ตอนที่ 3: การปะทะ – สายตาที่ชนกันและแรงดึงดูด
อาคารหอสมุดกลางของมหาวิทยาลัยคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับอัญชิสา มันเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งในโลกที่ความวุ่นวายภายนอกถูกดูดกลืนหายไป เหลือเพียงความเงียบที่เอื้อต่อการจัดระเบียบความคิด และกลิ่นกระดาษเก่าจางๆ ที่ทำให้เธอรู้สึกสงบอย่างน่าประหลาด
บ่ายวันนั้นก็เช่นกัน อัญชิสาเดินอยู่ท่ามกลางชั้นหนังสือสูงท่วมหัวในโซนวิทยาศาสตร์การแพทย์ เธอกำลังมุ่งหน้าไปยังโต๊ะประจำตัวที่มุมในสุดซึ่งห่างไกลจากสายตาผู้คน แขนข้างหนึ่งโอบประคองกองตำราเล่มหนาไว้แน่น ส่วนสายตาก็ก้มลงมองตารางเรียนและรายการสิ่งที่ต้องทำในแท็บเล็ตที่ถืออยู่ในมืออีกข้าง ชีวิตของเธอคือชุดของสมการที่ต้องหาคำตอบ คือรายการตรวจสอบที่ต้องทำให้สำเร็จลุล่วงไปทีละข้อ การเดินโดยไม่มองทางจึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนที่มีเป้าหมายชัดเจนอย่างเธอ
และนั่นคือเหตุผลที่โศกนาฏกรรมย่อมๆ กำลังจะเกิดขึ้น
ในจังหวะที่เธอกำลังจะเลี้ยวที่หัวมุมชั้นหนังสือร่างของใครคนหนึ่งที่เดินสวนมาจากอีกทางก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน อัญชิสาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว
ปึ่ก!
แรงปะทะที่ไม่รุนแรงนัก แต่ก็มากพอที่จะทำให้ตำราเล่มบนสุดที่เธอประคองอยู่ร่วงหล่นลงสู่พื้นเสียงดังลั่นไปทั่วบริเวณที่ควรจะเงียบสงัด
"อุ๊ย! ขอโทษค่ะ!" เสียงใสๆ ดังขึ้นพร้อมกันกับที่เจ้าของเสียงย่อตัวลงไปเก็บหนังสือให้
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันผิดเองที่..." อัญชิสาเอ่ยปากขอโทษโดยอัตโนมัติ ก้มลงจะไปช่วยเก็บ แต่แล้วคำพูดทั้งหมดของเธอก็แข็งค้างอยู่ในลำคอ เมื่อสายตาของเธอจับจ้องไปยังคนที่อยู่ตรงหน้า
เวลา... หยุดหมุน
โลกทั้งใบหดแคบลงเหลือเพียงภาพของหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งในเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่กับกางเกงยีนส์ขาดๆ ที่กำลังเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนที่มัดเป็นจุกหลวมๆ มีปอยผมตกลงมาปรกวงหน้าเรียว ดวงตากลมโตคู่นั้น...
ดวงตาที่เคยปรากฏในความทรงจำที่เจ็บปวดและในความฝันที่เร่าร้อน...
ฟ้า... ฟ้ารดา...
สมองของอัญชิสากลายเป็นสีขาวโพลน สัญชาตญาณแรกที่กรีดร้องอยู่ภายในคือ ‘หนี’
เธอต้องหนีไปจากตรงนี้ เดี๋ยวนี้!
หัวใจของเธอเต้นรัวแรงจนเจ็บหน้าอก ฝ่ามือเย็นเฉียบขึ้นมาทันที เธอรู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวเบาบางลงอย่างกะทันหัน โลกที่เคยถูกควบคุมไว้ด้วยตรรกะและเหตุผลกำลังสั่นคลอนอย่างรุนแรงเพียงเพราะการสบตากับคนคนเดียว คนที่เป็นดั่งภาพสะท้อนของทุกสิ่งที่เธอเคยทิ้งไว้ข้างหลัง
"อิง... ใช่... อิงจริงๆ ด้วย" ฟ้ารดาเป็นฝ่ายเอ่ยชื่อนั้นออกมาก่อน น้ำเสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อยด้วยความตกใจไม่แพ้กัน ในแววตามีทั้งความดีใจ ความสับสน และความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ฉายวูบผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ฟ้ารดายันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ในมือยังคงถือตำรากายวิภาคศาสตร์ของอิงไว้ เธอยื่นมันส่งคืนให้อิงช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่นและเป็นมิตรอย่างที่เคยเป็นเสมอ... รอยยิ้มที่เคยทำให้โลกทั้งใบของอัญชิสาสว่างไสว
แต่สำหรับอัญชิสาในตอนนี้ รอยยิ้มนั้นไม่ต่างจากเปลวไฟที่กำลังจะแผดเผากำแพงน้ำแข็งที่เธอสร้างขึ้นมาป้องกันตัวเอง
"ขอบคุณ" อัญชิสาตอบรับด้วยเสียงที่แหบพร่าและเบาหวิว เธอรีบคว้าหนังสือกลับมา กอดมันไว้แน่นราวกับเป็นโล่กำบัง หลบสายตาของฟ้าที่จ้องมองมาอย่างไม่ลดละ เธอรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวฟ้า... พลังงานบวกที่สดใสและจริงใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้
"ไม่เจอกันนานเลยนะ" ฟ้ายังคงพยายามชวนคุย "สบายดีไหม เรียนหนักรึเปล่า"
ทุกคำถามเปรียบเสมือนก้อนหินที่ถูกโยนลงมาในบ่อน้ำนิ่งๆ ในใจของอิง สร้างแรงกระเพื่อมที่เธอไม่อาจควบคุมได้ เธอควรจะตอบอย่างไร ควรจะทำหน้าแบบไหน เธอไม่ได้เตรียมตัวสำหรับสถานการณ์นี้ แผนการใช้ชีวิตของเธอไม่มีบทสนทนานี้บรรจุอยู่!
"สบายดี" เธอตอบสั้นๆ ห้วนๆ ตั้งใจจะตัดบทสนทนาให้เร็วที่สุด "ขอตัวก่อนนะ พอดีรีบ"
อัญชิสาหมุนตัวเตรียมจะเดินจากไป แต่ในจังหวะนั้นเองที่ฟ้ารดาขยับเข้ามาใกล้...
"เดี๋ยวก่อนสิอิง..."
ไหล่ของทั้งสองคนชนกัน...
มันเป็นเพียงสัมผัสที่เฉียดผ่านไปในชั่วพริบตา แต่สำหรับอัญชิสาแล้ว มันรุนแรงราวกับถูกสายฟ้าฟาด!
!!!
กระแสไฟฟ้าที่มองไม่เห็นแล่นปราดจากหัวไหล่ที่สัมผัสกันวาบไปทั่วร่าง ปลุกทุกเซลล์ประสาทที่หลับใหลให้ตื่นขึ้น ความร้อนรุ่มอย่างประหลาดแล่นไปตามแขน ซ่านไปถึงปลายนิ้วที่กำลังจิกลงบนสันหนังสือแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว มันคือความรู้สึกเดียวกับในความฝัน... สัมผัสที่ปลุกเร้าและอันตราย
และไม่ใช่แค่นั้น...
กลิ่นกายเฉพาะตัวของฟ้าก็ลอยเข้ามาในโพรงจมูกของเธออย่างชัดเจน กลิ่นที่ติดตรึงอยู่ในความทรงจำลึกๆ กลิ่นที่เธอสัมผัสได้ในความฝันเมื่อคืนก่อน... กลิ่นดินหลังฝนตกจางๆ ผสมกับกลิ่นดอกไม้ป่าที่เธอไม่รู้จักชื่อ มันคือกลิ่นของอิสรภาพ... กลิ่นของฟ้ารดา
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก แต่กลับเชื่องช้าในความรู้สึกของอิง
สติที่เคยกระเจิดกระเจิงกลับมารวมตัวกันอีกครั้งพร้อมกับความตื่นตระหนก เธอต้องไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด!
"ขอโทษ" เธอกล่าวคำนั้นออกมาเสียงสั่น ก่อนจะก้าวเท้าเดินหนีอย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย
เธอเดินลิ่วๆ ผ่านชั้นหนังสือ ผ่านสายตาของนักศึกษาคนอื่นๆ ที่มองมาอย่างแปลกใจในท่าทีลุกลี้ลุกลนของเธอ เธอไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น หัวใจของเธอยังคงเต้นระรัวราวกับกลองสงคราม สัมผัสร้อนที่หัวไหล่และกลิ่นหอมที่ติดจมูกยังคงชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวินาทีก่อน
อัญชิสาเดินตรงไปยังห้องน้ำหญิงที่ใกล้ที่สุด ผลักประตูเข้าไปแล้วพุ่งไปที่อ่างล้างหน้าทันที เธอเปิดก๊อกน้ำแรงสุด ปล่อยให้สายน้ำเย็นเฉียบไหลผ่านฝ่ามือ ก่อนจะวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า หวังจะให้ความเย็นช่วยดับความร้อนรุ่มที่กำลังแผดเผาอยู่ภายใน
เธอเงยหน้าขึ้นมองตัวเองในกระจก...
ภาพที่เห็นคือหญิงสาวผิวขาวซีด ดวงตาเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก ริมฝีปากเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง นี่ไม่ใช่ภาพของนักศึกษาแพทย์อัญชิสา วงศ์วัฒนากุล ผู้สุขุมและควบคุมทุกอย่างได้เสมอ แต่นี่คือภาพของเด็กผู้หญิงขี้ขลาดคนหนึ่งที่กำลังวิ่งหนีเงาของตัวเอง
บ้าที่สุด! เธอสบถในใจ กำหมัดแน่นจนข้อขาว
ทำไมต้องมาเจอตอนนี้ ทำไมต้องเป็นที่นี่ และทำไม... ทำไมแค่การสัมผัสเพียงชั่วครู่ถึงได้มีอิทธิพลกับเธอมากขนาดนี้?
กำแพงที่เธอคิดว่าแข็งแกร่ง... บัดนี้มันได้ปรากฏรอยร้าวขึ้นมาแล้วจริงๆ และคนที่สร้างมันขึ้นมาก็คือคนคนเดียวกับที่เธอเพิ่งวิ่งหนีมา...
ฟ้ารดา
ฟ้ารดายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ตรงจุดที่เธอกับอิงเพิ่งปะทะกัน สายตายังคงจ้องมองไปยังทิศทางที่อิงจากไป แม้ว่าร่างบอบบางนั้นจะลับหายไปจากสายตาแล้วก็ตาม
ในมือของเธอยังคงรู้สึกได้ถึงความเย็นเฉียบของฝ่ามืออิงตอนที่รับหนังสือคืนไป กลิ่นหอมสะอาดคล้ายสบู่จางๆ ของอิงยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูก
หัวใจของเธอเต้นแรงไม่ต่างกัน แต่เป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนกว่า...
การได้เจออิงอีกครั้งเหมือนกับการเดินทางย้อนเวลากลับไปในอดีต ความทรงจำทั้งสุขและเศร้าถาโถมเข้ามาพร้อมกันจนตั้งรับแทบไม่ทัน เธอเห็นความตื่นตระหนกในดวงตาคู่นั้นอย่างชัดเจน เห็นความพยายามที่จะหลีกหนี และเห็นความเย็นชาที่อิงใช้เป็นเกราะป้องกันตัว... เกราะที่เธอเคยถูกมันทิ่มแทงจนเป็นแผลลึกมาแล้วครั้งหนึ่ง
แต่ท่ามกลางความเย็นชานั้น... ฟ้าก็เห็นบางอย่างที่ซ่อนอยู่
แววตาที่สั่นไหว... ร่างกายที่ตอบสนองต่อการสัมผัส... และความปรารถนาที่ถูกกดทับไว้ซึ่งฉายออกมาวูบหนึ่งก่อนที่อิงจะหันหลังหนีไป
ฟ้ารดากำมือเข้าหากันแน่น
การรอคอยของเธอมาตลอดหลายปี... อาจจะยังไม่สิ้นสุดลง แต่การได้พบกันในวันนี้... มันได้จุดประกายบางอย่างขึ้นมาใหม่
ประกายไฟที่เธอจะไม่มีวันปล่อยให้มันมอดดับไปง่ายๆ อีกเป็นครั้งที่สอง