"...พอได้เห็นฝีมือของพวกคุณพู่ตกใจมากเลยค่ะ พวกคุณเก่งมากๆเลย ไม่แปลกใจเลยที่พวกคุณจะมีแฟนคลับเยอะขนาดนี้^^"
"หึ" รอยยิ้มที่มุมปากของภูริปรากฏขึ้น เขาถามเธอไปแค่ประโยคเดียวแต่เจ้าตัวกลับตอบมายาวพรืดยิ่งกว่าหนึ่งหน้ากระดาษเสียอีก
"พู่คิดว่าคุณจะดุหรือไม่ก็หยิ่งกว่านี้ซะอีก คุณใจดีมากๆเลยนะคะ ในสามคนระหว่างคุณภูริ ภูผา และภาคิน ฉันชอบคุณที่สุดเลยค่ะ^^"
"..." ภูริเงียบไปเขารู้ว่าสิ่งที่เธอจะสื่อคืออะไรแต่พอมาได้ยินประโยคแบบนี้กับผู้หญิงน่าตาน่ารักอย่างเธอมันก็ทำให้หัวใจที่แข็งแกร่งเย็นชาเหมือนกับก้อนน้ำแข็งก็หวั่นไหวได้เช่นกัน
"คุณนิสัยดีกว่าที่ฉันคิดนะคะ แถมยังหล่ออีกด้วย จริงๆคุณสามารถเป็นพระเอกละครได้เลยนะคะ..."
ในระหว่างที่หญิงสาวกำลังพูดพร่ำไปตามประสาอยู่นั้น ทางข้างหน้าซึ่งเป็นซอยแคบห่างจากตึกราและบ้านคนพอสมควร รถยนต์คันหรูขับเข้าไปก็พบว่ามีรถกระบะสีดำสูงจอดขวางทางอยู่พร้อมด้วยกลุ่มคนประมาณห้าหกคนที่ยืนราวกับดักรอเขาโดยเฉพาะ
เอี๊ยด!
"...อ๊ะ!" พู่กันหน้าทิ่มไปด้านหน้าเมื่อคนข้างๆเบรกจนตัวโยน ทำให้ศีรษะของเธอเกือบกระแทกกับด้านหน้ารถแต่โชคดีที่เอามือข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บค้ำไว้ได้ทัน
ใบหน้าหวานเงยขึ้นหันไปมองคนข้างๆด้วยความแปลกใจก็พบว่าภูริกำลังจดจ้องที่ทางข้างหน้าด้วยความเคร่งเครียด
"เห้ย! นะ...นั่นมันพี่แบงค์..." พู่กันร้องขึ้นเมื่อคนที่ขวางทางไว้นั้นคือแบงค์และพรรคพวกของเขา พร้อมด้วยไม้หน้าสามและอาวุธอื่นๆครบมือทำให้คนตัวเล็กสั่นกลัวและเกิดความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
เธอรู้ว่าแบงค์นั้นมีพรรคพวกเป็นอันธพาลมากมายแต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นนักเลงและกล้ามาหาเรื่องเธอในช่วงกลางวันแสกๆกลางเมืองแบบนี้
"หึ เหมือนหมาบ้าดี"
"อึก...ทะ...ทำยังไงดีคะ แจ้งตำรวจดีไหมคะ" ว่าแล้วพู่กันก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาด้วยความลนลาน มือเล็กพรางกดตัวเลขบนหน้าจอสัมผัสผิดๆถูกๆ
ภูริมองทางข้างหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่งมือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและต่อสายตรงหาคนๆหนึ่งซึ่งเป็นคนเดียวที่จะจัดการเรื่องให้เขาได้ในตอนนี้
(ว่าไง)
เสียงเข้มทรงอิทธิพลเอ่ยกับปลายสาย ภูริกดเชื่อมสายกับบลูทูธในรถยนต์คันหรูของเขาก่อนที่มือจะเข้าเกียร์เพื่อขับเดินหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
"เฮียช่วยหน่อยดิ"
(เรื่อง)
"โดนหาเรื่อง อยู่ถนนxx"
(อืม จะส่งคนไปจัดการให้)
สายถูกตัดไปก่อนที่รถยนต์สปอร์ตคันหรูจะแล่นเข้าไปหากลุ่มคนตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
คนตัวเล็กสั่นสะท้านที่ตัวรถถูกกระชากไปอย่างรวดเร็วตามแรงเท้าที่เหยียบจนเกือบมิดไมล์
รถยนต์คันหรูขับเบี่ยงรถกระบะไปทางข้างๆด้วยความเร็วสูงสุดมือเล็กเกาะเบาะหนังไว้แน่นเนื่องจากสถานการณ์ในตอนนี้ยิ่งกว่าภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดที่เคยดูเสียอีก
"คะ...คุณ! พวกมันตามมา..." ใบหน้าหวานหันไปมองทางข้างหลังก็พบว่ารถกระบะคันนั้นขับตามเขามาติดๆ และดูท่าแล้วอีกฝ่ายก็ไม่ยอมแพ้แน่นอน!
"..." ภูริไม่ได้ตอบอะไรเขาเหยียบคันเร่งเพื่อหนีจากรถคันนั้นไปอย่างรวดเร็ว
แต่ทว่า...
ปัง!
"กรี๊ดดดด!"
_______________________________
*ติดตามเรื่องราวได้ใน BAD PHUPHA รักร้ายของนายภูผา (ภูผา-เจนนี่)
**ติดตามเรื่องราวได้ใน BAD PHAKIN รักร้ายของนายภาคิน (ภาคิน-เนปจูน)
