ประกาศครั้งที่หนึ่ง แรกเจอ [1/5]
#พบเจอ
ในวันลมหนาวพัดผ่าน
ประกาศครั้งที่หนึ่ง
แรกเจอ [1/5]
หกปีก่อน
Marnmuk’s Part ;
กลัว
อึดอัด
ขยะแขยง
นี่คือความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวเองในเวลาเดียวกัน ณ ตอนนี้
ฉันยืนเกร็งกำมือแน่น ลมหายใจสะดุด ในขณะที่ดวงตาก็เอ่อคลอไปด้วยน้ำใสที่พร้อมไหลหลั่งได้ทุกเมื่อ หากแต่ฉันเลือกที่จะเก็บกลั้นมันเอาไว้และแสดงออกผ่านเพียงสีหน้าตื่นตกใจ
แต่ทว่าเสี้ยววินาทีนับจากนั้นทุกอย่างก็เกินควบคุม ร่างกายของฉันสั่นสะดุ้งเมื่อสัมผัสหยาบกร้านน่ารังเกียจลากไล้ผ่านบั้นท้ายไปมา ก่อนที่มันจะหยุดที่เอวคอดของฉันพร้อมกับความใกล้ชิดที่มากขึ้น
“ขยับชิด ๆ กันหน่อยนะจ๊ะ ให้ผู้โดยสารท่านอื่นได้ขึ้นบ้างนะ อากาศมันหนาว ยืนชิด ๆ กันจะได้อบอุ่นนะ ชิด ๆ กันเลยจ้า” เสียงของกระเป๋ารถเมล์ตะโกนบอกพลันทำให้ผู้โดยสารคนอื่น ๆ ต่างก็ขยับเข้ามาจนอัดแน่นเบียดเสียด
ซึ่งมันก็ทำให้สัมผัสน่ารังเกียจนั้นยิ่งแนบใกล้กับร่างกายของฉันมากยิ่งขึ้น
ตอนนี้ฉันอยู่บนรถเมล์ที่เต็มแน่นไปด้วยผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็นที่นั่งหรือที่ยืนล้วนก็มีแต่คนมากมายจับจอง เช่นเดียวกับตัวฉันที่กำลังยืนจับราวเหล็กสำหรับยึดหลักทรงตัวในระหว่างที่รถยังคงวิ่งอยู่
ก่อนหน้านั้นฉันกำลังเล่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองไปพลาง ๆ เพราะเหลืออีกหลายป้ายกว่าจะถึงโรงเรียน แต่จังหวะนั้นฉันกลับรู้สึกถึงสัมผัสบางอย่างบริเวณช่วงเอวและสะโพก ครั้นหันไปก็ไม่ได้พบความผิดปกติ เห็นจะมีก็แต่ผู้โดยสารคนอื่น ๆ ที่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ ถัดไปก็เป็นคนยืนหลับทั้งที่มือยังกำที่จับด้านบนไว้แน่น
ความคิดแรกและความคิดเดียวของฉันก็คือการปล่อยผ่าน อาจเป็นการโดนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างไม่ตั้งใจตามปกติของแรงขับเคลื่อนตัวรถที่เดี๋ยวเบรกเดี๋ยวเร่งอย่างนั้นแหละมั้ง
ทว่าความคิดแบบนั้นกลับสูญสลายหายไปทันทีเมื่อฉันรู้สึกถึงแรงบีบขยำที่หนักขึ้น รับรู้ได้เลยว่าคราวนี้ฉันคงไม่ได้คิดไปเองจริง ๆ แล้วก็มั่นใจได้เลยว่าฉันคงถูกไอ้โรคจิตที่ยืนด้านหลังลวนลามแน่นอน
แต่ความตกใจและความกลัวกลับทำให้ฉันเหมือนถูกปิดการรับรู้ไปชั่วขณะ ฉันทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าแม้แต่จะขอความช่วยเหลือ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับร่างกาย และไม่กล้าแม้แต่จะหันหน้าไปมอง
ตอนนี้เป็นช่วงฤดูหนาว ช่วงกลางเดือนธันวาคมมักจะมีลมหนาวพัดผ่านมาให้พอตื่นเต้นตามประสาที่มักจะประสบกับอากาศร้อนอบอ้าวเกือบทั้งปี ฉันสวมใส่เสื้อกันหนาวซึ่งสวมทับชุดนักเรียนเพื่อเพิ่มความอบอุ่นของร่างกาย แม้ว่าชิ้นผ้าจะหนากว่าปกติ แต่ฉันก็ยังรู้สึกกับสัมผัสที่ทาบกับบั้นท้ายอย่างหนักแน่น
ทั้งกลัว ทั้งอาย ทั้งรู้สึกขยะแขยงจนอยากอาเจียนกับความชั่วช้าต่ำทรามของคนที่กล้าทำเรื่องเลว ๆ แบบนี้กับคนที่ใส่ชุดนักเรียนอย่างฉันได้
“ก้นหนูนุ่มมากเลย นุ่มเต็มมือดีจริง ๆ” เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบข้างหูพลันทำให้ฉันสั่นสะดุ้งหนักขึ้นกว่าเก่า
“ฮึก...”
น้ำตาที่เพียรกลั้นก็พรั่งพรูออกมา อยากหันไปด่าและจับตัวคนทำไว้เหลือเกินแต่เพราะความกลัวและความขี้ขลาดทำให้ฉันทำเพียงยืนนิ่งสะอิดสะเอียนกับสิ่งที่ตัวเองได้รับ
แต่ทว่า...
หมับ!
ตุ้บ!
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย! ไอ้โรคจิต มึงทำเหี้ยไรวะ!”
“กรี๊ด!!!”
เสียงกระแทก เสียงสบถด่า และเสียงหวีดร้องเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันจนฉันปรับประมวลเหตุการณ์ไม่ถูกว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ความหวาดกลัวถูกแทนที่ด้วยความตกใจ ฉันหันไปมองเจ้าของเสียงสบถซึ่งยืนอยู่ข้างกายก็ถึงได้เห็นว่าเป็นนักเรียนชายคนหนึ่งที่เด็กกว่าฉันหนึ่งปีเพราะสังเกตเห็นดาวสามดวงที่ปักบนหน้าอกฝั่งขวา แต่ของแบบนั้นมันไม่ได้น่าสนใจเท่ากับคนที่นอนกองบนพื้นรถที่เกิดจากฝีมือเขา
ฉันเบิกตากว้างแผดเสียงกรี๊ดออกมาทันทีเมื่อพบว่าบริเวณเป้ากางเกงถูกรูดซิปออกแล้ว แถมมันยังนูนเด่นดุนดันรั้งขึ้นมา
“มึงทำเหี้ยอะไร เงี่ยนมากก็ไปซื้อแดก มาคุกคามคนอื่นแบบนี้ได้ยังไงวะ!”
หมับ!
คนข้างกายถลาตัวตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อของคนบนพื้นให้ลุกขึ้น ผู้โดยสารคนอื่น ๆ ต่างก็ขยับออกเหลือพื้นที่ว่างระหว่างสองคนเท่านั้น
“ปล่อยกูนะเว้ย กูไม่ได้ทำอะไร ปล่อยกูดิวะ!” คนถูกกระชากออกแรงขัดขืน แถมยังปฏิเสธอย่างหน้าด้าน ๆ ว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไร
ขนาดฉันที่ไม่เห็นหน้าคนทำยังมั่นใจเลยว่ามันนี่แหละที่เป็นไอ้โรคจิต
ตัดสินจากอะไรน่ะเหรอ...ก็ที่เป้าตุง ๆ ของมันไง!
“ไม่ได้ทำอะไร? แล้วที่เป้ากางเกงมึงโด่แบบนี้เรียกอะไรวะ ไอ้เหี้ย!”
“ซิปมันแตก กูไม่ได้ทำอะไร อย่ามากล่าวหากันนะเว้ย!”
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย! ซิปแตกแล้ว...มึงแข็งทำไม ไอ้เลว!”
“ปล่อยกู กูบอกให้ปล่อยไงวะ!”
คนสองคนเริ่มยื้อยุดกันรุนแรงมากขึ้น ฉันที่กำลังอยู่ในอาการตกใจก็ทำเพียงยื่นมือเข้าไปช่วยจับล็อกคนโรคจิตเอาไว้ด้วยแรงอันน้อยนิด ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันแต่รู้เพียงว่าฉันไม่สามารถยืนดูเฉย ๆ ได้แน่
พอมีคนช่วย มีคนเข้าข้าง ความหวาดกลัวและความขี้ขลาดก็ค่อย ๆ เลือนหายไป
“แล้วพวกคุณมองอะไรกันอะ ไม่คิดจะช่วยกันเลยหรือไง นี่นักเรียนนะเว้ย พวกคุณเป็นผู้ใหญ่ประสาอะไร! ไอ้นี่มันเป็นโรคจิต มาช่วยกันจับดิครับ!”
