บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 9: แรงสนับสนุนจากเพื่อน เข็มทิศชีวิต

Part 1: โลกแห่งสีสัน เสียงกระซิบของหัวใจ

ในคาเฟ่เล็กๆ ใกล้คณะศิลปกรรมศาสตร์ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟคั่วสดและเสียงเพลงโซลฟังสบาย ฟ้ารดานั่งเหม่อมองหน้าจอสมาร์ตโฟนของตัวเองมาเกือบสิบนาทีแล้ว

บนหน้าจอสว่างวาบด้วยข้อความสั้นๆ เพียงคำเดียว... คำเดียวที่ทรงพลังพอที่จะทำให้จักรวาลทั้งใบของเธอสั่นสะเทือน

[ คิดถึง ]

คำๆ นี้จากอัญชิสา คือสิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เห็นในชีวิตนี้ มันคือหยดน้ำผึ้งที่หวานล้ำ แต่ก็เจือปนด้วยยาพิษแห่งความกลัว หัวใจของเธอพองโตด้วยความหวัง ในขณะเดียวกันก็หดเกร็งด้วยความหวาดระแวง... กลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย กลัวว่านี่จะเป็นเพียงความอ่อนไหวชั่ววูบของอิงที่จะนำมาซึ่งความเจ็บปวดอีกครั้ง

"ถ้าจะจ้องจนจอทะลุขนาดนั้น ช่วยบอกฉันทีเถอะว่าแกไปแฮกบัญชีธนาคารของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์กมาได้ หรือว่าไปเห็นคลิปหลุดของดาราที่แกเกลียด"

เสียงจิกกัดอันเป็นเอกลักษณ์ของภีมวัฒน์ดึงเธอออกจากภวังค์ เขานั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม วางแก้วมัทฉะลาเต้เย็นลงบนโต๊ะ ก่อนจะเท้าคางมองหน้าเพื่อนสนิทด้วยสายตาจับผิด "หน้าอย่างกับเห็นผีผสมกับถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง มันเรื่องอะไร แม่หญิงฟ้ารดา"

ฟ้ารดายกแก้วช็อกโกแลตเย็นของตัวเองขึ้นมาดูดแก้เก้อ "ไม่มีอะไรซะหน่อย"

"เหรอ" ภีมลากเสียงยาว "อาการแบบนี้มีอยู่สองอย่าง หนึ่งคือแกกำลังจะโดดเรียนไปดูนิทรรศการศิลปะ สองคือมันเกี่ยวกับ ‘คนนั้น’ ของแก... ซึ่งเมื่อพิจารณาจากรังสีสีชมพูอมเทาที่แผ่ออกมาจากตัวแกแล้ว ฉันฟันธงว่าเป็นอย่างหลัง"

ความสามารถในการมองคนทะลุปรุโปร่งของภีมยังคงทำงานได้อย่างดีเยี่ยมเสมอ ฟ้ารดาถอนหายใจยอมแพ้ เธอเลื่อนโทรศัพท์ไปตรงหน้าภีมเพื่อให้เขาดูข้อความนั้นด้วยตาตัวเอง

ภีมก้มลงมองหน้าจอเพียงแวบเดียว ก่อนจะเลิกคิ้วสูงอย่างประหลาดใจ "หือ... คำเดียวสั้นๆ แต่พลังทำลายล้างสูงนะเนี่ย แล้วไงต่อ"

"ก็ไม่มีอะไรต่อน่ะสิ ฉันยังไม่ได้ตอบเลย" ฟ้าฟุบหน้าลงกับโต๊ะอย่างหมดหนทาง "ฉันไม่รู้จะทำยังไงดีภีม... ฉันดีใจจนอยากจะกรี๊ด แต่ในใจมันก็กลัวไปหมด กลัวว่าถ้าฉันตอบกลับไป แล้วทุกอย่างจะพังอีก"

ความทรงจำถึงการถูกทอดทิ้งในอดีตมันยังคงสดใหม่ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน การที่อิงค่อยๆ ตีตัวออกห่าง การตอบข้อความที่สั้นลง การปฏิเสธที่จะพบหน้า... ทุกอย่างคือบาดแผลที่เธอใช้ศิลปะในการเยียวยามาตลอดหลายปี

"ก็สมควรที่แกจะกลัว" ภีมพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นผิดกับเมื่อครู่ "โดนทิ้งไปแบบไม่ทันให้ตั้งตัวขนาดนั้น เป็นฉันก็คงฝังใจเหมือนกัน"

คำพูดของภีมที่ไม่ได้ปลอบใจแบบผิวเผิน แต่เป็นการยอมรับในความรู้สึกของเธอ ทำให้ฟ้ารู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาด

"แต่ฟ้ารดา..." ภีมพูดต่อพลางยื่นมือมาแตะหลังมือของเธอเบาๆ รอยยิ้มที่อบอุ่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา "แกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าความกลัวมันไม่เคยช่วยอะไรเลย มันมีแต่จะขังเราไว้กับอดีต แล้วตอนนี้... อดีตมันกำลังส่งข้อความมาหาแก มันคือโอกาสไม่ใช่เหรอวะ"

"โอกาสที่จะเจ็บอีกครั้งน่ะเหรอ" ฟ้าพึมพำ

"หรืออาจจะเป็นโอกาสที่จะได้เยียวยาบาดแผลเก่าให้มันหายสนิทจริงๆ สักที" ภีมแย้ง "แกจะปล่อยให้ความกลัวมาตัดสินอนาคตของแกเหรอวะฟ้า? แกไม่ใช่เด็กคนนั้นที่ได้แต่ร้องไห้แล้วนะ แกโตแล้ว แกแข็งแกร่งขึ้นแล้ว... ที่สำคัญที่สุดคือ แกต้องซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเอง"

เขาเว้นจังหวะไปเล็กน้อย แววตาคมกริบมองลึกเข้าไปในตาของเพื่อนรัก "แกดูสิ... ฉันกับแฟนฉัน ทะเลาะกันจะตายห่าวันละสามเวลาหลังอาหาร ความคิดความอ่านก็ต่างกันสุดขั้ว เขาชอบอะไรที่เป็นแบบแผน ส่วนฉันก็บ้าๆ บอๆ อย่างที่แกเห็น... ความสัมพันธ์ของเรามันไม่ได้สมบูรณ์แบบเลยสักนิด แต่มันจริงแท้ เพราะเราซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของกันและกัน กล้าที่จะพูด กล้าที่จะเสี่ยง... แล้วแก กล้าที่จะเสี่ยงเพื่อความรู้สึกของตัวเองรึยัง"

คำพูดของภีมเปรียบเสมือนเข็มทิศที่ช่วยปรับทิศทางให้หัวใจที่กำลังหลงทางของเธอ มันกระแทกเข้าไปในใจกลางของความกลัว... ความกลัวที่จะต้องรอคอยอย่างไม่มีจุดหมายอีกครั้ง

"แล้วฉันควรจะทำยังไง"

"ก็ทำในสิ่งที่หัวใจแกมันเรียกร้องสิวะ!" ภีมพูดเสียงดังขึ้นอย่างได้ใจ "เขา ‘คิดถึง’ แกก็ตอบไปสิว่าแกก็ ‘คิดถึง’ เหมือนกัน หรือถ้าใจกล้าหน่อยก็ตอบไปเลยว่า ‘คิดถึงเหมือนกัน แล้วเจอกันได้ที่ไหน เมื่อไหร่ดีคะสุดสวย’ จบ! ง่ายๆ!"

ความขี้เล่นที่กลับมาของภีมทำให้ฟ้ารดาเผลอหัวเราะออกมาได้ในที่สุด "บ้าเหรอ ใครจะไปกล้าพิมพ์แบบนั้น"

"เอ้า! ไม่กล้าก็เรื่องของแก แต่อย่าลืมนะว่าโอกาสมันไม่ได้มีมาบ่อยๆ โดยเฉพาะโอกาสที่จะได้เผชิญหน้ากับผีในอดีตของตัวเองเนี่ย... ถ้าแกไม่คว้าไว้ตอนนี้ แกอาจจะต้องอยู่กับความสงสัยไปตลอดชีวิตนะเพื่อน"

ฟ้ารดามองหน้าภีม... แล้วก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง คำว่า ‘คิดถึง’ ของอิงยังคงส่องสว่างอยู่ตรงนั้น

ใช่... ภีมพูดถูก เธอไม่ใช่เด็กหญิงฟ้ารดาคนเดิมอีกต่อไปแล้ว เธอคือศิลปินผู้ใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือในการแสดงออกถึงตัวตน และนี่คือเวลาที่เธอจะต้องซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองให้มากที่สุด

นิ้วเรียวของเธอค่อยๆ พิมพ์ข้อความตอบกลับไป... ไม่ใช่ข้อความที่ใจกล้าบ้าบิ่นอย่างที่ภีมแนะนำ แต่เป็นข้อความที่จริงใจและเปี่ยมไปด้วยความหมายสำหรับเธอ

[ เหมือนกันเลย :) ]

Part 2: โลกแห่งสีขาว เสียงของสามัญสำนึก

โรงอาหารของคณะแพทยศาสตร์ในช่วงพักกลางวันคือสมรภูมิย่อยๆ ที่เต็มไปด้วยนักศึกษาในชุดกาวน์สีขาวที่รีบเร่งกินข้าวเพื่อจะกลับไปผจญกับกองตำราและตารางเรียนที่อัดแน่น

อัญชิสานั่งเขี่ยข้าวในจานไปมาอย่างเหม่อลอย เธออยู่ที่นี่... แต่ใจของเธอกลับอยู่ที่อื่น อยู่ในห้องแชทที่มีข้อความตอบกลับมาว่า ‘เหมือนกันเลย :)’ จากฟ้า... ข้อความที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวไม่เป็นส่ำมาตลอดคาบเรียนเมื่อช่วงเช้า

"ถ้าแกจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับจานข้าวแบบนั้น ช่วยบอกฉันทีว่าในนั้นมีโพยข้อสอบไฟนอลอยู่"

เสียงของมินตราที่นั่งอยู่ตรงข้ามดังขึ้นอย่างตรงไปตรงมาตามสไตล์ มิ้นท์เป็นคนเดียวที่กล้าพูดจาขวานผ่าซากกับอัญชิสา และเป็นคนเดียวที่อัญชิสายอมให้ทำเช่นนั้น

"เปล่าซะหน่อย" อิงปฏิเสธเสียงอ่อย รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

"อย่ามาโกหก" มิ้นท์หรี่ตามอง "แกเป็นอะไรของแกมาสองวันแล้วนะอิง เมื่อวานก็ทำตัวแปลกๆ ตอนเจอฉันที่คณะ วันนี้ก็ดูเหม่อๆ แถมยังนั่งยิ้มคนเดียวอีก... แกไม่เคยเป็นแบบนี้"

ในฐานะเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง มิ้นท์รู้จักอัญชิสาทุกแง่มุม เธอรู้ว่าปกติแล้วอิงคือภูเขาน้ำแข็งที่สงบนิ่งและควบคุมทุกอย่างได้เสมอ การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นจึงเห็นได้ชัดเจนอย่างยิ่ง

"ฉันก็แค่... เหนื่อยๆ น่ะ" อิงใช้ข้ออ้างเดิม

"เหนื่อยแล้วยิ้มเหรอ? ตรรกะวิบัติไปหน่อยมั้งคุณหมอ" มิ้นท์ยังคงไม่ยอมแพ้ เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้ขึ้น ลดเสียงลงเล็กน้อย "แกมีอะไรไม่สบายใจ บอกฉันได้นะเว้ย"

อัญชิสามองหน้าเพื่อนสนิท... แววตาของมิ้นท์เต็มไปด้วยความห่วงใยที่แท้จริง ไม่มีนัยยะแอบแฝงเหมือนสายตาของพราว ในโลกสีขาวที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและแรงกดดันของคณะแพทย์ มิ้นท์คือกองหนุนเพียงหนึ่งเดียวที่เธอมี

บางที... การได้ระบายให้ใครสักคนฟังอาจจะดีกว่าการเก็บไว้คนเดียว

"ฉัน..." อิงอึกอัก "ฉันเจอเพื่อนเก่า"

"เพื่อนเก่า? ใครวะ ฉันรู้จักปะ"

"แกไม่รู้จักหรอก... เขาชื่อฟ้า เป็นเพื่อนฉันตอนประถม"

มิ้นท์ขมวดคิ้ว "เพื่อนตอนประถม? แล้วทำไมแกต้องทำหน้าเหมือนไปฆ่าคนตายมาขนาดนั้นด้วย แค่เจอเพื่อนเก่าเอง"

"ก็... เราไม่ได้เจอกันมาเกือบสิบปีแล้ว" อิงสารภาพเสียงเบา "แล้วเราก็... ไม่ได้จากกันด้วยดีเท่าไหร่"

มิ้นท์เริ่มเห็นเค้าลางของความซับซ้อน เธอวางช้อนลงแล้วตั้งใจฟังอย่างจริงจัง "เล่ามาให้หมด"

อัญชิสาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นออกมา... ไม่ใช่เรื่องราวของค่ำคืนที่เร่าร้อน แต่เป็นเรื่องราวของการกลับมาพบกันโดยบังเอิญ ความรู้สึกปั่นป่วนที่เกิดขึ้น และการได้พูดคุยกันอีกครั้ง... เธอเล่าถึงความรู้สึกปลอดโปร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อได้อยู่กับฟ้า

มิ้นท์นั่งฟังอย่างเงียบๆ ไม่พูดแทรกแม้แต่คำเดียว เธอปล่อยให้อิงได้ระบายความรู้สึกที่เก็บกดไว้ออกมา เมื่ออิงเล่าจบ มิ้นท์ก็ยังคงนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามคำถามที่ตรงประเด็นที่สุด

"อิง... ฉันขอถามอะไรแกอย่างหนึ่งได้ไหม"

อิงพยักหน้า

"แก... กำลังมีความสุขจริงๆ หรือเปล่า?"

คำถามนั้นราวกับค้อนที่ทุบลงมาที่กำแพงป้องกันตัวของอิงอย่างจัง มันเป็นคำถามที่เธอไม่เคยกล้าถามตัวเอง และไม่เคยคิดว่าจะมีใครกล้าถามเธอ

อัญชิสามองลึกลงไปในดวงตาของเพื่อนสนิท ก่อนจะตอบออกมาด้วยเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย แต่กลับเต็มไปด้วยความซื่อสัตย์เป็นครั้งแรก

"อือ... ฉัน... ฉันมีความสุข"

แค่การยอมรับความจริงง่ายๆ ข้อนี้ออกมาดังๆ ก็ทำให้น้ำตาของเธอคลอหน่วยขึ้นมาดื้อๆ

มิ้นท์ถอนหายใจยาว เธอไม่ได้ยิ้ม แต่ก็ไม่ได้ทำหน้าตำหนิ "ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเพื่อนที่ชื่อฟ้าของแกเป็นคนยังไง และฉันก็ไม่รู้ว่าระหว่างแกสองคนมันมีเรื่องอะไรกันมาก่อน"

เธอยื่นมือข้ามโต๊ะมากุมมือของอิงไว้แน่น "แต่ถ้าการได้อยู่กับเขา... มันทำให้แกยิ้มได้แบบนี้ ทำให้แกดูเหมือนมนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจขึ้นมาบ้าง... ฉันก็ดีใจด้วย"

"..."

"แต่แกก็ต้องระวังตัวนะอิง" มิ้นท์พูดต่อด้วยน้ำเสียงของเหตุผล "แกก็รู้ว่าโลกของแกมันเป็นยังไง โดยเฉพาะครอบครัวของแก... ถ้าพวกท่านรู้เรื่องนี้ขึ้นมา มันจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แน่"

"ฉันรู้" อิงพยักหน้ารับ

"เอาเป็นว่า... ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น" มิ้นท์บีบมือเพื่อนแน่นขึ้น "แกยังมีฉันอยู่ตรงนี้นะเว้ย มีอะไรก็บอก อย่าเก็บไว้คนเดียวอีก เข้าใจไหม"

น้ำตาที่คลออยู่รื้นออกมาในที่สุด มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความทุกข์ แต่เป็นน้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจ

"ขอบคุณนะมิ้นท์... ขอบคุณจริงๆ"

ในโลกที่หนาวเหน็บและเต็มไปด้วยแรงกดดัน การมีเพื่อนที่คอยเป็นทั้งเข็มทิศและพื้นที่ปลอดภัยให้... มันคือสิ่งล้ำค่าที่สุดแล้วจริงๆ
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel