บทที่ 3 เกิดปัญหา
จู่ ๆ ก็มีเสียงฮือฮาขึ้นมาภายในงาน ทั้งนักข่าวและแขกผู้มาร่วมงานต่างส่งเสียงซุบซิบกันใหญ่ ก่อนที่จะมีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาศิวา
"สวัสดีค่ะคุณศิวา"
หญิงสาวเอ่ยขึ้นแล้วยิ้ม นริสากับศิวาหันไปมอง
ถ้าจำไม่ผิด...เธอคือผู้หญิงที่มีข่าวกับศิวาไม่ใช่หรือ
"คุณเขม"
ศิวาอึกอัก เขาไม่ได้อยากให้เขมิกามาที่นี่ งานวันนี้นักข่าวเยอะมาก ไม่รู้ว่าเธอจะมาให้ตัวเองเป็นข่าวเพิ่มทำไม
"เขมเข้าใจว่าโทรศัพท์ของผู้จัดการเขมคงเสีย เลยไม่ได้รับโทรศัพท์เชิญจากเลขา ฯ ของคุณให้มาที่งานนี้ใช่ไหมคะ?"
เขมิกาพูดเข้าข้างตัวเอง ใช่แล้ว...เธอถือวิสาสะมางานนี้โดยที่ไม่ได้รับเชิญจากบุคคลใด ๆ ในเครือบริษัทชเวกรุ๊ปเลย
"เลขา ฯ ผมคงตกหล่นน่ะครับ ต้องขอโทษด้วย ยังไงก็ตามสบายนะครับ" ศิวาบอก เขามองไปรอบ ๆ เห็นนักข่าวจากหลายสำนักยืนอยู่ใกล้บริเวณนั้นที่กำลังตั้งใจฟังบทสนทนาอย่างออกนอกหน้า รวมทั้งกล้องจากสำนักข่าวต่าง ๆ ก็กำลังถ่ายรูปเขาและเขมิกา ที่มีนริสาร่วมเฟรมอยู่ด้วย
"ริสา...พี่ว่าเราเดินไปดูโมเดลบ้านทางนู้นกันดีกว่า"
ศิวาชวน นริสาพยักหน้าอย่างงง ๆ ก่อนจะเดินไปตามแรงโอบของศิวา เขมิกาหน้าตึงขึ้นมาทันที
"เดี๋ยวก่อนค่ะ!" เขมิกาเรียก "วันนี้เขมจะมาคุยกับคุณเรื่องลูกของเรา"
คำว่า 'ลูกของเรา' ทำเอานักข่าวและคนบริเวณนั้นหูผึ่งขึ้นมาทันที นักข่าวทุกสำนักตอนนี้ไม่แอบฟังอีกต่อไป ทุกคนต่างยื่นไมค์มาทางเขมิกาและศิวา ทั้งกล้องถ่ายรูปและกล้องถ่ายวีดีโอต่างจับมาที่ทั้งคู่ นริสายืนอยู่ท่ามกลางความสับสนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"นี่!" ศิวาพูดผ่านไรฟัน พยายามไม่ขยับปากมากนัก "ผมบอกแล้วไง ถ้าจะคุยกันเรื่องนี้ก็ไว้คุยกันแบบไม่มีนักข่าวจะได้ไหม?"
"ทำไมคะ? กลัวคนอื่นจะรู้หรือไงว่าคุณไม่มีความรับผิดชอบ!"
เขมิกาพูดเสียงดัง เธอตั้งใจอยากจะให้ทุกคนได้ยินบทสนทนาในครั้งนี้
"คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าความจริงมันเป็นยังไงนะเขมิกา ที่ผมเลือกจะไม่พูดเรื่องนี้ต่อหน้านักข่าวเพราะผมกำลังให้เกียรติคุณอยู่นะ"
ศิวาเสียงแข็ง นริสาเองกสัมผัสได้ว่าเขากำลังไม่พอใจแต่ก็พยายามข่มอารมณ์ไว้ให้มากที่สุด หญิงสาวทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรดี
"ความจริงก็คือเด็กในท้องฉันเป็นลูกคุณยังไงล่ะคะ!"
สิ่งที่เขมิกาบอกทำให้นักข่าวฮือฮาหนักกว่าเดิม ศิวาขบกรามอย่างข่มกลั้นอารมณ์ เขาพยายามจะให้เกียรติเธออยู่ด้วยการไม่พูดอะไรแย่ ๆ แต่ถ้าเขมิกาจะเล่นแบบนี้...ก็ได้ งั้นเขาก็จะทำให้เธอรู้สึกสักทีว่าจะเอาเรื่องพวกนี้มาทำร้ายเขาไม่ได้อีกต่อไป
"ความจริงก็คือ...ผมไม่เคยแม้แต่จะแตะต้องตัวคุณ เพราะผมเองมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเด็กในท้องคุณไม่ใช่ลูกของผมอย่างแน่นอน!"
ศิวาพูดแบบตั้งใจให้ทุกคนบริเวณนั้นได้ยิน ตอนนี้นักข่าวหันไมค์และกล้องต่าง ๆ มาทางศิวาและนริสา คำพูดของเขาทำให้เขมิกาอึ้งหนัก
"ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ผมจะพูดต่อหน้าทุกคนเลยแล้วกันนะครับ หลังจากที่ผมเลี่ยงจะไม่พูดเรื่องนี้เพราะผมไม่ต้องการให้เขมิกาเสียหาย แต่ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วผมก็คงจำเป็นต้องพูดเพื่อรักษาสิทธิ์ของผมนะครับ ผมมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ซึ่งก็คือนริสาคนนี้ครับ" ศิวาแนะนำหญิงสาวต่อหน้าทุกคน แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปรัวถ่ายรูปเธอกันกระหน่ำ "เราสองคนหมั้นหมายกันตั้งแต่เด็กแล้วครับ และเรากำลังจะแต่งงานกันต้นเดือนหน้า"
ศิวาประกาศพลางกระชับแขนที่โอบเอวบางไว้ให้เข้ามาชิดเขามากที่สุด นริสาหันไปมองหน้าชายหนุ่อย่างตกใจ เขาเล่นประกาศกันแบบนี้โดยไม่ถามอะไรเธอสักนิดเลยหรือ?
"อยากให้สื่อมวลชนทุกท่านช่วยทำข่าวนี้ให้ผมด้วยนะครับ ช่วยให้เกียรติผมและคู่หมั้นของผมด้วย และถ้าเราได้วันจัดงานแต่งงานที่แน่นอน ผมจะแจ้งให้ทุกคนทราบอีกทีนะครับ"
ศิวาพูดเสียงจริงจัง นริสามองหน้าเขาสลับกับหน้าเขมิกาที่ตอนนี้ดูอึ้งอย่างมากและดูพร้อมจะกรี๊ดได้ทุกเมื่อ
"คุณศิวายืนยันได้ไหมคะว่าเป็นคู่หมั้นคุณศิวาจริง ๆ ไม่ใช่แค่เอามาตบตาเพื่อปิดข่าวนี้น่ะค่ะ"
เสียงนักข่าวคนหนึ่งถามขึ้นมา นักข่าวคนอื่น ๆ ส่งเสียงเห็นด้วย ศิวากับนริสามีสีหน้าตกใจไปนิดนึง ต่างคนต่างคิดว่าจะต้องให้ยืนยันอย่างไรกัน
"อยากให้ยืนยันให้ดูใช่ไหมครับ...?"
ศิวาถามย้ำพลางมองไปรอบ ๆ ทุกสายตาจับจ้องมองมาที่เขากับนริสาอย่างกดดัน
เอาวะ! มาถึงขนาดนี้แล้วนี่
ศิวาตัดสินใจดึงร่างบางเข้ามาใกล้จนจมูกชิดกัน สายตาทั้งคู่สอดประสานกันก่อนที่เขาจะกระซิบเบา ๆ
"อย่าตบพี่นะ...."
และโดยไม่รอให้หญิงสาวแปลความหมายของประโยคนั้นว่าหมายถึงอะไร ศิวาก็เฉลยโดยการดึงเธอเข้าไปจูบทันทีโดยที่ไม่ทันตั้งตัว นริสาตกใจแทบจะผลักศิวาออกในทันทีแต่ก็ทำได้แค่กำสูทเขาไว้แน่นเพราะแขนแกร่งของศิวาโอบรัดตัวเธอเข้ามาชิดจนเธอผลักเขาออกไม่ได้ และพอได้มีเวลาคิดทำให้นริสารู้ว่าเธอไม่ควรผลักเขาออก ไม่อย่างนั้นจะเป็นการฉีกหน้าศิวาต่อหน้านักข่าวกับสิ่งที่เขาเพิ่งสัมภาษณ์ไป และจะยิ่งกลายเป็นข่าวไม่จบไม่สิ้น
ชายหนุ่มละเลียดริมฝีปากลงกับปากบางตรงหน้าอย่างเนิบช้า มือบางที่กำสูทค่อย ๆ คลายออกแล้ววางฝ่ามือไว้ที่บ่าของเขา จู่ ๆ ก็เหมือนหูอื้อจนไม่ได้ยินเสียงรอบข้างอีกแล้วว่านักข่าวและบรรดาแขกสาว ๆ กรี๊ดกร๊าดกับฉากจูบนี้ขนาดไหน
ศิวาเลื่อนมือหนามาประคองที่ท้ายทอยหญิงสาว กระชับอ้อมแขนและริมฝีปากแน่นกว่าเดิม เขากลัวเธอจะสะดุ้งผลักเขาออกแล้วแผนทั้งหมดจะล่มทันที แต่เมื่อรู้สึกได้ว่ามือบางเลื่อนจากบ่าเขามาจับที่ใบหน้าแทน ส่วนอีกข้างก็โอบรอบคอเขาอยู่ ทำให้รู้ว่านริสาคงจะไม่ผลักเขาออกอย่างแน่นอน
ริมฝีปากทั้งคู่ค่อย ๆ ผละออกจากกัน ก่อนที่นริสาจะปรับสายตาได้ว่าแสงแฟลชจากกล้องนั้นมากมายขนาดไหน หญิงสาวหน้าแดงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะเธอเพิ่งจูบกับผู้ชายที่ไม่ใช่แฟนต่อหน้าคนเกือบร้อยเลยทีเดียว
ทันทีที่สายตาปรับโฟกัสได้ หญิงสาวก็ปะทะสายตาเข้ากับสายตาเจ็บปวดจากคนคนหนึ่งที่กำลังมองมาที่เธอและศิวา ไม่ใช่จากนักข่าว ไม่ใช่จากแขกผู้มาร่วมงาน ไม่ใช่จากเขมิกา...
...แต่มาจากคิเรย์ แฟนของเธอ
ทันทีที่คิเรย์ร้องเพลงเสร็จ เขาก็รีบวิ่งลงมาจากเวทีเพื่อจะมาหานริสา แต่ก็เห็นเธออยู่กับศิวาท่ามกลางนักข่าวจำนวนมาก และสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ทั้งคู่จูบกัน...
"พี่เรย์..."
นริสาพึมพำเสียงเบาอย่างตกใจสุดขีด เธอไม่คิดว่าคิเรย์จะเห็นเธออยู่ใกล้ชิดกับศิวาแบบนี้ ได้แต่ภาวนาขอให้คิเรย์ไม่ทันเห็นฉากจูบนั้นของเธอและศิวา
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมกับคู่หมั้นต้องขอตัวก่อนนะครับ"
ศิวารีบตัดบทแล้วพานริสาเดินออกจากงานทันที หญิงสาวหันไปมองแฟนของเธอที่ยังคงมองด้วยสายตาเจ็บปวดโดยที่เธอไม่มีเวลาหรือโอกาสที่จะอธิบายอะไรได้เลย นักข่าววิ่งตามจะมาสัมภาษณ์ต่อแต่ทีมงานของศิวาก็มากันไว้ไม่ให้นักข่าวตามทั้งคู่ได้
ทันทีที่ออกมาถึงด้านนอกโรงแรม ศิวาก็ปล่อยมือที่โอบเอวนริสาออก สีหน้าเขาดูเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
"พี่ขอโทษนะ"
ศิวาบอกเมื่อเขาเห็นหญิงสาวนิ่งไปนาน ที่จริงแล้วตอนนี้เธอไม่ได้เครียดเรื่องที่โดนศิวาจูบโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า แต่เครียดตรงที่คิเรย์ดันเห็นภาพที่เกิดขึ้น แถมเธอไม่ได้บอกเขาก่อนด้วยว่าเธออาจจะต้องแต่งงานกับศิวา เขาต้องคิดว่าเธอนอกใจเขาแน่ ๆ
"พี่ศิวาคะ...พี่คิเรย์เขา...เห็น"
นริสาพูดอย่างตะกุกตะกัก เธอทั้งเครียด ทั้งกลัว ทั้งตื่นตระหนกไปหมด เธอไม่รู้จะบอกให้คิเรย์เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าเธอเกริ่นกับเขาแต่แรกว่าเธอต้องแต่งงานกับศิวา มันคงจะเข้าใจง่ายกว่านี้
ศิวาหันขวับไปมองอย่างตกใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายบอก เขาแค่อยากจะตัดปัญหาเรื่องเขมิกากับข่าวบ้า ๆ นี่ แต่ดันกลายเป็นเพิ่มปัญหาให้นริสาขึ้นมาเสียได้ ร่างสูงกุมขมับอย่างคิดไม่ตก เรื่องตัวเองเหมือนจะรอดแล้วเชียว แล้วนี่ถ้านริสาเปลี่ยนใจจะไม่แต่งงานกับเขาแล้วจะทำอย่างไร ที่บอกนักข่าวไปทั้งหมดคือหมดกัน และภาพลักษณ์การเป็นผู้บริหารของเขาจะหมดความเชื่อถือทันที
"เดี๋ยวยังไงพี่จะช่วยพูดให้ด้วยแล้วกันนะ"
ศิวาบอก ก่อนจะมีเสียงหนึ่งขัดขึ้น
"ช่วยพูดเรื่องอะไร? เรื่องที่คุณจูบแฟนผมน่ะเหรอ?!"
ทั้งคู่หันไปมองตามเสียง คิเรย์ยืนกำมือแน่นอยู่ไม่ไกลนัก สีหน้าเขาดูโกรธอย่างมากและต้องการคำอธิบายว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นคืออะไร
"พี่เรย์!" นริสาค่อย ๆ เดินไปหาเขาอย่างหวาดกลัว "พี่เรย์ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ สาอธิบายได้..."
"ก็อธิบายมาสิ!"
คิเรย์พูดเสียงดัง เขากลั้นอารมณ์โกรธไว้ไม่ไหวอีกแล้ว
"คุณคิเรย์ครับ ใจเย็น ๆ มันมีเหตุผลนะ..."
"เหตุผลบ้าอะไรคุณถึงมาจูบแฟนผมวะ?! ฮะ?!!!!"
คิเรย์พุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อศิวาอย่างโมโห นริสาพยายามจับทั้งคู่แยกออกแต่เธอก็สู้แรงผู้ชายไม่ไหว
"พี่เรย์! อย่านะคะ"
นริสาร้องห้าม เธอไม่เคยเห็นคิเรย์โมโหเลือดขึ้นหน้าขนาดนี้มาก่อน ตอนนี้เขาดูน่ากลัวมาก ดูสามารถต่อยศิวาได้ทุกเมื่อ แต่ศิวาไม่ตอบโต้อะไร เขาปล่อยให้คิเรย์กระชากคอเสื้อโดยที่ไม่แม้แต่จะผลักออก
"เป็นถึงนักธุรกิจพันล้าน ไม่มีปัญญาหาผู้หญิงเองแล้วรึไงถึงต้องเอาแฟนชาวบ้านมาจูบแบบนี้น่ะ หา??!!!"
คิเรย์กระชากคอเสื้อย้ำ ๆ อย่างโมโห ศิวานิ่ง เขารู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตอบโต้ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังเดือดแบบนี้ มีแต่จะทำให้เรื่องแย่ลงเปล่า ๆ
"พี่เรย์ เดี๋ยวสาอธิบายให้ฟังนะคะ พี่เรย์ปล่อยพี่ศิวาก่อนเถอะ"
นริสาพยายามเกลี้ยกล่อม เธอกลัวว่าคิเรย์จะต่อยศิวาขึ้นมาจริง ๆ
"สาน่ะเงียบไปเลย! มีเรื่องต้องอธิบายพี่ยาวแน่ ๆ ไม่ต้องห่วง!"
คิเรย์หันมาตวาดใส่นริสาก่อนจะหันมาหาศิวาต่อ
"ว่าไง? พูดมาดิ๊?!! จะแก้ตัวอะไรก็พูดมา!!"
"ผมกำลังจะแต่งงานกับริสา"
ศิวาพูดเรียบ ๆ สีหน้าของคิเรย์เปลี่ยนจากโกรธเกรี้ยวเป็นตกใจทันที
"อ - - อะไรนะ..."
"ได้ยินไม่ผิดหรอก เรากำลังจะแต่งงานกันเดือนหน้าแล้ว"
ศิวาบอก คิเรย์ช็อคไปครู่หนึ่ง เขาคลายมือออกจากคอเสื้อศิวาอย่างช้า ๆ ก่อนจะค่อย ๆ หันมามองนริสา
"จ - - จริงเหรอสา...?"
คิเรย์ถามอย่างไม่อยากเชื่อ ร่างเล็กยืนนิ่งน้ำตาไหลเพราะหลากหลายความรู้สึกที่ปะปนกัน
"พี่เรย์คะ คือมัน...."
"เรื่องเหตุผลของการแต่งงาน ผมจะให้ริสาอธิบายกับคุณเองแล้วกัน แต่คุณควรรู้ไว้ว่าที่ผมจูบริสาคืนนี้ไม่ใช่เพราะผมฉวยโอกาส แต่มันจำเป็น และเดือนหน้าเราก็จะแต่งงานกันแล้ว เพราะงั้นถ้าผมจูบคู่หมั้นผมก็คงไม่ผิดเท่าไหร่มั้ง"
ผลั่วะ!!
ทันทีที่ศิวาพูดจบ หมัดจากคิเรย์ก็สวนมาทันทีจนศิวาเซล้มไป นริสาตกใจก่อนจะรีบวิ่งไปดูศิวา ร่างสูงใช้หลังมือเช็ดมุมปากที่เปื้อนเลือดก่อนจะมองไปที่คิเรย์
คิเรย์เองก็มองนริสาที่เลือกที่จะวิ่งเข้าไปหาศิวา แทนที่จะมาหาเขาเหมือนกัน...
นริสาตกใจทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเห็นศิวาเลือดออกเธอยิ่งตกใจ ตอนนี้สูทราคาแพงของเขามีรอยยับจากที่ถูกคิเรย์ขยำและเลอะฝุ่นจากการล้ม
คิเรย์กำหมัดแน่น ก่อนที่จะเดินหันหลังกลับไปโดยไม่หันกลับมามองอีก นริสารีบลุกขึ้นเมื่อเห็นเขาเดินออกไป
"พี่เรย์คะ เดี๋ยวก่อน! พี่เรย์...!"
หญิงสาวร้องเรียก แต่ไม่มีทีท่าว่าคิเรย์จะหยุดหรือเดินกลับมา น้ำตาไหลอาบทั้งสองแก้ม นี่เธอจะเสียเขาไปจริงๆหรือ...
ร่างเล็กทรุดลงกับพื้น คิเรย์ต้องไม่ให้อภัยเธอแน่ ๆ เขาไม่แม้แต่จะหยุดฟังเธออธิบายด้วยซ้ำ
ศิวาค่อย ๆ ชันเข่าลุกขึ้นยืน เขาเดินไปหานริสา จับไหล่เพื่อประคองให้เธอลุกขึ้น เธอค่อยๆลุกขึ้นยืนตามแรงประคองของชายหนุ่ม มือเรียวเช็ดน้ำตาที่อยู่บนหน้าออกก่อนจะหันมาหาเขา
"พี่ศิวาเจ็บมากไหมคะ?"
เธอถาม มุมปากศิวายังคงมีรอยเลือดอยู่ ร่างสูงส่ายหน้า
"ไม่ต้องห่วงพี่หรอก เราล่ะโอเคไหม?"
ศิวาถามอย่างเป็นห่วง ทำเอาน้ำตาที่นริสาเพิ่งเช็ดออกไปไหลลงมาอีกครั้ง จะให้โอเคได้อย่างไรกัน มันไม่โอเคเลยสักนิด...
"ช่างมันเถอะค่ะ" นริสาเช็ดน้ำตาอีกครั้ง "ไปทำแผลที่บ้านสานะคะ เดี๋ยวสาทำแผลให้"
นริสาบอก ศิวามองเธอด้วยสายตาที่อธิบายไม่ถูก ทั้งเห็นใจ เสียใจ เป็นห่วง และรู้สึกดีที่เธอเป็นห่วงเขา....
"ขับไหวไหมคะ? สาขับให้ไหม"
นริสาถามเมื่อเดินมาถึงรถ เธอกลัวว่าศิวาจะเจ็บแผลที่โดนคิเรย์ต่อยแล้วอาจจะอยากนั่งพัก
"ไม่เป็นไรครับ แค่นี้สบายมาก ตอนเด็ก ๆ พี่โดนต่อยประจำ"
ศิวาหัวเราะกลบเกลื่อน เขาไม่อยากให้นริสาต้องมากังวลเรื่องเขามาก แค่นี้เจ้าตัวคงจะเครียดมากพออยู่แล้ว
ศิวาเปิดประตูฝั่งด้านข้างคนขับให้เธอ หญิงสาวยิ้มบาง ๆ เป็นการขอบคุณ ก่อนที่ศิวาจะเดินกลับไปอีกด้านแล้วขับรถออกไปทันที
