บทที่ 4 ตามน้ำ
ทั้งคู่นั่งเงียบกันไปตลอดทางจนถึงบ้าน ไม่มีใครเริ่มพูดก่อน ศิวาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรเพื่อปลอบนริสาอีกดี ทางนริสาเองก็ไม่รู้จะเริ่มพูดอะไร อีกอย่างในหัวเธอตอนนี้คิดแต่เรื่องที่จะทำอย่างไรกับคิเรย์ต่อไป จะคุยกับเขาอย่างไร ถ้านัดเจอแล้วเขาจะยอมมาเจอเธอไหม หรือเขาจะเกลียดเธอไปแล้ว...
ทั้งคู่เดินเข้ามาในบ้านของนริสาก่อนที่จะนั่งลงบนโซฟา หญิงสาวบอกให้เด็กในบ้านไปเอาอุปกรณ์ทำแผลมาให้ เธอหันไปมองหน้าศิวาอย่างไม่สบายใจ
"ยังเจ็บอยู่ไหมคะ?"
เธอถาม ศิวาทำท่าคิดนิดหนึ่ง
"ไม่ค่อยแล้วนะ แต่มันตึง ๆ หมัดหนักไม่เบาเหมือนกันนะแฟนเราน่ะ"
ศิวายิ้มขำแต่อีกคนไม่ขำด้วย หญิงสาวหน้าเครียด
"ขอโทษแทนพี่คิเรย์ด้วยนะคะ สาไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้เหมือนกัน"
"ไม่หรอก พี่สิต้องขอโทษริสาอีกครั้ง ทั้งที่พี่พูดแบบนั้นไปคงทำให้นายคิเรย์นั่นโมโห แล้วก็ที่พี่...จูบริสา"
ศิวาบอก จากที่นริสาลืมเรื่องจูบไปแล้วก็กลับมาจำได้อีกครั้งเมื่อศิวาพูดถึง หญิงสาวหน้าแดงนิด ๆก่อนจะเกาหน้าแก้เขิน จังหวะเดียวกับที่เด็กรับใช้เอาอุปกรณ์ทำแผลมาให้พอดี
นริสาเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์ก่อนจะค่อย ๆ แตะไปที่แผลบนใบหน้าของชายหนุ่ม
"เจ็บไหมคะ?"
เธอถาม ศิวาส่ายหน้า ก่อนที่มือเล็กจะกดน้ำหนักเพิ่มไปอีก
"โอ้ย!"
ศิวาร้องออกมาเมื่อนริสาเช็ดแผลเขาหนักขึ้น หญิงสาวตกใจรีบเอามือออก
"ข - - ขอโทษค่ะ ก็พี่ศิวาบอกว่าไม่เจ็บแล้ว..."
เสียงเล็กพูดอย่างรู้สึกผิด ศิวาแอบขำ
"ถ้ากดหนัก ๆ มันก็เจ็บเหมือนกันนะ"
ชายหนุ่มบ่นอุบ นริสาขยับเข้าไปใกล้เขามากขึ้นก่อนจะเช็ดแผลให้อีกครั้ง
ยิ่งเข้าใกล้กันมากขึ้น หัวใจศิวายิ่งเต้นแรง ดวงตาคมมองใบหน้าหวานตรงหน้าที่กำลังตั้งใจทำแผลให้เขาอยู่ เธอดูหยิบจับอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเชี่ยวชาญและดูตั้งใจทำแผลให้เขามาก
"เสร็จแล้วค่ะ"
เสียงของนริสาทำให้ศิวาหลุดจากความคิดของตัวเอง
"ทำแผลเก่งเหมือนกันนะเรา"
"ก็เคยเทรนมานี่คะ"
นริสายิ้มให้บางๆ เพราะการฝึกเป็นแอร์โฮสเตสทำให้เธอได้เรียนเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาด้วยอีกทั้งยังเคยมีโอกาสทำแผลให้ผู้โดยสารเวลาที่มีอุบัติเหตุเล็กน้อยบนเครื่องบิน ศิวาพยักหน้าเข้าใจก่อนที่จะได้ยินเสียงตึกตักมาจากทางบันได สิ้นเสียงก็ปรากฎร่างของอดิศรและสุภาวดีที่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นด้วยสีหน้าเป็นกังวล
"มากันแล้วเหรอลูก อ้าวนั่น! ศิวาไปโดนอะไรมา?"
สุภาวดีร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นรอยช้ำที่มุมปากของศิวา ชายหนุ่มยกมือไหว้ทั้งคู่
"สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า มีเรื่องนิดหน่อยครับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก"
"พ่อเห็นข่าวแล้วนะ ทั้งตอนที่เราสองคน...เอ่อ - - กันด้วย" อดิศรพูดถึงฉากจูบของเด็กทั้งสองอย่างกระอักกระอ่วน
"ก็ถ้าเรื่องมันมาถึงขนาดนี้ พ่อว่าก็คงต้องแต่งกันต้นเดือนหน้าจริงๆแล้วไหมลูก? หืม ริสา?"
ชายสูงวัยถามความเห็นลูกสาว เธอเองก็คิดไม่ตกว่าควรจะทำอย่างไรดี แต่ถ้าจากทุกอย่างที่เกิดขึ้น เหมือนสถานการณ์ตอนนี้บังคับเธอกลาย ๆ ว่าเธอต้องแต่งงานกับศิวาเสียแล้ว
"แม่เพิ่งวางสายจากแม่ศิวาเมื่อกี๊นี้เอง ตอนแรกพวกแม่ก็กะว่าจะเลื่อนออกไปอย่างที่หนูสองคนบอก แต่ถ้ามันเป็นข่าวแบบนี้แล้ว เราก็คงกลับคำไม่ได้แล้วนะลูก ริสา หนูโอเคใช่ไหม?"
มารดาถาม นริสาจึงจำต้องพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อแม่เธอบอก ในเมื่อมันออกข่าวไปขนาดนี้แล้ว ก็คงต้องแต่งจริง ๆ
"ผมต้องขอโทษคุณลุงคุณป้าด้วยนะครับที่ทำให้วุ่นวายกัน"
ศิวาบอกอย่างรู้สึกผิด ผู้ใหญ่ทั้งสองยิ้มให้เขา
"ไม่เป็นไร ๆ อย่าคิดมาก" อดิศรบอก
"งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อกับแม่ทั้งสองบ้านจะจัดการเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับงานแต่งให้แล้วกัน ส่วนเราสองคนระหว่างนี้ถ้าจะพอมีเวลาศึกษาทำความรู้จักกันดูล่ะก็ ก็ใช้เวลาให้เต็มที่เลยนะลูกนะ เพราะเดี๋ยววันเสาร์นี้ริสาก็ต้องกลับดูไบแล้วนี่"
"ค่ะคุณพ่อ"
"ครับ ยังไงช่วงนี้ผมจะพยายามเคลียร์งานให้หมดจะได้มีเวลามาช่วยจัดการเรื่องงานด้วย" ศิวาบอก "งั้นผมลานะครับ"
ศิวายกมือไหว้ผู้ใหญ่ก่อนจะเดินออกไป นริสาเดินตามไปส่งที่รถตามมารยาท ร่างสูงหันมาหาเธอเมื่อเดินมาถึงรถ
"โอเคใช่ไหม?"
ศิวาถาม ไม่รู้ตัวเลยว่าวันนี้เขาถามเธอประโยคนี้ประมาณพันรอบได้แล้ว เขาแค่เป็นห่วงว่าเธอจะรู้สึกไม่ดี
"ไม่โอเคก็ต้องโอเคแล้วล่ะค่ะ"
นริสายิ้มบาง ๆ แววตายังคงเศร้าอยู่จากการร้องไห้
"ไม่ต้องห่วงนะ พี่ไม่ได้บังคับให้ริสาต้องเลิกกับแฟน บอกเขาแล้วกันว่าเราจะแต่งกันไปสักระยะให้ข่าวมันเงียบสนิทจริง ๆ แล้วตอนนั้นเราค่อยมาคุยเรื่องหย่ากัน"
ศิวาบอก หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ
"ขอบคุณนะคะ"
"งั้น...พี่ไปแล้วนะ ไว้เจอกัน"
"ค่ะ ขับรถดี ๆ นะคะ"
นริสาบอกก่อนที่ศิวาจะขึ้นรถแล้วขับออกไป หญิงสาวถอนหายใจก่อนที่จะกลับเข้าไปในบ้าน ขาเรียวเดินอย่างอ่อนแรงขึ้นห้องนอน เธอทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อนทันที
ทำไมแค่ช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงมันถึงเกิดเหตุการณ์มากมายขนาดนี้ จากที่เธอคิดว่าจะต้องบอกคิเรย์เรื่องนี้อย่างไร กลายเป็นเขาได้รู้เรื่องทุกอย่างโดยที่เธอไม่ต้องบอก แถมยังโกรธมากอีกด้วย และที่ยิ่งไปกว่านั้นความจริงที่ว่าเธอจะต้องแต่งงานกับศิวายิ่งเข้าใกล้ขึ้นมาทุกที
มือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นตามปกติ ก่อนจะตกใจกับโซเชี่ยลมีเดียของตนที่ขึ้นแจ้งเตือนขึ้นมาเกือบร้อย หญิงสาวตั้งสติแล้วกดเข้าไปดูในเฟสบุ๊คก่อน นริสาพบว่าแจ้งเตือนที่ขึ้นมาคือการแชร์โพสต์และแท็กชื่อเธอไว้ รวมไปถึงข้อความที่โพสต์หน้าวอลล์ และคนที่เพิ่มเพื่อนเข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก
'แซ่บเว่ออออออร์ค่ะ คุณศิวากับสาวนิรนามโชว์จูบกันต่อหน้านักข่าวกลางงานเปิดตัวโครงการใหม่ของบริษัทชเวกรุ๊ปเลยจ้า แถมคุณศิวายังประกาศอีกว่าจะมีงานแต่งกับสาวคนนี้ต้นเดือนหน้าด้วย อุ๊ยต๊าย คุณศิวาของช้าน ไม่นะ #ใต้จูบต่อหน้านักข่าวทุกสำนัก #ใต้ประกาศแต่งงาน #ใต้คุณศิวาหลัวฉัน #ใต้สาวนิรนาม'
นริสาอ่านโพสต์จากเฟสบุ๊ค 'ใต้เตียงไฮโซ' ที่มีคนแชร์แล้วแท็กมาหาเธอกันอย่างมากมาย พร้อมกับคำถามที่ว่า 'นั่นแกใช่มั้ย?' 'กรี๊ด เพื่อนจะแต่งงานแล้วเหรอ?' 'แกแย่งผ.ช้าน' 'เฮ้ย อะไรยังไงเล่าเดี๋ยวนี้!' และอีกมากมายที่เธอคลิกอ่านไม่หมด
ในโพสต์นั้นมีทั้งภาพนิ่งและวีดีโอที่เธอจูบกับศิวาในงาน และยังมีหลายความเห็นที่เอารูปส่วนตัวเธอมาโพสต์แถมยังวิจารณ์กันสนุกปาก บางความเห็นมีเขียนเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเธอ ทั้งชื่อ อายุ การงาน การศึกษาต่าง ๆ อีกด้วย และไม่ได้มีแค่เพจนี้ เพจข่าวบันเทิงต่าง ๆ ก็ยังลงเรื่องนี้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นประเด็นร้อนของคืนนี้เลยก็ว่าได้
นริสากุมขมับเครียด เธอไม่ได้อยากดังแบบนี้เลย ไม่ได้อยากเป็นที่รู้จัก ตอนคบกับคิเรย์เธอก็ไม่เคยแสดงตัวหรือต้องการให้เขาบอกใครว่าคบกัน จะมีก็แต่แฟนคลับที่สนิทจริง ๆ ถึงจะรู้ว่าคิเรย์มีแฟน
นิ้วเรียวกดออกจากเฟสบุ๊คเพื่อเข้าไปดูในไลน์ กรุ๊ปไลน์ต่าง ๆ และไลน์ของเพื่อน ๆ ญาติ ๆ ต่างทักเข้ามาถามเรื่องนี้กันทั้งสิ้นจนเธอไม่รู้จะพิมพ์ตอบอย่างไร จึงตัดสินใจไม่อ่านไม่ตอบใด ๆ ทั้งสิ้น ก่อนจะสะดุดกับไลน์หนึ่งที่มาจากคิเรย์ หญิงสาวรีบกดเข้าไปอ่านทันที
P'Kiray ❤️ : พรุ่งนี้มาเจอพี่ที่คอนโดตอนสิบโมง ถ้าไม่มา เราก็ไม่มีอะไรที่ต้องคุยกันอีก
นริสาอ่านข้อความของคิเรย์แล้วขนลุกวาบ แค่อ่านตัวหนังสือก็สัมผัสได้แล้วว่าเขาคงต้องโกรธอยู่มาก แต่ก็ยังถือว่าเขาได้ให้โอกาสเธออธิบายเรื่องราวทุกอย่างอยู่
...เขาคงยังไม่เกลียดเธอใช่ไหม?
.
.
.
วันรุ่งขึ้น
ริสาขับรถมาจอดที่คอนโดย่านใจกลางเมืองของคิเรย์ ก่อนจะขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องของเขาอย่างคุ้นเคย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
หญิงสาวเคาะประตูห้อง หัวใจเต้นรัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เป็นครั้งแรกที่เธอทั้งตื่นเต้นและกลัวที่จะเจอแฟนตัวเอง เธอไม่รู้ว่าตอนนี้คิเรย์คิดอะไร จะยังโกรธเธออยู่ หรือเกลียดเธอแล้ว หรือหายโกรธแล้ว หรือคิดอย่างไร เธอเดาไม่ถูกเลยจริงๆ
ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับร่างของชายหนุ่มยืนอยู่ที่หลังประตูนั้น คิเรย์อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ปลดกระดุมออกจนหมดกับกางเกงบ็อกเซอร์สีเข้ม เขามองริสาด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนจะขยับตัวไปด้านข้างเป็นเชิงให้เธอเดินเข้ามาในห้อง
หญิงสาวก้าวขาเข้าไปในห้องของแฟนหนุ่มก่อนที่เสียงปิดประตูจะดังขึ้น เธอหันมาหาเขาที่ยังคงมองหน้าเธอด้วยสายตาแบบเดิม
"พี่เรย์...."
นริสาเอ่ยขึ้น แต่คิเรย์พูดขัดเสียก่อน
"รู้ใช่ไหม ว่าพี่เสียใจมาก"
คิเรย์บอกเสียงเจ็บปวด นริสารีบขยับเข้าไปใกล้เขา มือเล็กกุมมือทั้งสองข้างของชายหนุ่มไว้ น้ำตาคลอที่สองตาอย่างห้ามไม่ได้
"สารู้ค่ะ สาขอโทษ แต่สาอธิบายได้นะคะ"
"อธิบายมา ถ้ามันฟังขึ้น พี่จะยกโทษให้"
คิเรย์บอก นริสาจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟัง ทั้งเรื่องที่พ่อแม่ให้เธอแต่งงานกับศิวา เหตุผลที่เธอต้องแต่งงานกับเขา และเหตุผลที่ศิวาจูบเธอเมื่อคืน รวมไปถึงข้อตกลงที่เธอกับศิวาทำไว้หลังแต่งงาน
คิเรย์นิ่งไปเมื่อฟังเรื่องทุกอย่างจบ นริสาเองก็ลุ้นว่าคิเรย์จะคิดอย่างไรกับสิ่งที่เธอเล่า เขาจะคิดว่าเธอโกหกหรือเปล่า หรือเขาจะอยากเลิกกับเธอไปเลย...
"พี่จะไปคุยกับพ่อแม่ให้รู้เรื่อง!"
คิเรย์โพล่งออกมาโดยที่นริสาไม่รู้ตัวก่อนจะหุนหันไปที่ประตูห้อง หญิงสาวรีบดึงเขาไว้
"เดี๋ยว ๆ ๆ พี่เรย์ใจเย็น ๆ ก่อนค่ะ"
"จะให้พี่ใจเย็นได้ไง? คิดว่าพี่จะปล่อยให้แฟนพี่ไปแต่งงานกับคนอื่นเหรอ?"
"ก็แค่แต่งงานในนามนะคะ พี่ศิวาเขาก็บอกเองว่าเราไม่ต้องเลิกกัน..."
"แต่พอสาแต่งงานกับมัน...เอ่อ - - ไอ้คุณศิวานั่น พี่ก็จะกลายเป็นชู้ไปเลยนะ พี่ไม่ยอมหรอก พี่มาก่อนมันนะ"
"สาเข้าใจค่ะ พี่ศิวาเขาบอกด้วยว่าขอให้พี่เรย์รอหน่อย ถ้าข่าวเงียบสนิทแล้วสากับเขาก็จะหย่ากันทันทีเลย"
นริสาบอก คิเรย์มองเธอพลางถอนหายใจก่อนจะดึงเข้ามากอดแน่น
"งั้นเราชิงแต่งงานกันก่อนได้ไหม?"
"หา? อะไรนะคะ?!"
นริสาตกใจ เธอมองแฟนหนุ่มอย่างไม่อยากเชื่อ
"พี่ตั้งใจไว้อยู่แล้วว่าภายในปีหน้าพี่จะขอสาแต่งงาน งั้นเรามาแต่งกันก่อนได้ไหม?"
"พ - - พี่เรย์พูดจริงเหรอคะ...?"
นริสาถามเสียงเบา เธอไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยินว่าคิเรย์มีแพลนจะขอเธอแต่งงานอยู่แล้ว แต่เธอกลับจะต้องไปแต่งงานกับศิวา
นี่มันอะไรกัน?
"มันจะให้สินสอดสาเท่าไหร่?"
"ไม่รู้เลยค่ะ สาไม่ได้ถาม ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย"
"พี่จะให้มากกว่ามันสองเท่าเลย"
คิเรย์พูดเสียงดื้อ นริสาหัวเราะพลางมองหน้าเขา
"นั่นเขานักธุรกิจพันล้านเลยนะคะ ยังรวยกว่าเขาได้อีกเหรอ?"
นริสาแซว นึกขำแฟนตัวเองที่อยากจะเกทับศิวาแต่ก็ไม่ได้ดูเลยว่ารายนั้นรวยขนาดไหน
"เฮ้อ จะทำยังไงได้บ้างนะที่จะไม่ต้องแต่งงานกับมันน่ะ หนีไปเมืองนอกกันไหม?"
คิเรย์เสนออีก หญิงสาวถอนหายใจ
"ถ้าทำงั้นสาต้องโดนตัดพ่อตัดแม่ตัดลูกแน่ ๆ เลยค่ะ"
นริสาเสียงเศร้า คิดว่าเธอจะไม่หาทางหนีทีไล่เรื่องนี้ไว้บ้างเลยหรือ เธอเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับศิวาเหมือนกัน แต่ทางแก้แต่ละทางที่เธอเคยคิดไว้มีแต่ผลเสียทั้งนั้น ก็อย่างที่บอกคิเรย์ไป ถ้าขืนทำคงได้มีการตัดพ่อตัดแม่ตัดลูกกันแน่นอน
คิเรย์เองก็เครียด เขารู้ว่าพ่อแม่สำคัญกับนริสามาก แต่นริสาเองก็สำคัญสำหรับเขาเหมือนกัน ถึงจะบอกว่ามันเป็นการแต่งงานกันแค่ในนามก็เถอะ แต่มันก็คือการแต่งงาน การที่ให้ทุกคนรับรู้ว่าสองคนนั้นคือคู่ชีวิตกัน แล้วจะต้องอยู่ด้วยกันสองคน แค่คิดก็จะบ้าแล้ว
"ไม่ต้องกังวลนะคะ สาอยู่ดูไบ พี่ศิวาเขาก็อยู่นี่ เราไม่ได้เจอกันอยู่แล้ว เพราะงั้นพี่เรย์ไม่ต้องห่วงเลย"
ริสาบอกให้แฟนหนุ่มมั่นใจ
การที่รู้ว่าริสากับศิวาต้องอยู่ไกลกันหลังแต่งงานก็ทำให้เขาโล่งใจไปได้นิดหนึ่ง แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องหาทางให้การคลุมถุงชนนี้ยกเลิกให้ได้
.
.
.
"อะไรนะคะ? ลาออก?!!"
นริสาทวนเสียงหลงเมื่อผู้เป็นพ่อบอกให้เธอลาออกจากงาน เธอไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ทีตอนเธอบ่นอยากลาออก ร้องห่มร้องไห้อยากกลับมาอยู่ไทยทุกครั้งที่นอนเหงาอยู่ที่ดูไบ พ่อเธอนี่แหละที่เป็นคนคอยบอกว่าให้คิดดี ๆ ทำงานไปก่อน โอกาสไม่ได้มาได้ง่าย ๆ แต่ตอนนี้กลับบอกให้เธอไปลาออกอย่างง่าย ๆ น่ะหรือ
"ใช่ กลับดูไบครั้งนี้ก็ไปทำเรื่องให้เรียบร้อยเสียนะลูกนะ"
"เดี๋ยวนะคะคุณพ่อ แค่แต่งงานต้องลาออกเลยเหรอคะ? รุ่นพี่หลายคนก็แต่งงานแต่เขายังทำงานต่อได้เลย"
"แต่งงานแล้วอยู่ไกลกันไม่ดีหรอกนะลูก หลังแต่งงานหน้าที่หนูก็จะเพิ่มขึ้นคือความเป็นภรรยา กลับมาอยู่กับสามีน่ะดีแล้ว"
สุภาวดีเสริม แต่หญิงสาวยังคงไม่ฟัง
"แต่มันคือการแต่งงานแค่ในนามไม่ใช่เหรอคะ? ไม่ได้จะแต่งสร้างครอบครัวจริง ๆ เสียหน่อย!"
"แต่ถ้าเราจะแต่งเพื่อกลบข่าว ก็ต้องทำให้เนียนนะลูก จะแค่แต่งให้มันจบ ๆ แล้วต่างคนต่างอยู่ไม่ได้หรอก เราต้องทำให้สื่อและสังคมเห็นว่าแต่งงานกันเพราะหมั้นหมายกันมานานจริง ๆ ต้องทำให้เขาเชื่อนะลูก"
อดิศรอธิบาย บางทีก็เหนื่อยใจจะอธิบายกับลูกสาวหัวดื้อคนนี้
ศิวาจะปราบผยศยัยจอมดื้อนี้ไหวไหมนะ...
ร่างเล็กปวดหัวตึ้บ บอกคิเรย์ไว้แล้วว่าไม่ต้องกลัวเพราะหลังแต่งก็ต่างคนต่างอยู่ แต่มาตอนนี้กลับโดนบิดาบอกให้กลับไปลาออกเสีย ทำเอาเธอไม่รู้จะบอกคิเรย์หรือแก้ปัญหาต่อไปอย่างไรเลย
