ตอนที่6 ถูกเปิดโปง
ณ สตูดิโอหรูใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร ตอนนี้มีเหล่านางแบบมากหน้าหลายตาทั้งไทยและต่างประเทศ มารวมตัวกันที่หน้าสตูดิโอเมื่อถึงเวลาที่โมเดลลิ่งนัดมาถ่ายแบบ
“นั่นใครเหรอ นายแบบใหม่เหรอ” นางแบบสาวหน้าใหม่ไฟแรงอย่างบีน่ารู้สึกสะดุดตากับชายหนุ่มต่างชาติที่แต่งตัวแบรนด์เนมทั้งตัวทั้งยังมาดเซอร์ปล่อยผมยาวสยายดูโดดเด่นกว่าคนอื่น
“สามีคุณเอยนางแบบลูกรักพี่มิราไง” พิมพ์ลักษณ์พี่เลี้ยงของบีน่ารีบบอกให้หญิงสาวไดรับรู้ว่าคนที่เธอกำลังจ้องมองไม่ใช่นายแบบ
“อ๋อ...” รู้ดังนั้นบีน่าก็ยังไม่วายที่จะจ้องมองชายหนุ่มด้วยแววตาที่เหมือนจะเขมือบเสียให้ได้
“กรุณาอย่าอ่อยใครพร่ำเพรื่อนะยะ เพราะพี่มิราไม่ชอบให้นางแบบในสังกัดมีข่าวเชิงชู้สาว” พิมพ์ลักษณ์รู้ดีว่าเด็กของเธอนิสัยเป็นอย่างไรจึงต้องกำชับเอาไว้ก่อน กว่าจะฝากบีน่าเข้าสังกัดของมิราไม่ใชเรื่องง่ายๆ เพราะมิราไม่ได้เลือกนางแบบที่มีดีเพียงหน้าตาเท่านั้นแต่เน้นเรื่องนิสัยด้วย
“ฉันไปแต่งตัวดีกว่า” บีน่าเดินอมยิ้มกรุ้มกริ่มเข้าไปในห้องแต่งตัวของเหล่านางแบบผู้หญิง ไม่ได้รับปากว่าจะไม่ทำอะไรอย่างที่พิมพ์ลักษณ์ห้าม เพราะคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีรุ่นพี่ที่เป็นเพื่อนร่วมอาชีพถูกตาต้องใจของเธอเสียเหลือเกิน
“ใจพี่ไม่อยากให้เอยเลิกรับงานเลย ทั้งหุ่นทั้งหน้าเอยทำให้พี่ขายงานได้ง่ายมาก” มิราเดินมานั่งคุยกับเจ้าเอยหลังจากที่หญิงสาวแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว มิรารู้สึกใจเสียที่จะต้องเสียคนที่หน้าตารูปร่างดีสมบูรณ์แบบแถมยังทำงานเก่งและอยู่ด้วยกันมานานไป กว่าจะหาคนที่ทั้งสวยทั้งนิสัยดีได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเอาเสียเลย
“ขอโทษจริงๆ ค่ะ แล้วมีนางแบบใหม่เข้ามาบ้างหรือยังคะ”
“อืม... พี่ได้บีน่ามานั่นไง” มิราหันไปหานางแบบวัยละอ่อนที่นั่งแต่งตัวอยู่มุมในสุดของห้อง
“น้องสวยน่ารักมากๆ เลยนะคะ”
“สวยจริงน่ารักจริง แอบเกเรไปหน่อย แต่ก็ต้องเอามาสำรองในสังกัดไว้ก่อน” มิราชอบนางแบบที่อายุน้อยๆ ก็จริง แต่ก็ต้องแลกกับการควบคุมเรื่องวินัยยากไปหน่อย แต่ยังไงเธอก็ต้องรับบีน่าเข้าสังกัดเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้ไม่ว่าจะเสนอบีน่าที่ไหนลูกค้าก็รับทุกงาน
“เธอยังเด็กน่ะค่ะ ให้โอกาสเธอหน่อยนะคะ”
“พี่จะหาคนอย่างเอยได้ที่ไหนกันนะ”
“เดี๋ยวก็เจอค่ะ สู้ๆ นะคะพี่มิ” เจ้าเอยยิ้มหน้าเจื่อน ใจเธอไม่ได้อยากจะหยุดรับงาน แต่ทำอย่างไรได้เมื่อสามีของเธอต้องการให้เธอเตรียมตัวเป็นแม่
“มีเรื่องด่วนอะไรจะคุยเหรอครับ” มานูแอลได้รับโทรศัพท์จากไอรดาเขาจึงปลีกตัวออกมาจากสตูดิโอและมาหาหญิงสาวที่ร้านกาแฟไม่ไกลจากสตูดิโอถ่ายแบบเท่าไหร่นัก แปลกใจพอสมควรที่หญิงสาวติดต่อหาเขาว่าอยากคุยด้วยทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็แทบจะไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กันเท่าไหร่แม้ว่าเธอจะเป็นคนในครอบครัวของภรรยาก็เถอะ
“ด่วนมากที่สุดค่ะ แต่ฉันขอค่าเปิดปาก...” มานูแอลนั่งลงตรงข้ามได้ไอรดาก็เริ่มเปิดประเด็นตรงไปตรงมา ก่อนที่เธอจะเผยความจริงอะไรออกไปเธอก็ต้องมีค่าตอบแทนก่อน ไม่ได้เงินค่าสินสอดของเจ้าเอยเธอก็ต้องใช้วิธีนี้เพื่อหาเงินแล้วยังได้แก้แค้นสองแม่ลูกจอมเห็นแก่ตัวนั่นอีกด้วย
หลังจากทำงานมาร่วมวันก็ถึงเวลากลับบ้านของเจ้าเอย หญิงสาวเดินออกมาพ้นประตูห้องแต่งตัวไม่เท่าไหร่มิราก็รับวิ่งเข้ามารั้งเธอเอาไว้ก่อน
“ไปปาร์ตี้ต่อกับพี่นะเอย”
“เอ่อ...” เจ้าเอยยิ้มหน้าเตื่อนก่อนจะพยักเพยิดใบหน้าไปทางมานูแอลที่นั่งรอเธออยู่ที่หน้าสตูดิโอ
“อ่อ... พี่เข้าใจ อิจฉาคนเนื้อหอมจริงๆ เลย” มิราบุ้ยปากเล็กน้อยเสียดายที่เจ้าเอยมีสามีมารอเธออุตส่าห์จะถือโอกาสนี้เลี้ยงส่งเจ้าเอยเสียหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไร ดีแล้วที่หญิงสาวเห็นคนในครอบครัวสำคัญกว่าเรื่องอื่น
“เอยขอตัวนะคะ”
“รีบไปเถอะ คนนั้นเค้าคิดถึงแย่แล้ว” มิราพูดพร้อมยกมือดันหลังเจ้าเอยให้รีบเดินไปหามานูแอล
“กลับกันเถอะค่ะ” ยังไม่ทันที่เจ้าเอยจะได้พูดจบประโยคมานูแอลก็ลุกหนีเดินนำหน้าเธอไปที่ลานจอดรถแล้ว หญิงสาวตกใจกับพฤติกรรมของสามีพอสมควร เพราะตั้งแค่รู้จักกันมามานูแอลไม่เคยทำท่าทางเมินเฉยต่อเธอเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเขารอเธอจนอารมณ์เสียหรือว่ามีเรื่องอะไรทำให้ไม่สบายใจกันแน่
เจ้าเอยพยายามเงียบและสังเกตสีหน้าของมานูแอลมาพักใหญ่ ดูก็รู้ว่าตอนนี้เขากำลังไม่สบอารมณ์สาเหตุจากอะไรเธอก็ไม่ทราบได้เพราะเขาไม่คิดจะปริปากพูดจาอะไรกับเธอสักคำเดียว จนเป็นเธอเองที่ทนอึดอัดต่อไปไม่ไหว
“คุณแอลเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
เอี๊ยด... “ว๊าย...” เจ้าเอยแทบหน้าทิ้งไปที่คอนโซลหน้ารถ ดีที่มีเข็มขัดนิรภัยรั้งตัวเอาไว้
“เข้ามาในชีวิตผมเพื่อเงินอย่างเดียวเลยใช่ไหม?”
“คะ!” ยังไม่ทันหายตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่มานูแอลก็หันมาตวาดเจ้าเอยเสียงดังลั่น จนหญิงสาวสะดุ้งตกใจอีกรอบ
“ผมรู้เรื่องทุกอย่างแล้วว่าคุณมีคนรักอยู่แล้วแต่ยอมคบยอมแต่งงานกับผมก็แค่ต้องการเงินเท่านั้น ผมไม่น่าให้หัวใจกับผู้หญิงอย่างคุณเลย” มานูแอลมองจ้องเจ้าเอยเขม็ง ดวงตาของเขาแดงก่ำ ทั้งยังไม่ยอมลดความแข็งกร้าวของน้ำเสียงลง เขากระชากข้อมือของเจ้าเอย บีบแน่นจนเธอรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดและเริ่มมีสีหน้าเหยเก
“เอยเจ็บค่ะคุณแอล” สาวเจ้าใจเสียไม่น้อยที่จู่ๆ มานูแอลก็มาล่วงรู้ความลับที่เธอปกปิดมานานแสนนาน
“เจ็บแค่นี้มันไม่เท่าเศษเสี้ยวความเจ็บใจของผมหรอก” มานูแอลรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโง่มากๆ ที่ปล่อยให้ผู้หญิงที่เขาคิดว่าเธอใสซื่อนิสัยดีหลอกมาโดยตลอด แผนอนาคตที่เขาวาดเอาไว้พังลงไม่เป็นท่า เพราะคนเห็นแก่เงินที่รวมหัวหันหลอกลวงเขาเป็นกระบวนการ
“เอยขอโทษค่ะ” เจ้าเอยไม่มีคำไหนที่จะพูดกับเขานอกจากคำว่าขอโทษ เธอไม่คิดแก้ตัวอะไรทั้งนั้น เพราะสิ่งที่เขาพูดเธอก็ทำทุกอย่าง เคยคิดว่าวันหนึ่งเรื่องอาจจะต้องถูกเปิดโปงแต่ก็ไม่คิดมานูแอลจะรู้เรื่องราวเร็วเช่นนี้
“ผมไม่ได้อยากฟังคำขอโทษ หลังจากนี้อย่าคิดว่าชีวิตของคุณจะหาความสุขได้อีกเลย”
“คุณแอลจะทำอะไรคะ” เจ้าเอยหันมองคนที่เปิดประตูลงจากรถไปด้วยสีหน้าหวาดกลัว
