ตอนที่ 5 ครอบครัว
ร่างสูงก้าวเท้าเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ บ้านที่เขากลับมากี่ครั้งก็จะได้พลังบวกกลับไปทุกครั้ง มองย้อนกลับไปทีไรพีรภัทรแทบไม่อยากเชื่อว่าจะได้เห็นรอยยิ้มของคนในครอบครัว
แม่ที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเลี้ยงเขาและพี่สาว พี่สาวที่พบความผิดหวังด้านความรักจนกลายมาเป็นมาแม่เลี้ยงเดี่ยวเช่นเดียวกัน มีหลานสาวที่สดใส น่ารัก เป็นกำลังใจให้คนในครอบครัวไม่ย่อท้อ แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกอีกครั้งวนเวียนจนพ่อของหลานได้รู้ความจริง ปรับความเข้าใจ เปลี่ยนตัวเอง และสร้างครอบครัวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
โดยมีโซ่คล้องใจคนใหม่เชื่อมความสัมพันธ์ให้แน่นหนาขึ้น ตอนนี้พีรภัทรมีทั้งหลานสาวและหลานชาย มีแม่ที่เขาแวะเวียนมาเยี่ยมตามโอกาส โดยที่แพร์พีญาผู้เป็นพี่สาวได้สร้างบ้านอยู่ในรั๋วเดียวกัน
“อ้าวพีท ลมอะไรพัดให้กลับบ้านวันเสาร์ได้หา” เพราะวันหยุดเสาร์อาทิตย์จะไม่มีทางจะได้เห็นน้องชายโผล่หัวกลับมา ตั้งแต่ผันตัวทำธุรกิจกลางคืนแบบจริงจัง
“ลมคิดถึงพี่สาวคนสวย”
“หยุด! ฉันขนลุก”
“ฮ่า ๆ พี่เชื่อเหรอว่าผมจะคิดถึงพี่น่ะ” คนที่เพิ่งเจอเรื่องให้คิดอย่างหนักมา พอได้คุยกับพี่สาวก็ทำให้ลืมความเครียดช่วงเวลาหนึ่ง
“ฉันรู้” แพร์พีญายักคิ้วอย่างคนรู้ทัน
“แม่ล่ะ” ทำให้พีรภัทรเปลี่ยนเรื่อง “หลาน ๆ ผมด้วย”
“แม่จัดของบนห้อง พีพีไปเรียนพิเศษ ส่วนเจ้าแคมป์นั่งต่อเลโก้หน้าทีวีที่บ้านใหญ่”
“พี่แพรจะให้ลูกเรียนไรนักหนา ปวดหัวเปล่า ๆ” ร่างสูงที่ไม่ชอบเรียนเป็นทุนเดิมบวกกับทางบ้านลำบากจึงทำให้ออกจากเรียนกลางคัน หันมาทำงานหาเงินเข้าบ้านตั้งแต่เป็นวัยรุ่น พอได้ยินพี่สาวบอกว่าหลานสาวสุดที่รักเรียนพิเศษจึงไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร แค่ตั้งใจเรียนในห้องก็น่าจะพอแล้ว
“ฉันไม่ได้บังคับ พีพีอยากเรียนเอง ลูกอยากเรียนฉันก็แค่ส่งเสริม”
“คิดว่าพี่บังคับซะอีก เห็นเมื่อก่อนชอบนักกับการบังคับคนอื่นเนี่ย”
“ฉันกลัวแกจะเสียคนไง ถึงได้เป็นห่วงค่อยดึงไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง”
“คนดีแบบผมพี่ไม่ต้องห่วงหรอก”
“ฉันไม่ห่วงแกเพราะมีเพื่อนดีต่างหาก แล้วทำไมไม่ชวนเดียร์มาบ้านเราด้วย”
“…” ร่างสูงชะงักไปทันทีที่ได้ยินชื่อคู่กรณีที่ทำให้เขากลับมาบ้าน
“ไม่เห็นเดียร์มาหาหลาน ๆ สองสามอาทิตย์แล้ว ปกติต้องมาเล่นกะหลาน ๆ ตลอด” พี่สาวของพีรภัทรสนิทกับเดียร์น่าเป็นอย่างดี ส่วนเดียร์น่าก็เป็นแขกประจำบ้าน เข้าออกได้โดยที่คนในบ้านไม่ถือว่าเป็นแขก แต่เป็นเสมือนสมาชิกของครอบครัวไปแล้ว
“หุ้นตก คงไม่มีเวลามั้ง”
แพร์พีญาพยักหน้าเข้าใจ ลูกสาวนักธุรกิจก็คงแบบนี้ คงไม่มีเวลามากนัก
กึก!
ต่างจากพีรภัทรที่รู้ตัวว่ากำลังโกหกออกไปจึงมีท่าทีนิ่งกว่าเดิมก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นหาน้ำเย็น ๆ ดับอารมณ์ตัวเองที่ยังค้างคาตั้งแต่โดนไกลลงจากรถ
“แล้วร้านเราล่ะ เป็นไงบ้าง”
“ลงตัวทุกอย่าง ไม่มีไรน่าห่วงแล้ว”
“คิดจะเปิดเพิ่มไหม”
“ไม่อ่ะ แค่ร้านเดียวก็พอ”
“แล้วธุรกิจอื่นล่ะ” คนเป็นพี่ถามต่อ
“ก็ไม่มีในหัวอยู่ดี” เพราะแค่เรื่องสาว ๆ ก็ปวดหัวมากเกินกว่าจะคิดขยับขยายอะไรในเวลานี้
“พีท มาถึงนานยังลูก” ระหว่างที่พี่สาวน้องชายนั่งคุยกันในห้องครัว อรณีลงมาจากชั้นบนของบ้านเดินตามเสียงจนเจอลูกชายที่นั่งหันหลังให้ประตู
“เพิ่งมาครับ”
“รอกินข้าวเย็นก่อน ค่อยกลับนะพีท” ระหว่างที่เอ่ยชวนลูกชาย เธอก็เดินไปช่วยลูกสาวคนโตทำกับข้าว
“ไม่ล่ะครับ ผมต้องเข้าร้านอีก”
“อยู่กินข้าวฝีมือแม่ก่อน จะรีบเข้าร้านไปไหน วันนี้วันเสาร์ไม่ได้ร้องเพลงเองนี่”
“ฝีมือแม่ผมก็อยากกินนั่นแหละครับ แต่คืนนี้ลูกค้าเยอะ ผมไม่อยากฝากร้านไว้กับไอ้บิ๊ก” ร่างสูงปฏิเสธตามความจริง แต่ความจริงอีกส่วนเขาไม่ได้เอ่ยให้รู้
“งั้นแม่ใส่กล่องเอากลับไปกินนะ”
“อย่าเลยครับ เก็บไว้ให้เด็ก ๆ กินเถอะ”
“แม่ชักจะน้อยใจแล้วนะ” อรณีพูดไปอย่างนั้นเพราะชินกับนิสัยลูกชายแล้ว
ทว่า…พีรภัทรเข้าไปกอดผู้เป็นแม่จากด้านหลัง
ฟอดดด~
แล้วหอมแก้มอ้อนอย่างกับเป็นเด็กน้อยอยู่ ทั้งที่ตัวโตกว่าทุกคนในบ้านแล้ว
“ไว้วันหลังจะมาชดเชยให้ครับ”
“ชวนหนูเดียร์มาด้วยสิ บอกว่าแม่คิดถึง”
พีรภัทรนิ่งไปอีกครั้ง ดูเหมือนทุกคนในบ้านจะเอ็นดูเดียร์น่าไม่น้อย
แล้วถ้าทุกคนรู้ว่าเขาทำอะไรลงไปจะเป็นเรื่องใหญ่มากแค่ไหน เพราะถ้าให้เขารับผิดชอบแบบคู่รัก…นั้นไม่ใช่ความต้องการของเดียร์น่าอย่างแน่นอน
ห้องทำงานผู้บริหารระดับสูงแบ่งโซนอย่างชัดเจน บริษัท ดีเอ็น กรุ๊ป เป็นบริษัทที่ผลิตทั้งสื่อภาพยนตร์ โทรทัศน์ ค่ายเพลงและสื่อสิ่งพิมพ์ มีดารานักแสดงและไอดอลในสังกัดตัวเองมากมาย ซึ่งทางค่ายส่งเสริมทั้งงานแสดงและงานเพลง
“เรื่องเด็กเก่าเราสร้างปัญหาไว้ จะแก้ยังไงให้หุ้นกลับมาเหมือนเดิม” คนที่ดำรงตำแหน่งสูงสุดของบริษัทเอ่ยถามรองประธานบริษัทผู้ที่มีหน้าที่หลักในการรับผิดชอบต้นเหตุหุ้นตกในครั้งนี้
“เดียร์ส่งเรื่องให้คุณพ่อดูก่อนแล้วนะคะ” เธอทวนความจำให้อีกครั้ง
“เด็กใหม่ ลงทุนใหม่ กว่าจะดึงหุ้นกลับมาเหมือนเดิม ต้องใช้เวลา สู้เราปั้นเด็กในสังกัดไม่ดีกว่าเหรอ” ความจริงอดิศรดูรายละเอียดที่ลูกสาวส่งมาทั้งหมดแล้ว แต่แค่ไม่เห็นด้วย
“เด็กมีความสามารถ ใช้เวลาไม่กี่เดือนหรอกค่ะ”
“พ่อยอมรับว่าหน้าตา หน่วยการ ดี แต่จากประวัติมีชื่อเสียงอยู่แล้ว…”
“ค่ะ ดังในโซเชี่ยล มีแฟนคลับหนาพอตัว”
“ถ้าเอามาเปลี่ยนลุคใหม่จะมีผลกระทบตามมาทีหลัง ยุ่งยากเปล่า ๆ” ผู้บริหารบริษัทไม่เห็นด้วยพร้อมกับส่งแฟ้มให้คืน
“เดียร์จะไม่เปลี่ยนค่ะ จะสนับสนุนน้องเขาแบบที่ถนัดเน้นขายตัวตน”
“ทำการตลาดมารึเปล่าถึงได้เสนอแบบนี้” คราวนี้อดิศรเริ่มขมวดคิ้ว ถ้าเป็นเรื่องอื่นเขายอมลูกสาวได้ แต่เรื่องงาน…ยากที่เขาจะปล่อยผ่านง่าย ๆ
ถ้างานนั่นไร้ผลประโยชน์ เขาไม่เคยเห็นด้วย เช่นเดียวกับที่ลูกสาวเขาคบหาเพื่อนเสเพลนั่น
“แต่พ่อก็ไม่ได้ใจร้าย ไม่ให้โอกาสอนาคตเด็กใหม่หรอกนะ”
“คุณพ่อจะอนุมัติงบให้ใช่ไหมคะ” เดียร์น่ายิ้มด้วยความดีใจหลังจากใจแห้งเหี่ยวไปแล้ว
“พ่อวางโปรเจกต์ซีรีส์เรื่องใหม่ ดึงเด็กเรามาเป็นพระเอกคู่กับโบว์ลิ่ง”
เดียร์น่าหุบยิ้มทันที “แต่เดียร์ไม่ได้จะปั่นยูโรเป็นนักแสดง”
“ถ้าไม่ตกลง ทุนที่ขอมา ฉันไม่อนุมัติ!” อดิศรขึ้นเสียงประกาศชัดเจน
“คุณพ่อ!” ไม่ต่างอะไรกับเดียร์น่าที่ขึ้นเสียงเหมือนกัน
“เลือกเอาแล้วกัน คิดได้แล้วค่อยเข้ามาพบฉันใหม่” พูดจบผู้บริหารบริษัทระดับสูงก็หันไปสนใจหน้าจอแทนการสนทนากับลูกสาว
“เด็กคุณพ่อมีซีรีส์ติดกันหลายเรื่อง คิดว่าวิธีคุณพ่อจะช่วยได้เหรอคะ”
“เดียร์น่า! หยุดก้าวร้าว”
“เดียร์ไม่ได้ก้าวร้าว คุณพ่ออยู่วงการนี้มาก่อน น่าจะรู้ดีว่าขายหน้าเดิมบ่อย ๆ คนจะเบื่อเอา”
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้! อย่าพูดให้ได้ยินอีกว่าโบว์ลิ่งเป็นเด็กพ่อ”
“คุณพ่อปั้นมาเอง ไม่ใช่เด็กคุณพ่อ จะให้เรียกว่าอะไรล่ะคะ”
“เดียร์น่า!” เป็นอีกครั้งที่อดิศรขึ้นเสียงเข้มไม่พอใจ ทั้งสายตาและท่าทีแสดงชัดว่าเข้าข้างใคร
“ถ้าคุณพ่อไม่อนุมัติงบ เดียร์จะลงทุนทำเพลงให้ยูโรเอง” เอ่ยจบร่างบางก็หมุนตัวออกจากห้องไปทันที ไม่ทนเถียงต่อให้เสียเวลาอีก
เพราะเธอไม่ยอมเอาเด็กใหม่มาสร้างกระแสคู่จิ้นเด็ดขาด
ปุบ!
ประตูห้องทำงานผู้บริหารปิดตามแรงไม่พอใจกับการเจรจาต่อรองในครั้งนี้ ถ้าเป็นประตูห้องแถวก็คงส่งเสียงดังลั่นชั้น ดีที่ประตูห้องผู้บริหารกันเสียงได้
เดียร์น่าสาวเท้าด้วยความอารมณ์ฉุนเฉียว ก่อนจะเดินสวนกับร่างแบบบางอีกคนที่เดินออกมาจากลิฟต์สวมแว่นตาดำ เชิดหน้าอย่างหงส์ ไม่สนว่ามีใครบ้างที่เดินสวนกัน
ใช่ ร่างแบบบางนั่นคือบุคคลที่ทำให้เธอเพิ่งจะทะเลาะกับพ่อ
นางเอกซีรีส์เบอร์หนึ่ง…โบว์ลิ่ง
