บทที่ 7 คู่แข่ง
ไม่กี่วันหลังจากวันนั้น นริสาก็กลับมาอยู่เมืองไทยอย่างถาวร ซึ่งวันแรกที่กลับมาเธอก็ได้นัดออกไปเจอกับคิเรย์ข้างนอก ทั้งคู่ทำทุกอย่างอย่างที่คู่รักควรจะเป็น ทั้งทานข้าว ดูหนัง กินขนม ร้องคาราโอเกะ ซึ่งคิเรย์ก็ร้องเพลงหวาน ๆ ให้เธอฟังทั้งนั้น การเดทวันนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของเธอและคิเรย์เป็นเหมือนที่เคยเป็น เหมือนนริสาไม่ได้กำลังจะแต่งงาน คิเรย์ดูแลเธออย่างดีเหมือนที่เขาทำมาตลอด นริสาเองก็มีความสุขมาก เรียกได้ว่าวันนี้ทำให้เธอลืมไปเลยว่าเธอกำลังจะต้องแต่งงานกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง
ลืมไปเลยว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเธอเพิ่งจูบกับผู้ชายที่เธอกำลังจะต้องแต่งงานด้วย
คิเรย์ขับรถมาส่งริสาที่บ้าน โดยที่เธอเองก็ชวนเ-าทานข้าวเย็นที่บ้านของเธอด้วย ทั้งคู่จูงมือกันเข้าไปในบ้านอย่างอารมณ์ดี
"กลับมาแล้วค่า"
นริสาร้องบอกครอบครัวของเธอขณะจูงมือคิเรย์เข้าไปในห้องนั่งเล่น แต่ก็ต้องตกใจกับแขกที่เธอไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ที่บ้านของเธอในวันนี้ด้วย
"...พี่ศิวา!"
นริสาเรียกชื่อของแขกไม่ได้รับเชิญที่นั่งอยู่บนโซฟาห้องนั่งเล่นของเธออย่างตกใจ คิเรย์เองก็ตกใจเช่นกัน เขาไม่คิดว่าจะมาเจอศิวาในบ้านของนริสา เขาไม่อยากเจอ ไม่อยากเห็นหน้า ภาพที่ศิวากับนริสาจูบกันวันนั้นยังติดตาเขาอยู่
ศิวาเองก็ตกใจไม่แพ้กันที่เห็นนริสาจูงมือคิเรย์เข้ามาในบ้าน สุภาวดีโทรชวนเขาให้มาทานข้าวเย็นที่บ้านวันนี้ พอมาถึงก็รู้ว่านริสาออกไปข้างนอกกับเพื่อน แต่ก็ไม่คิดว่าเพื่อนคนนั้นคือคิเรย์
ทั้งสามคนมองหน้ากันค้างอยู่แบบนั้นเพราะทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรหรือพูดอะไรดี
"กลับมาแล้วเหรอลูก" สุภาวดีส่งเสียงมาแต่ไกลขณะเดินมาที่ห้องนั่งเล่น "อ้าวคิเรย์!?"
"สวัสดีครับคุณแม่"
คิเรย์ยกมือไหว้มารดาของนริสาพลางยิ้มให้ สุภาวดีเข้าไปกอดเขาเพื่อทักทาย
"เป็นไงบ้างลูก ไม่เจอกันนานเลย สบายดีนะ?"
"สบายดีครับ คุณแม่สบายดีนะครับ? ยังสวยเหมือนเดิมเลย"
"แหม ปากหวานตลอดเลย"
เจ้าของชุดสีชมพูสดยิ้มเขินที่โดนหนุ่มหล่อชม ศิวามองบทสนทนาแล้วก็เข้าใจว่าทำไมครอบครัวนริสาถึงชอบคิเรย์ และทำไมหญิงสาวถึงดูรักคิเรย์มากขนาดนี้ เพราะเอาใจเก่งนี่เอง
"มา ๆ อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนนะลูกนะ" สุภาวดีชวน คิเรย์พยักหน้ารับ "ศิวา หิวรึยังลูก แม่ให้คนจัดโต๊ะเรียบร้อยแล้วนะ"
หญิงวัยกลางคนเดินไปดึงศิวาให้เดินมา ก่อนที่อีกข้างหนึ่งจะเดินมาควงคิเรย์เช่นกัน
"ริสา หิวแล้วก็เดินตามมานะลูก"
นริสายืนมองแม่ตัวเองที่ควงว่าที่ลูกเขยทั้งสองคนไปห้องทานข้าวอย่างงุนงง
ได้ควงผู้ชายแล้วลืมลูกเลยหรืออย่างไรกัน คุณนายสุภาวดี
ทั้งคิเรย์และศิวาหันมามองนริสาด้วยสายตาที่เหมือนขอความช่วยเหลือ เธอเองก็รู้ว่าคิเรย์ไม่อยากอยู่ใกล้กับศิวาเท่าไหร่ และศิวาเองก็คงกระอักกระอ่วนเหมือนกันที่ต้องอยู่ใกล้กับคิเรย์แบบนี้ หญิงสาวจึงรีบเดินตามไปทันที
"นั่งเลยนะลูกนะ เดี๋ยวแม่ให้เด็กยกจานมาให้ มา ๆ ศิวามานั่งนี่ คิเรย์มานั่งนี่เลยลูก"
ผู้เป็นมารดาจัดแจงที่นั่งให้ทั้งสองหนุ่มเมื่อมาถึงโต๊ะกินข้าว โดยให้คิเรย์และศิวานั่งตรงข้ามกัน
"ริสา มานั่งนี่มาลูก นั่งตรงข้ามแม่นี่"
สภาวดีเดินมาดึงลูกสาวให้มานั่งข้างศิวา และตัวเองเดินไปนั่งข้างคิเรย์ โดยมีที่นั่งหัวโต๊ะไว้ให้ท่านพลเอกอดิศรนั่ง
นริสากับคิเรย์มองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากทำเอาทั้งคู่งงไปหมด
"เอ้า คุณ มานั่งเลยค่ะ เด็กทำอาหารกันเสร็จแล้ว กำลังจะยกมา"
คุณนายของบ้านร้องเรียกเมื่อเห็นสามีกำลังเดินมา อดิศรเองก็มีสีหน้างุนงงเช่นกันที่เห็นทั้งนริสา ศิวา และคิเรย์อยู่ด้วยกันสามคน
"คุณพ่อสวัสดีครับ"
คิเรย์ลุกขึ้นยกมือไหว้
"สวัสดีครับคุณลุง"
ศิวายกมือไหว้ทักทายเช่นกัน ตอนนี้เขารู้สึกเสียเปรียบคิเรย์ตรงที่หมอนั่นสามารถเรียกพ่อและแม่ของนริสาได้เต็มปาก แต่เขาเองกลับเรียกได้แค่คุณลุงคุณป้าเพราะทั้งคู่เป็นเพื่อนกับพ่อแม่ของเขา
เปลี่ยนเป็นเรียกคุณพ่อคุณแม่วันนี้บ้างเลยจะได้ไหมนะ
"เป็นไงบ้างคิเรย์? ไม่ได้เจอนานเลยนะ"
"สบายดีครับคุณพ่อ คุณพ่อสบายดีนะครับ?"
"ก็สบายดีตามประสาคนแก่น่ะ ฮ่ะ ๆ " อดิศรหัวเราะ "แล้วศิวาล่ะ เป็นไง วันนี้ไม่มีงานเหรอ?"
"ช่วงนี้ผมเคลียร์งานหมดแล้วครับ จะได้ให้เวลาริสาเขาเต็มที่"
ศิวายิ้มบาง ๆ พลางหันมามองหน้าคนด้านข้าง หญิงสาวหันมามองเขาตาโตก่อนจะหันไปมองหน้าคิเรย์
นี่เขากล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าคิเรย์เลยหรืออย่างไรกัน
นริสาเห็นชัดว่าคิเรย์ไม่พอใจ แต่เขาก็พยายามระงับท่าทางและสีหน้าให้มากที่สุดเพราะอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ของเธอ
ผู้ใหญ่ทั้งสองแอบมองหน้ากันเมื่อรู้สึกถึงสถานการณ์ไม่ปกติตรงหน้าที่ดูเหมือนจะเป็นสถานการณ์รักสามเส้าเสียแล้ว
"นี่ ๆ ยัยภา ยกอาหารมาเลยนะ เด็ก ๆ หิวกันแล้ว"
สุภาวดีร้องเรียกแม่บ้านให้ยกอาหารมาที่โต๊ะเพื่อจะให้สถานการณ์อันน่าอึดอัดคลายลง
"ว่าแต่ว่าคิเรย์...ช่วงนี้ดังมากเลยนะ พ่อนี่เห็นออกรายการแทบทุกช่องเลย"
อดิศรชวนคุย คิเรย์ยิ้มรับเขิน ๆ
"ก็ไม่คิดเหมือนกันครับคุณพ่อ มันข้ามคืนมาก ๆ เหมือนฝันเลยครับ"
"ริสาก็ไม่รู้ใช่ไหมลูกว่าเป็นคิเรย์น่ะ?"
ผู้เป็นแม่ถาม หญิงสาวส่ายหน้า
"ไม่รู้ค่ะ พี่เรย์ปิดเงียบมาก ไม่ยอมบอกเลย"
ทั้งหมดกำลังพูดถึงรายการหน้ากากนักร้องที่คิเรย์ได้ไปออก และเมื่อถึงวันที่เฉลยว่านักร้องที่อยู่ภายใต้หน้ากากเท็ดดี้คือคิเรย์ ก็เกิดปรากฎการณ์ ‘คิเรย์ฟีเวอร์’ ขึ้นในประเทศไทย ยอดผู้ติดตามในโซเชี่ยลมีเดียของคิเรย์พุ่งขึ้นเป็นหลักหลายแสนเพียงข้ามคืน และหลังจากนั้นเขายังมีเพลง โฆษณา และรายการติดต่อเข้ามามากมายจนแทบไม่มีเวลาส่วนตัวเลยทีเดียว ซึ่งนริสาเองก็ดีใจและยินดีกับเขามาก ๆ ถึงแม้จะได้เจอกันน้อยลงก็ตาม
"แล้วเดาไม่ถูกเหรอคะว่าเป็นพี่น่ะ? จำเสียงไม่ได้จริง ๆ เหรอ?"
คิเรย์แกล้งถาม เขาพยายามทำให้ศิวาเป็นคนนอกในบทสนทนานี้ อยากทำให้ศิวารู้สึกว่าเขานี่แหละที่เข้ากับครอบครัวนริสาได้ดีที่สุด
"หลัง ๆ ก็จำได้นะคะ ก็ตอนแรกใครจะไปคิดล่ะว่าพี่เรย์จะไปออกรายการ แล้วไหนจะยังไปบอกกรรมการอีกว่า 'โสดครับ ไม่มีแฟน' ด้วย แหม"
นริสาแซวทำเอาคิเรย์หัวเราะ ศิวานั่งตักข้าวทานเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไร ถึงแม้จะรู้สึกหงุดหงิดมากก็ตามที
"พี่ก็ต้องหลอกคนดูกับกรรมการหน่อยไงคะ ไม่งั้นก็ถูกจับได้พอดีสิ"
"แปลว่า..." ศิวาเอ่ยขึ้น "...คุณคิเรย์อายที่จะให้คนดูรู้เหรอครับว่ามีแฟนแล้วน่ะ"
ชายหนุ่มทิ้งระเบิดเสียงเรียบนิ่ง คิเรย์มองศิวาด้วยสายตาที่นิ่งพอกัน
สงครามจะเกิดกลางโต๊ะอาหารไหมนะแบบนี้...
"แปลว่า..." ศิวาเอ่ยขึ้น "...คุณคิเรย์อายที่จะให้คนดูรู้เหรอครับว่ามีแฟนแล้วน่ะ"
ชายหนุ่มทิ้งระเบิดเสียงเรียบนิ่ง คิเรย์มองศิวาด้วยสายตาที่นิ่งพอกัน
"ไม่ใช่ครับ แฟนคลับผมก็รู้กันเกือบหมดว่าผมมีแฟน แต่ตอนออกรายการผมก็ต้องทำให้กรรมการกับคนดูไขว้เขว มันเป็นคอนเซปต์ของรายการอยู่แล้ว"
"อ๋อ อย่างนี้นี่เอง เข้าใจแล้วครับ" ศิวายิ้ม "แต่คุณคิเรย์เสียงดีมาก ๆ เลยนะครับ ต้องขอชมเลย"
"ขอบคุณครับ"
คิเรย์ยิ้มรับแบบฝืน ๆ ศิวาเป็นคนแรกที่เขาไม่อยากฟังคำชม
"ยังไงต้นเดือนหน้าพอจะมีคิวว่างไหมครับ? ผมกำลังหานักร้องมาร้องเพลงที่งานแต่งงานพอดี ถ้าได้คุณคิเรย์มาร้องให้ก็คงดีเลย"
ศิวาพูดขึ้น ทำเอาช้อนร่วงลงจากมือของนริสาโดยอัตโนมัติ เธอหันขวับไปมองหน้าเขาทันที
นี่เขาพูดบ้าอะไร? จะให้คิเรย์มาร้องเพลงที่งานแต่งของเธอกับเขาน่ะหรือ?
คิเรย์มองหน้าศิวาด้วยสายตาที่แข็งขึ้น ไอ้หมอนี่คงอยากจะให้เขาคลั่งต่อหน้าพ่อแม่ริสาหรือไงกัน?
ผู้ใหญ่ของบ้านมองหน้ากันเลิ่กลั่ก กลัวสองหนุ่มจะต่อยกันเพราะลูกสาวของทั้งคู่เหลือเกิน
"พี่เรย์คงไม่ว่างหรอกค่ะพี่ศิวา แล้วสาก็คิดว่าเราไม่เห็นจะต้องจ้างนักร้องมืออาชีพมาเลย"
นริสาพยายามพูดแก้ให้สถานการณ์คลี่คลายลง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะยิ่งทำให้แย่ลงหรือเปล่าเพราะสายตาที่คิเรย์และศิวามองกันยังคงไม่มีใครยอมใคร
"ถ้าคุณคิเรย์มาร้องที่งานเราได้จริง ๆ พี่คิดว่าเราไม่เห็นต้องจ้างเลยเพราะยังไงก็คนกันเองอยู่แล้ว หรือถ้าต้องจ้างก็คงไม่แพงอยู่แล้วไง" ศิวาหันไปบอกนริสาก่อนจะหันมายิ้มให้คิเรย์ "แต่น่าเสียดายนะครับที่คุณคิเรย์ไม่ว่าง"
"พี่ว่างค่ะสา" คิเรย์หันมาบอกนริสาก่อนจะหันไปบอกศิวา "และผมจะไปแน่ ๆ ครับ ไม่ต้องห่วง"
คิเรย์ยิ้มกลับให้ศิวา แต่รอยยิ้มของศิวากลับค่อย ๆ แข็งขึ้นตามดวงตาของเขา ตั้งใจจะกวนประสาทคิเรย์ แต่สุดท้ายโดนคิเรย์กวนประสาทกลับเสียนี่ พอจะเข้าใจแล้วว่าริสาได้ความช่างกวนประสาทมาจากใคร
"ได้ยินแบบนี้ก็ดีครับ" ศิวาบอก ก่อนจะตักอาหารให้คนด้านข้าง "ริสาทานอันนี้สิครับ พี่ลองทานแล้วอร่อยมาก"
"พอดีริสาไม่ชอบทานผักน่ะครับ" คิเรย์บอกเสียงเรียบ ก่อนจะตักเนื้อเป็ดให้หญิงสาวแทน "เป็ดย่างไงคะ เห็นบ่นให้พี่ฟังว่าอยากกินอยู่"
"เอ่อ...ขอบคุณนะคะ"
นริสายิ้มบางๆ ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี เกิดมาจะสามสิบปีก็เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองสวยมากก็วันนี้ที่มีผู้ชายมาทะเลาะกันเพราะเธอ
"แกงส้มครับแม่"
คิเรย์ตักแกงส้มใส่ถ้วยให้สุภาวดี ศิวาเห็นก็ไม่ยอมแพ้ เขาตักปลาให้อดิศรบ้าง
"ปลานึ่งครับคุณลุง ดีต่อสุขภาพ โคเลสตอรอลไม่สูงด้วยครับ"
ผู้ใหญ่ทั้งสองยิ้มเจื่อน ๆ พอจะเห็นว่าสงครามเย็นมันเกิดขึ้นบนโต๊ะกินข้าวนี้แล้ว
...และต้นเหตุของสงครามก็คือยัยลูกสาวตัวดีของพวกท่านนี่เอง
.
.
.
หลังจากทานข้าวเสร็จ นริสาก็เดินไปส่งคิเรย์ที่รถ เธอรู้สึกแย่แทนแฟนหนุ่มมากที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้
"พี่เรย์โอเคไหมคะ?"
"เอาจริงๆเลยไหม?" คิเรย์หันมาถาม "พี่อยากต่อยหน้ามันมากเลย"
คิเรย์พูดทีเล่นทีจริงทำเอานริสาถอนหายใจเบา ๆ เขาเห็นคนตัวเล็กหน้ามุ่ยแล้วก็อดเข้าไปลูบหัวไม่ได้
"หลังจากนี้พี่มีงานยาวเลย เราคงได้เจอกันวันงานเลยนะคะ..."
"พี่เรย์ไม่ต้องมาก็ได้นะคะ มันไม่ใช่งานสำคัญอะไรหรอก มันก็แค่งานแต่งปลอม ๆ ที่จัดขึ้นเพื่อหลอกคนอื่น"
หญิงสาวบอกหน้าเศร้า เธอไม่อยากให้คิเรย์ต้องมาเจออะไรที่ไม่สบายใจในวันงาน ไม่อยากให้เขาต้องมาเจอศิวาอีก ไม่อยากให้ต้องมาเห็นภาพที่เธอต้องสร้างขึ้นว่าเธอกับศิวาเป็นคนรักกันมานาน
ทั้งที่เรื่องจริงไม่ใช่เลย
แม้เธอจะโดนศิวาจูบไปหลายครั้งแล้วก็เถอะ
"ไม่เป็นไรค่ะ พี่อยากมา ระหว่างนี้ก็ไม่ต้องคิดมากนะ เตรียมตัวให้พร้อม วันงานจะได้สวย ๆ "
คิเรย์เกลี่ยแก้มเนียนของแฟนสาวพลางยิ้มให้ทำเอานริสาอยากจะร้องไห้ ขนาดเธอกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นเายังเป็นห่วงเธอขนาดนี้ และมันจะดีขนาดไหนหากเขาได้เป็นเจ้าบ่าวของเธอจริง ๆ ...
"สาไม่อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เลย สาขอโทษนะคะ..."
หญิงสาวสวมกอดคนรักพลางร้องไห้ออกมา คิเรย์กอดเธอกลับแน่นพลางลูบหัว
"มันไม่ใช่ความผิดของสานะ ไม่ต้องโทษตัวเองเข้าใจไหม? ยังไงพี่ก็รักสา พี่จะรอนะคะ"
คิเรย์ให้คำมั่น แต่มันยิ่งทำให้นริสารู้สึกแย่ เธอไม่รู้ว่าเขาจะต้องรอไปถึงเมื่อไร และเธอยิ่งรู้สึกแย่ที่ทำให้เขาต้องรอทั้ง ๆ ที่เขาไม่ควรจะต้องมาอยู่ในสถานะนี้เลยสักนิด
"ไม่ต้องร้อง ร้องทำไม หืม?" คิเรย์ใช้สองมือประคองใบหน้าหวานที่กำลังร้องไห้พลางยิ้มก่อนจะเช็ดน้ำตาให้ "ถ้ามันเป็นงานแต่งปลอม ๆ และมันไม่ได้สำคัญอะไรกับสา สาก็ไม่จำเป็นต้องเสียน้ำตากับมันนะ"
"สาไม่ได้อยากแต่งนี่คะ..."
"พี่ก็ไม่ได้อยากให้สาแต่งค่ะ แต่ในเมื่อเราหาเหตุผลมาหักล้างเหตุผลที่สาจำเป็นต้องแต่งกับไอ้หมอนั่นไม่ได้ มันก็ต้องเป็นไปตามนั้นใช่ไหม"
คิเรย์อธิบาย หากจะมีใครไม่อยากให้นริสาแต่งงานมากที่สุด คน ๆ นั้นก็ต้องเป็นเขา แต่จะทำอย่างไรได้ เขาไม่มีอำนาจอะไรไปสั่งยกเลิกงานแต่งงาน และไม่มีเหตุผลอะไรไปหักล้างเหตุผลที่นริสาเคยอธิบายเขาว่าทำไมเธอต้องแต่งงานกับศิวา ในเมื่อมันเป็นแค่ฉากที่สร้างขึ้น มันไม่ใช่เรื่องจริง เขาก็คงไม่จำเป็นต้องเครียดไปกับมัน ก็แค่รอให้ถึงวันที่นริสาหย่ากับศิวาแล้วมาแต่งงานกับเขาแทน แค่อาจจะไม่ใช่ปีหน้าอย่างที่เขาตั้งใจไว้แค่นั้นเอง
"พี่ไปก่อนนะคะ แล้วเจอกันวันงานนะ"
คิเรย์บอกก่อนจะจูบลงบนแก้มนุ่มเบา ๆ เขายิ้มให้ริสาก่อนจะเปิดประตูรถแต่หญิงสาวดึงเขาไว้
"พี่เรย์คะ..."
นริสาไม่พูดอะไรต่อ เธอดึงแฟนหนุ่มเข้ามาจูบทันทีโดยที่คิเรย์ไม่ทันตั้งตัว เขาดูตกใจนิด ๆ ที่จู่ ๆ หญิงสาวก็ดึงเขามาจูบแบบนี้ ปกติต้องเป็นเขาเองมากกว่าที่เข้าไปจูบเธอก่อน
ทั้งคู่ยืนจูบกันโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีสายตาจากคน ๆ หนึ่งมองมาสักพักแล้ว...
