ตอนที่5 ลีลาเร่าร้อน
มานูแอลชื่นชมเนื้อนวลหอมหวานนุ่มนิ่มจนพอใจเขาก็กลับมาประกบจูบริมฝีปากบางอีกรอบ มือทั้งสองวางแหมะที่ทรวงอกอิ่มบดขยำอย่างถนอมขณะที่สะโพกแกร่งกำลังทำหน้าที่กดบดตัวตนสอดใส่ช่องทางรักเนิบนาบ
เจ้าเอยสะท้านแอ่นเล็กน้อยเมื่อความใหญ่โตของสามีสอดเข้ามาประสานในกลางกาย เธอเริ่มหายใจหอบถี่ขึ้น แขนเรียวตวัดคล้องคอมานูแอลแน่นเมื่อเขากำลังเร่งสาวสะโพกอัดกระแทกใส่ร่างกายของเธอพร้อมกับละเลงลิ้นอยู่ในโพรงปากระรัว
ลีลาเร่าร้อนของมานูแอลทำให้เจ้าเอยเริ่มสติเตลิดหลับตาพริ้มครางเสียงอ่อนในลำคอ รู้สึกเป็นสุขโดยที่ไม่สามารถสรรหาคำไหนมาอธิบายได้ ทุกจังหวะที่เขากดสะโพกกระแทกตัวตนเข้าออกเหมือนมีมวลความเสียวพุ่งแผ่กระจายไปทั้งตัวจนสมองเหมือนจะหยุดทำงานทุกขณะ
มานูแอลเริ่มเร่งเร้าสะโพกกระแทกภรรยาคนสวยถี่รัวขึ้น ด้วยกำลังรู้สึกคลั่งกับร่างกายของภรรยาที่ทำให้เขามีความสุขจนแทบทะลักออกมาจากปาก ทุกวินาทีที่เขาได้หาความสุขจากร่างกายของเธอยิ่งทำให้เขารักและหวงแหนเธอมากขึ้น อยากจะลดความรุนแรงเพื่อถนอมร่างกายของเธอมากกว่านี้ แต่ไฟสวาทที่กำลังพุ่งพล่านอยู่ในตัวมันทำเขาควบคุมตัวเองได้ยาก
ยิ่งมองภรรยาที่กำลังครางเสียงหวานหัวสั่นหัวครอน ทรวงอกอวบอิ่มกระเพื่อมตามแรงกระแทกของเขายิ่งเสมือนภาพนั้นเป็นเชื้อเพลิงราดกองไฟ เขาไม่สามารถลดลีลาเร่าร้อนลงได้จริงๆ และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขากระชับสัมพันธ์กับภรรยาจนเธอสลบเหมือดคาเตียงไปอีกวัน...
หลังจากกลับมาถึงกรุงเทพได้ เย็นวันนี้เจ้าเอยก็ขอมานูแอลออกมาเยี่ยมพ่อของเธอที่บ้านสวนหลังเล็กในอำเภอหนึ่งของจังหวัดนนทบุรี หลังจากที่พ่อของเธอป่วยเดินไม่ได้ปานวาดก็ให้พ่อของเธอมาอยู่ที่นี่เพื่อรักษาตัวกับที่ที่มีธรรมชาติมากกว่าในกรุงเทพมหานคร โดยมีป้าอิ่มเป็นคนดูแลไม่ห่าง ส่วนเจ้าเอยเองก็เข้ามาดูแลพ่อบ้างเมื่อมีเวลาว่าง
“เมื่อวานคุณพ่อไปหาหมอมาคุณหมอว่ายังไงบ้างคะพี่ป้าอิ่ม” เข้าบ้านมาได้เจ้าเอ่ยก็เอ่ยถามหญิงวัยกลางคนทันทีถึงเรื่องอาการของคนเป็นพ่อ
“เอ่อ...” อิ่มเริ่มมีท่าทางอึกอัก
“หมอบอกว่าพ่ออาการดีขึ้นมากแล้ว ทำกายภาพให้บ่อยอีกไม่นานก็น่าจะเดินได้” อัคพลพาตัวเองพร้อมรถเข็นออกมาจากในห้องได้ก็รีบตอบคำถามลูกสาวแทนอิ่ม
“จริงเหรอคะ เอยดีใจที่สุดเลยค่ะ” เจ้าเอยฉีกยิ้มกว้างรีบเข้าไปสวมกอดพ่อของเธอเอาไว้แน่น ความหวังที่เธอจะเห็นพ่อกลับมาเดินได้อีกครั้งคงไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว
“เดี๋ยวป้าเอาไปเก็บให้นะคะ” อิ่มรีบรวบกระเช้าผลไม้และของฝากอีกสองสามถุงจากมือของเจ้าเอยเข้าไปในครัว ด้วยคิดว่าหากอยู่ตรงนี้นานเธอคงไม่วายพูดอะไรต่ออะไรที่ถูกกำชับว่าห้ามพูดเอาไว้
“ขอบคุณค่ะ”
เมื่ออิ่มให้หลังไปได้อัคพลก็พาเจ้าเอยมานั่งคุยกันที่สวนหลังบ้าน เพราะเขามีเรื่องราวมากมายที่อยากจะถามไถ่เจ้าเอยเรื่องชีวิตหลังแต่งงาน
“ชีวิตหลังแต่งงานเป็นยังไงบ้างล่ะลูก มีความสุขมากหรือเปล่า”
“เอยยอมรับค่ะว่าชีวิตของเอยสบายมากๆ แล้วคุณแอลก็ทำทุกอย่างเพื่อให้เอยมีความสุข แต่...” เจ้าเอยเริ่มก้มหน้างุด อันที่จริงไม่ได้อยากเล่าเรื่องทุกข์ใจกับใคร แต่ก็ไม่อยากปิดบังความรู้สึกกับพ่อของเธอ
“ทุกข์ใจเพราะเรื่องมาวินใช่ไหม”
เจ้าเอยพยักหน้าและโผเข้าไปกอดคนเป็นพ่อเอาไว้หลวมๆ เธอซบใบหน้ากับอกอุ่นก่อนจะปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา
“พ่อขอพูดอะไรตรงๆ ได้ไหมเอย”
“ค่ะ” เจ้าเอยผละออกจากอกของพ่อ เธอยกมือปาดน้ำตาลวกๆ และพยักหน้าตอบรับคำที่พ่อของเธอจะถาม
“ตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาเราไม่มีใจรักคุณแอลบ้างเลยเหรอ”
เจ้าเอยยังคงเงียบ เพราะคำถามนี้เธอก็เคยถามกับหัวใจของตัวเองเช่นกัน แต่มันก็ไม่ได้คำตอบแน่ชัด
“เอย ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
“พ่อสังเกตหลายครั้งแล้วนะ เวลาเอยพูดถึงคุณแอลเอยจะยิ้มได้ทุกครั้ง ไม่เหมือนตอนที่พูดถึงมาวิน เพราะสีหน้าของเอยตอนพูดถึงมาวินมีแต่ความเศร้า”
“ที่เอยเศร้าเพราะเอยรู้สึกผิดกับวินตลอดเวลาค่ะคุณพ่อ”
“บางทีที่เอยคิดว่าเอยยังรักมาวิน อาจจะเป็นแค่ความรู้สึกผิดก็ได้นะลูก คิดให้ดีๆ ว่าตอนนี้เอยกำลังรักใคร” อัคพลเริ่มชี้นำให้ลูกสาวของเขาได้รู้ใจตัวเอง
“หัวใจของเอยจะเป็นยังไงเอยก็ยังไม่แน่ใจค่ะ แต่ตอนนี้เอยไม่รู้เลยว่าจะเริ่มต้นพูดกับวินยังไงเรื่องที่เอยแต่งงานกับคุณแอลไปแล้ว ทั้งที่เอยก็สัญญากับวินว่าถ้าเค้ากลับมาจากต่างประเทศเอยจะแต่งงานกับเค้า” น้ำเสียงของเจ้าเอยเริ่มสั่นเครือขึ้นเรื่อยๆ จนอัคพลต้องรั้งลูกสาวมากอดเอาไว้อีกรอบ
“พ่อขอโทษนะลูกที่เป็นต้นเหตุทำให้เอยเป็นทุกข์แบบนี้” อัคพลเริ่มมีน้ำตาตามลูก เรื่องทุกอย่างไม่โทษใครเลยโทษตัวเองล้วนๆ หากก่อนหน้านี้เขาไม่หลงปานวาดจนพาเธอเข้ามาในชีวิต และยอมตามใจถวายเงินให้เมียใหม่อย่างไม่คิดขัด คงไม่มีปัญหาเรื่องหนี้สิน และหากเขาไม่ป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ลูกสาวของเขาคงใช้ชีวิตของตัวเองได้อย่างมีความสุขไม่ต้องมีปัญหาหนักใจเช่นทุกวันนี้
“บางทีที่เอยคิดว่าเอยยังรักมาวิน อาจจะเป็นแค่ความรู้สึกผิดก็ได้นะลูก คิดให้ดีๆ ว่าตอนนี้เอยกำลังรักใคร” ขณะที่ขับรถออกมาจากบ้านสวนของพ่อ เจ้าเอยยังนึกถึงคำพูดของพ่อก้องอยู่ในหัวไม่ขาด ยิ่งเจอคำถามเช่นนี้เธอก็ยิ่งรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังสับสนอยู่ในใจจริงๆ
“หรือว่าเอยจะรักคุณไปแล้วจริงๆ คะคุณแอล” เจ้าเอยพูดออกมาน้ำเสียงแผ่วเบา เพราะไม่มีเวลาไหนเลยที่เธอไม่รู้สึกมีความสุขเมื่ออยู่ใกล้กับมานูแอล หรือความรู้สึกที่เธอคิดไปเองว่ายังรักมาวินอยู่เป็นเพียงเพราะเธอกำลังรู้สึกผิดต่อเขา
“เฮ้อ...” เจ้าเอยพ่นลมหายใจอ่อน เธอสลัดความคิดที่กำลังสับสนออกไปก่อน เพราะตอนนี้กำลังทำใจให้เข้มแข็งเพื่อที่จะต้องบอกความจริงกับมาวินในวันที่เขากลับมา
มานูแอลเข้ามาสวมกอดที่ด้านหลังเจ้าเอยขณะที่เธอกำลังยืนเหม่อมองท้องฟ้าใจลอยอยู่พักใหญ่ที่ระเบียงหลังห้องนอน
“ต้องทำงานนี้จริงๆ เหรอครับ” เขาก้มซุกใบหน้าลงกับหัวไหล่มนของภรรยา ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนออดอ้อน เพราะรู้ว่างานถ่ายแบบที่ภรรยาของเขาจะต้องไปทำค่อนข้างโชว์เนื้อหนังเบอะพอสมควร แม้จะไม่ได้มีใครเห็นเวลาถ่ายงานจริง แต่รูปภาพก็ต้องออกไปสู่สายตาสาธารณะชนอยู่ดี
“เอยรับงานนี้เอาไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้วค่ะ ไม่อยากยกเลิก เกรงใจที่มิค่ะ” อันที่จริงเจ้าเอยก็ปฏิเสธงานของมิราไปหลายงานจากที่รับเอาไว้ หากเธอจะทิ้งจนหมดก็เกรงใจคนที่เอ็นดูเธอมาหลายปีและคอยป้อนงานให้เธอตลอด
“โอเค ผมให้คุณทำงานนี้งานสุดท้ายนะครับ เพราะหลังจากนี้คุณต้องเตรียมตัวเป็นคุณแม่”
“ค่ะ”
“ปีนี้เราอยู่กันสองคน ปีหน้าครอบครัวของเราจะต้องมีสมาชิกเพิ่มนะครับ” มานูแอลหลับตาวาดฝันไปจนถึงวันข้างหน้าแล้วว่าอีกไม่ถึงปีเขาจะต้องทำให้เจ้าเอยตั้งท้องให้ได้ และหลังจากนั้นบ้านของเขาก็จะมีแต่ความครึกครื้นเพราะมีลูกเล็กๆ คอยวิ่งเล่นกันอยู่ในบ้าน
