ตอนที่ 15 รุ่นน้องคนสนิท
EP15
อีกด้าน…
“ทำอะไรอยู่หรอคะ” จีน่าแอโฮสเตสสาวที่เขาเคยได้ตอนอยู่บนเครื่องเอ่ยถาม ทั้งสองอยู่ในร้านอาหารของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ตอนกลางวันฟีฟ่ามากับอีกคนส่วนตอนเย็นเขาก็นัดกับอีกคนที่เป็นรุ่นน้องในคณะ เขาสลับรางแบบนี้อยู่ประจำขึ้นอยู่ว่าช่วงนั้นจะติดใครมากกว่าก็จะอยู่กับคนนั้นบ่อยกว่า ส่วนจีน่าเองเป็นรุ่นพี่เขาไม่ได้ตั้งใจจะคุยแต่พอโดนตามตื้อหนักๆ เลยตัดสินใจคุยผ่านไปแก้เบื่อ
“ผมกำลังพิมพ์ข้อความหาเพื่อน อาหารถูกปากพี่จีไหมครับ” ฟีฟ่าเอ่ยตอบเขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าจีน่าเพียงครู่เดียวก็ก้มมองข้อความในโทรศัพท์มือถือต่อ ตอนนี้ข้อความถูกอ่านแล้วแต่มิเกลไม่ได้กดตอบอะไรกลับมา
“อื้มมม… อร่อยมากเลยค่ะ แต่ที่อร่อยกว่าอาหารก็คงจะเป็นคนตรงหน้ามากกว่าพี่ว่า” เธอเอ่ยหยอกล้อพร้อมกับคํ้าคางมองใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้า ฟีฟ่าที่ถูกพูดแบบนั้นก็ไม่วายหยอดกลับ
“…อร่อยแบบนี้อยากลองกินอีกไหม”
“แน่นอนว่าต้องอยาก” จุดประสงค์ของคนตรงหน้าตอบออกมาอย่างชัดเจนมันเป็นเรื่องปกติที่ฟีฟ่าต้องเจอ แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอก ผู้หญิงคนนี้ก็หุ่นสวยใช้ได้ อยากลองสนองให้เต็มที่สักครั้งดูแต่ติดที่ว่าคืนนี้เขาไม่ว่างแล้วล่ะสิ
“งั้นวันหลังเราไปดื่มกันไหม”
“วันไหนดี พี่มีบินอีกสองวัน”
“พรุ่งนี้ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจะทักบอก”
“ได้เลย พี่อดใจแทบไม่ไหวแล้ว” พูดจบปลายนิ้วสวยก็เลื่อนมาไต่เล่นบนหลังมือฟีฟ่าอย่างมีชั้นเชิง
“เราทานกันต่อดีกว่า เดี๋ยวผมไม่ทันเวลากลับไปเรียน” ในขณะเดียวกันเองฟีฟ่าก็ตัดบทขึ้นมาเพราะเขาไม่อยากเสียเวลาอยู่ตรงนี้แล้วจึงทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารกลับมาเป็นเหมือนเดิม
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงฟีฟ่าก็ขับรถมาส่งจีน่าที่หน้าคอนโดพอร่างสวยเปิดประตูลงจากรถไปแล้วเขาก็เหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตนเองที่บ่งบอกว่าใกล้ถึงเวลาเรียนแล้ว ไม่่รอช้าชายหนุ่มก็เลี้ยวรถวนออกมาจากบริเวณคอนโดสูงตรงหน้าทันที เขาตรงดิ่งมาที่คณะและเดินเข้าไปในชมรมเพราะกลุ่มเพื่อนสนิทสามคนที่เรียนคนละเซคตอนนี้รวมตัวกันอยู่ชมรม
พอเปิดประตูเข้าไปข้างในก็เห็นสามคนนั่งอยู่ที่โซฟาสามสายตามองมาที่เขาเป็นจุดเดียว…
“โผล่หัวมาทำไม ไม่ไปเรียน?” คำทักทายแรกมาจากเอ็มเจเขาละสายตาจากร่างของฟีฟ่ามาเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ต่อ ด้านเจ้าของร่างสูงก็เดินมาทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาตัวยาวที่ว่างอยู่ด้วยความสบายใจพร้อมกับยกแขนขึ้นมาหนุนหัว
“พอดีไม่ชอบขี้หน้าอาจารย์คนนี้สักเท่าไหร่กูเลยไม่เข้า”
“ขี้เกียจขนาดนี้แต่คะแนนดีตลอดโครตขี้โกง” เป็นภาคินที่พูดขึ้นเขาพึ่งลุกจากที่นั่งเดินไปหยิบกระป๋องเบียร์ออกมาจากตู้เย็นสองกระป๋องก่อนจะโยนให้เมฆาที่นั่งเงียบอยู่
“ของแบบนี้มันอยู่ที่มันสมอง”
“ไม่งั้นมันจะสับรางถูกได้ยังไงมึงไม่แปลกใจหรอ” เอ็มเจพูดเสริมภาคินที่กำลังทิ้งตัวนั่งลงที่เดิม
“น่าคิด…”
“เรื่องแบบนี้มันไม่เข้าใครออกใครหรอกน่า ไม่เบื่อกันรึไงวะ เอาอยู่แต่คนเดิมๆ เจอแต่หน้าคนเดิมๆ” สำหรับเขามันน่าเบื่อสิ้นดี ชายหนุ่มไม่เข้าใจเลยว่าเพื่อนทั้งสองคนที่มีแฟนไม่คิดเบื่อกันบ้างเลยหรอเจอแต่อะไรเดิมๆ เข้าทุกวัน ต่างจากเขาที่เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ ลองอะไรใหม่ๆ ถ้าชอบถ้าเจอใครที่ถูกใจก็ถือว่าซํ้าแต่ถ้าไม่ซํ้าคือห่วยแตก
“มึงไม่เคยมีเรื่องความรักในหัวจะไปเข้าใจอะไร”
“คนอย่างมันหยุดที่ใครเป็นด้วยหรอ คนคนนั้นต้องพิเศษยังไง กูยังนึกไม่ออกเลย” เอ็มเจพูดขึ้นมาเขาเองก็นึกสงสัยเหมือนภาคินเหมือนกันว่าคนที่ฟีฟ่าตกหลุมรักต้องเพอร์เฟคขนาดไหน สวยขนาดไหน แล้วหน้าตาจะเป็นยังไง การที่กลุ่มเพื่อนรอให้เขามีแฟนหรือหยุดที่ใครสักคนเป็นเรื่องที่ยากมากจนไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น
“ขนาดตัวกูเองยังนึกไม่ออก” ฟีฟ่าตอบ เขาเองก็สงสัยเหมือนกันแต่ก็ไม่ได้อยากได้คำตอบขนาดนั้นว่าอนาคตแฟนของเขาจะเป็นแบบไหน ใช้ชีวิตอยู่แบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว สนุกจะตายไป
“ไม่ต้องนึกหรอก เรื่องนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่พวกเราต้องมานั่งคิดตอนนี้” และในขณะนั้นเองภาคินก็พูดขึ้นพร้อมกับโบ้ยหน้าไปทางเมฆาที่ตอนนี้เขาพึ่งได้รับรายชื่อจากรุ่นน้องในคณะที่อาจารย์หัวหน้าสาขาฝากรุ่นน้องมาให้ ตอนนี้เองเมฆาก็ยังคงเปิดมันดูก่อนที่ความสนใจของสามหนุ่มจะไปอยู่ที่ใบรายชื่อแทน
“ใบอะไรวะ” ฟีฟ่าเด้งตัวลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินเข้าไปทิ้งตัวนั่งลงข้างกายเมฆาพร้อมกับชะเง้อหน้ามอง
“รายชื่อทริปเกาะล้าน” เมฆาตอบกลับมาเพียงเท่านั้นมือหนาก็เริ่มเปิดไปที่หน้าถัดไปที่พึ่งได้รายชื่อสดๆ ร้อนๆ มาจากนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งสาขาเดียวกันกับพวกเขา
“เดี๋ยว…” และในตอนนั้นเองสายตาของฟีฟ่าก็ไปสะดุดที่ชื่อคุ้นของใครบางคน เกลลิน นั้นมันเป็นชื่อของมิเกล…
“คณะเรามีทริปเที่ยวห่าไรเยอะแยะวะ” เป็นเอ็มเจที่พูดแทรกขึ้นมาเขาไม่เคยสนใจกับทริปเที่ยวของคณะเลย
“มันมีแบบนี้ทุกปี แต่ปีนี้รุ่นน้องเสนอมาและทางคณะก็อนุมัติ”
“เราไปได้ทุกชั้นปีเลยหรอวะ” ฟีฟ่าถาม
“เขารับปีหนึ่งแค่ห้าสิบคนส่วนปีอื่นๆ อีกห้าสิบคน”
“มึงถามไมวะ หรือจะไป?” สิ้นเสียงภาคินที่อธิบายเอ็มเจก็ถามต่อ
“เปล่า…กูจะไปได้ยังไง รายชื่อเต็มแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยตอบเขามองรายชื่อที่หนึ่งร้อยคนลงครบพอดี ทริปของคณะเป็นกลุ่มของพวกเขาที่ต้องช่วยจัดการรายละเอียดต่างๆ ของทริปร่วมกับพี่สตาฟแต่จะไปด้วยก็ได้เพราะมันไม่สำคัญเหมือนกับการรับน้องที่ถูกบังคับให้ไป หน้าที่ของพวกเขาแค่ต้องจัดลายละเอียดของทริป และแน่นอนว่าเพื่อนของพวกเขาสามคนไม่มีใครไป
“ไปไหนวะ…” และในตอนนั้นเองร่างของฟีฟ่าก็ลุกจากโซฟาคล้ายจะเดินออกจากห้องเอ็มเจเลยถามขึ้น
“มาคิดๆ ดูแล้วเข้าดีกว่าว่ะ เดี๋ยวอาจารย์งอน” ตอบแบบนั้นก็ขยิบตาให้ก่อนจะเดินออกจากห้องชมรมท่ามกลางความงุนงงของคนทั้งสาม นึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไป…
พอเดินออกมาจากห้องชมรมแล้วฟีฟ่าก็เดินไปที่ห้องเรียนภาคบ่าย ซึ่งเซคนี้ก็เรียนกันประมาณยี่สิบกว่าคนได้ ร่างหนาเดินมาหย่อนตัวนั่งลงข้างกายไวท์เหมือนเดิม
“ไอ้ไวท์…”
“อะไร” ไวท์ละสายตาจากโทรศัพท์มือถือแล้วหันมามองเจ้าของเสียง
“มึงได้ไปทริปเกาะล้านของคณะปะวะ”
“ไป ทำไม” ไวท์ขมวดคิ้วมอง
“กูไปด้วย”
“กูหูฝาดไหมนิ หรือมึงอยากไปดูสาวๆ สวยๆ ใส่บิกินี่วะ” พูดจบไวท์ก็ใช้มือผลักบ่าฟีฟ่าเหมือนกำลังแซวเพราะจุดประสงค์ของไวท์เองก็เพราะแบบนี้
“ควยไร… กูแค่อยากเที่ยว” ฟีฟ่ารีบตัดบททั้งที่ความจริงแล้วเขามีจุดประสงค์แอบแฝงมากกว่านั้น…
“แต่กูได้ยินว่ารายชื่อเต็มแล้วนิ”
“มึงลืมไรไป กูลูกใคร” พูดจบฟีฟ่าก็ชี้นิ้วเข้าหาตนเอง เขาเป็นถึงลูกเจ้าของคนที่ก่อตั้งคณะนี้ขึ้นมากับแค่ทริปเล็กน้อยแบบนี้มันจะไปยากอะไร
“เออว่ะ กูก็ลืมนึกไปเลย เพื่อนกูมันไม่ธรรมดานี่หว่า” ไวท์ยิ้มขึ้นมาเมื่อรู้ว่าฟีฟ่าจะไปร่วมทริปนี้ด้วย เพราะเขากับธามจะได้เป็นที่สนใจของสาวๆ สักที คราวนี้แหละจะเเอคหล่อให้เต็มที่ ทริปนี้สนุกแน่นอน
“ส่งรายละเอียดทริปมาให้กูด้วย”
“ได้เพื่อนยาก” มือหนาตบบ่าฟีฟ่าแล้วบทสนทนาของทั้งสองคนก็จบลงจนกระทั่งถึงเวลาเลิกคลาสบ่ายก็เป็นเวลาสี่โมงเย็น
ฟีฟ่าเดินออกมาจากห้องพร้อมกับกดรับโทรศัพท์ที่มีสายเรียกเข้ามาพอดี ปรากฏว่าเป็น มิวนิค รุ่นน้องในคณะที่เขานัดเอาไว้เย็นนี้และมันก็น่าจะลากยาวทั้งคืน…
“ว่าไงคะ”
(หนูรอที่รถพี่ฟีฟ่านะคะ พี่ฟีฟ่าเลิกเรียนรึยัง) เสียงใสกรอกผ่านปลายสายตอนนี้เธอกำลังยืนรอฟีฟ่าอยู่ที่ข้างรถของเขา
“พี่กำลังลงไปค่ะ หนูรอแป๊ปนึงนะ”
(ได้ค่ะ ^^)
“งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ พี่กำลังรีบไปหา”
(โอเคค่ะ) คุยโทรศัพท์กันเสร็จสับฟีฟ่าก็กดตัดสายแล้วรีบเดินลงไปข้างล่าง ขายาวไม่รอช้าตรงดิ่งมาที่รถของตนเองทันที พอมาถึงก็เจอมิวนิคยืนรออยู่ที่กำลังมองมาที่เขา
“ขึ้นรถเลยค่ะ” ฟีฟ่ามาถึงก็เปิดประตูรถให้เธอเข้าไปนั่งข้างใน
“ขอบคุณนะคะ~” มิวนิคไม่รอช้าร่างเล็กสอดตัวเข้าไปนั่งในโรลส์รอยซ์สีขาวคันโปรดอีกคันของฟีฟ่า
“จะไปไหนก่อนดี ดูหนังก่อนมั้ย” พอสอดตัวเข้ามานั่งในรถฟีฟ่าก็ชวนคุยด้วยรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์
“ตามใจพี่ฟีฟ่าเลยค่ะ” รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นใบหน้าแล้วรถก็เลี้ยวออกมาจากคณะ แต่ในขณะที่รถกำลังขับออกมาตามทางสายตาของเขาก็เห็นแผ่นหลังคุ้นตาอยู่ไกลระยะหนึ่งเธอกำลังเดินออกจากคณะ
“พี่ให้รุ่นน้องพี่ไปด้วยได้ไหมคะ”
“ผู้หญิงหรือผู้ชายหรอคะ”
“ผู้หญิงค่ะ รุ่นน้องสมัยมัธยมปลาย”
“ได้ค่ะ” พอมิวนิคตอบตกลงฟีฟ่าก็จอดรถไว้ข้างกายร่่างมิเกลเขาลดกระจกลงแล้วมองเธอพร้อมกับเอ่ยพูด
“มิเกล ขึ้นรถสิเดี๋ยวไปส่ง” มิเกลมองหน้าเขาด้วยแววตาไร้อารมณ์แล้วมองไปที่เบาะข้างกายก็เจอรอยยิ้มสดใสเอ่ยทักทาย เธอไม่ได้สนใจเลือกที่จะก้าวเดินต่อ
“จำพี่ไม่ได้หรอ รุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่าไง” ฟีฟ่าพูดออกมาแบบนั้นมิเกลยิ่งไม่เข้าใจ แต่สายตาของเขาที่บังคับมาและขู่เข็ญทำให้ปากเล็กต้องเอ่ยตอบ
“จำได้”
“ขึ้นมาสิ ไม่ได้เจอกันนาน” มิเกลเม้มปากแน่นหญิงสาวตัดความรำคาญด้วยการเปิดประตูเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง เธอเห็นสายตาของฟีฟ่าที่มองผ่านกระจกมาก็รีบเบือนสายตาหนี
ที่มิเกลยอมขึ้นรถมาเพราะก่อนหน้านั้นตกลงกันแล้วว่าเจอกันข้างนอกก็เหมือนคนรู้จักคนกันปกติ และเธอก็ไม่อยากให้ใครสงสัยกับความสัมพันธ์นี้ด้วยเลยต้องทำตัวปกติ…
“สวัสดีค่ะ มิวนิคนะคะ^^” และในความเงียบนั้นเองมิวนิคก็หันมาทักทายมิเกล
“มิเกลค่ะ”
“เกลเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนมัธยมปลายของพี่ฟีฟ่าใช่ไหม ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“ใช่…”
“เกลเป็นรุ่นน้องคนสนิทพี่เอง ต่อไปนี้หนูคงได้เจอบ่อยๆ”
รุ่นน้องคนสนิทแบบนั้นหรอ เหอะ…มันช่างตลกสิ้นดี
________________________
สถานการณ์แบบนี้เราสามารถหยุมหัวบักฟีฟ่าได้ไหมมมมมมมม
???
