ตอนที่ 4 ตัดขาด
“ไง! ไอ้เสือ”
โปรดปรายตามองเจ้าของผับเอ่ยทักทันทีที่อีกฝ่ายหย่อนตัวมานั่งที่โต๊ะ ทั้งที่ทิ้งพวกเขาให้นั่งดื่มตามลำพังนับเป็นชั่วโมงแล้ว
“ยังไม่กลับอีกเหรอวะ” พีรภัทรถามพร้อมรินเหล้าใส่แก้วใบใหม่
“ปกติคืนวันศุกร์ พวกกูก็สิงที่ร้านมึงประจำ ไงวันนี้จะไล่ให้กลับได้วะ” ทาวน์เอ่ยต่อ มองหน้าเจ้าของผับที่ดูก็รู้ว่าหายไปทำกิจกรรมอะไรมา
“กูแค่ถาม”
“เดียร์ล่ะ มึงเอาไปซ่อนไว้ที่ไหน” โปรดถามต่อ เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น ตั้งแต่พีรภัทรเดินนำเดียร์น่าขึ้นขั้นบน
“กูจะเอาเดียร์มันไปซ่อนทำไมวะ ถามแปลก ๆ” คนที่ทำท่านิ่งยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกดื่ม แล้วยังจะยักไหล่ให้เพื่อนอย่างกับทุกอย่างปกติ
“เหรอ/เหรอ” คราวนี้สองหนุ่มมาดนักธุรกิจเอ่ยประชดประชันพร้อมกัน
“เออ!!” เขายักคิ้วให้ทันที
“ตกลงเพื่อนไรกันแน่” ทาวน์เป็นฝ่ายเอ่ยถามให้คลายความสงสัยกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เมื่อก่อนอาจจะแปลกใจอยู่บ้าง แต่หลัง ๆ มานี่มันไม่ได้แค่แปลก ทว่าความคิดความอ่านของพวกเขาดูครั้งเดียวก็คาดเดาได้
ไม่ใช่เด็กที่จะดูอะไร ๆ ไม่ออก
“มันมีเพื่อนกันกี่ประเภทล่ะ” พีรภัทรถามกลับไป ในเมื่อไม่อยากตอบคำถามก็โยนให้เพื่อนแสดงความคิดเห็นเอง
“ก็มี...เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว แล้วก็เพื่อนนอน” โปรดตั้งใจย้ำคำสุดท้าย จับสังเกตสีหน้าของเพื่อน แต่พีรภัทรกลับมีสีหน้านิ่งเฉย
“มีอีกอย่าง” เสียงเรียบราบจากทาวน์เอ่ยต่อ
“...” ทำให้พีรภัทรวางแก้วแล้วหันไปมองหน้า
“เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ”
“เออวะ! อันนี้กูเห็นด้วย” โปรดยกนิ้วหัวแม่มือส่งให้ทาวน์อย่างเห็นด้วย
“หึ ตลกแล้วพวกมึง” ร่างสูงใหญ่ยกขานั่งไขว่ห้างแล้วหัวเราะกลบเกลื่อนสถานการณ์เพราะเขาและเดียร์น่าไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ นอกจากสถานะเพื่อนเท่านั้น
“อ้าว บางทีไม่มึงก็เดียร์อาจจะคิดเกินเพื่อนก็ได้”
“หยุดพูดเหอะ แล้วเมื่อไหร่จะกลับคอนโดกัน กูมีงานต้องเคลียร์”
“งานไหนก่อนดี งานที่งอนหนีกลับไปหรืองานที่นอนสลบอยู่บนห้องของมึง”
คราวนี้ทาวน์เอ่ยจี้ใจดำเข้าเต็ม ๆ ทำเอาพีรภัทรถึงกับถอดสีหน้าไปไม่ถูก
“ว่าไง งานไหน!?” โปรดถามย้ำอีกครั้ง
เจ้าของผับนิ่งใช้ความคิด ถ้าต้องให้เลือกตอนนี้ก็คงต้องเลือก...อย่างแรก “เดี๋ยวกูมา” พีรภัทรไม่ตอบคำถามแต่ทำท่าจะลุกออกจากโต๊ะ
“ไม่ต้องหรอก พวกกูจะกลับแล้วเหมือนกัน” โปรดลุกขึ้นตบบ่าแกร่งของเพื่อนอย่างรู้ ๆ กันอยู่
“เลือกสักทางนะมึง” ตามด้วยน้ำเสียงจริงจังของทาวน์ที่เดาสถานการณ์อย่างแม่นย้ำว่าหลังจากคืนนี้คงมีเรื่องวุ่น ๆ ไม่จบไม่สิ้นแน่
และเมื่อเพื่อนหนุ่มทั้งสองออกจากร้านไปแล้วเหลือเพียงเจ้าของผับคนเดียวที่นั่งดื่มเหล้าเพื่อคิดบางอย่าง
พีรภัทรลุกขึ้นเดินไปมุมเงียบแล้วต่อสายหาอย่างแรกที่เขาเลือกทันที
ทว่าปลายสายกลับกดตัดสายทิ้งโดนที่เสียงเรียกเข้าดังไม่เกินสามครั้งด้วยซ้ำพร้อมทั้งปิดเครื่องหนี
เขาก้มมองหน้าจอด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เป็นครั้งแรกที่โบว์ลิ่งกล้าตัดสายเขา
“อยู่ไหนวะเนี่ยเมื่ิอกี้ยังเห็นแวบ ๆ อยู่เลย”
บิ๊กลูกน้องคนสนิทประจำร้านเดินเข้ามาในซอกมุมเปลี่ยวของผับ มองซ้ายมองขวาจนกระทั่งเห็นร่างสูงโปร่ง
“เสี่ยครับ! เสี่ยมายืนหลบตรงนี้เอง”
“มีอะไร” คนหัวเสียเหลียวหน้าไปถามอย่างไม่รีรอ
“เมื่อกี้การ์ดหลังร้านบอกว่าคุณเดียร์น่าขับรถเสี่ยออกไปครับ”
“บ้าจริง!” คำบอกกล่าวจากลูกน้อง ทำเอาคิ้วหนาขมวดเข้าหากัน จากที่หัวเสียอยู่ก่อนแล้วยังต้องมาเพิ่มเรื่องให้สมองเขาอีกเรื่อง “ใครอนุญาต!”
“เอ่อ...พวกมันเห็นเป็นเพื่อนสนิทเสี่ย แถมยังเอารถคันโปรดเสี่ยไปอีก พวกมันเลยเข้าใจว่าเสี่ยอนุญาตแล้ว”
“กูไม่อนุญาต! ทีหลังบอกทุกคนในผับ ไม่ว่าเห็นเดียร์น่ามุมไหนของผับให้มารายงานหมดทุกอย่าง!!”
ร่างสูงเข้ามาในห้องทำงานอีกครั้งแล้วพบว่าเสื้อฮู้ดของเขาที่พาดเอาไว้บนเก้าอี้ได้หายไปแล้ว คงไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร
แสบมากที่กล้าแกล้งหลับใส่เขา
“ตกลงเสี่ยไม่ได้เป็นคนให้กุญแจรถไปหรอกเหรอ” บิ๊กตามเข้ามาในห้องด้วยจึงเอ่ยถามหลังจากเห็นสีหน้าเจ้านาย
“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ฉันก็ได้คืนแล้ว”
“หมายถึงรถ!?”
“เออ! มึงจะให้หมายถึงไรวะ!” เขาหันไปมองด้วยสายตาแข็งกร้าว บ่งบอกถึงอารมณ์ฉุนเฉียว “มึงไม่มีงานมีการทำเหรอ ถึงได้เดินตามกู”
“มะ…มีครับ”
“มีก็ไปทำสิวะ”
บิ๊กเด็กหนุ่มวัยยี่สิบสามปีถอยออกจากห้องเกาศีรษะตัวเองอย่างงุนงงเพราะปกติไม่เคยจะเห็นเจ้านายหัวเสียใส่ คนอารมณ์ดีอย่างเสี่ยพีทเนี่ยนะจะโมโหเป็นกับเขาด้วย
เช้าวันต่อมา…พอร์ชป้ายแดงจอดหน้าบ้านคฤหาสน์หรูพร้อมกับร่างสูงที่เดินลงจากรถด้านข้างคนขับ ก่อนที่รถจะขับออกไปในทันที
“มาหาคุณเดียร์น่าเหรอครับ”
“ครับ”
รปภ.หน้าบ้านเปิดประตูให้เข้ามาโดยไม่ต้องรอคำอนุมัติเพราะคุ้นหน้าพีรภัทรอยู่แล้ว
พีรภัทรจึงเข้ามาในบ้านได้และมีป้าบุษบา หัวหน้าแม่บ้านเป็นคนเชิญเข้ามานั่งรอในห้องโถง จากนั้นจึงสั่งให้เด็กในบ้านขึ้นไปบอกคุณหนูคนเดียวของบ้าน
“บอกพีทว่าฉันให้ลุงเจียขับรถไปไว้ที่ผับแล้ว”
“คุณหนูไม่ลงไปเหรอคะ”
“ไม่!”
แม่บ้านงุนงงกับอาการบอกบุญไม่รับ แต่ไม่กล้าที่จะถามไปมากกว่านี้จึงรีบลงมารายงานแขกของบ้านทันที
“ผมจะรอจนกว่าเดียร์น่าลงมา”
“เอ่อ...กว่าคุณหนูจะแต่งตัวเสร็จคงเป็นชั่วโมง”
“ผมรอได้ครับ” เพราะรู้ว่าเดียร์น่ากำลังตั้งใจหลบหน้าเขาและรู้ว่ายังไงเดียร์น่าก็ต้องลงจากห้องไปทำงาน ถ้าเขานั่งรอต่อยังไงก็ต้องได้เจอกัน
“ป้าว่าจะเสียเวลาคุณพีทเปล่า ๆ นะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
เมื่อได้รับคำยืนยันแบบนั้น หัวหน้าแม่บ้านจึงไม่สามารถขัดข้องอะไรได้นอกจากจะโทรไปรายงานคุณหนูให้ได้ทราบเพื่อจะได้รีบแต่งตัวลงมาหาเพื่อน
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงเสียงรถหน้าบ้านดังเข้ามาเรื่อย ๆ เหล่าเด็กรับใช้ต่างก็วิ่งออกไปยืนรอรับหน้าบ้าน
“เอาของไปเก็บที่ห้องทำงาน” เสียงชายวัยกลางคนเอ่ยบอกพร้อมส่งกระเป๋าโน้ตบุ๊ก
“ค่ะคุณผู้ชาย”
“เดี๋ยว” สายตาคมเหลือบไปเห็นบางอย่างจึงเอ่ยต่อ
“คะ!?”
“ใครมาเหรอ”
“คุณพีทเพื่อนคุณหนูค่ะ”
อดิศรยืนนิ่ง ใบหน้าราบเรียบไม่แสดงอาการใด ๆ ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในบ้านซึ่งต้องเดินผ่านห้องโถง
“สวัสดีครับ” พีรภัทรลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นเจ้าของบ้านตัวจริง
ชายวัยกลางคนเหลือบมองเพียงหางตา ทว่าไม่มีท่าทีจะรับไหว้เด็กหนุ่มเลยสักนิด
“คุณพ่อ ทำไมวันนี้กลับเช้าจังคะ” เดียร์น่าที่ลงจากบันไดก็ปะทะสายตากับผู้เป็นพ่อพอดี
“ยังไม่เลิกคบเพื่อนแบบนี้อีกเหรอ” เสียงเข้มบ่งบอกอารมณ์ได้เป็นอย่างดี ไม่แคร์ว่าแขกของลูกสาวจะได้ยินหรือไม่ เขาจงใจพูดให้ได้ยินอยู่แล้ว
“...” ทุกคำพูด ทุกกิริยา พีรภัทรชินชากับสิ่งนี้แล้ว แม้หลัง ๆ มานี้จะชัดเจนกว่าเมื่อก่อน เขาก็ทำได้เพียงไม่ตอบโต้
“คุณพ่อ” คนตัวเล็กทำตัวไม่ค่อยถูก ถึงแม้เธอเองก็อยากจะตัดขาดกับเพื่อนคนนี้แล้วเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้อยากให้พีรภัทรได้ยินหรือท่าทีของพ่อตัวเอง
“เอาเถอะ พ่อขอขึ้นห้องไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน เจอกันที่ออฟฟิศ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
เดียร์น่าพยักหน้ารับ เมื่อเห็นว่าอดิศรเข้าไปในลิฟต์บ้านเรียบร้อยแล้ว เธอจึงหันมาเผชิญหน้าความจริงบางอย่าง
“รถนาย ฉันให้ลุงเจียขับเอาไปให้ที่ผับตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว” เธอไม่ได้เข้าใกล้ยืนห่างกันพอสมควร
“งั้นเหรอ คงจะสวนกันตอนฉันมาที่นี่” นัยน์ตาเข้มสำรวจชุดเพื่อนที่ใส่ด้านบนมิดชิดปิดถึงคอ เขาแสยะยิ้มเพราะรู้สาเหตุเป็นอย่างดี
“ไม่มีไรแล้ว ฉันขอตัวนะ” เดียร์น่าไม่ได้สนใจสีหน้าล้อเลียนของเขาเลยสักนิด เอ่ยจบก็เดินออกจากบ้านเพื่อไปลานจอดรถทันที
ทว่าร่างสูงของเพื่อนสนิทกลับเดินตามหลังมาติด ๆ
“ตามมาทำไม”
“ขอติดรถไปลงหน้าร้านหน่อย”
“ทำไมไม่เรียกแท็กซี่” เดียร์น่าแว้ดเสียงใส่ไม่พอใจ
“ขี้เกียจ” เขาบอกด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจะเดินนำไปที่รถซึ่งลุงเจียที่ทำงานเป็นทั้งคนขับรถและพ่อบ้านได้เตรียมรถให้เดียร์น่าเรียบร้อยแล้ว
“งั้นเดี๋ยวฉันให้ลุงเจียไปส่งนายเอง” พูดไม่ทันจบประโยค ร่างสูงก็ถือวิสาสะเปิดประตูฝั่งข้างคนขับขึ้นไปนั่งหน้าตาเฉย
กึก!
เดียร์น่าได้แต่ยืนกำหมัดแน่นกับความหน้ามึน เธอเองไม่อยากโวยวายตรงนี้เพราะกลัวจะผิดสังเกตจึงจำใจยอมขึ้นรถแล้วขับรถออกไปแต่โดยดี
“ลงไป!”
เมื่อรถเก๋งป้ายแดงขับออกมาจนถึงปากซอยหน้าบ้าน เดียร์น่าจอดรถนิ่งแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด
“...” พีรภัทรนิ่งเฉยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พีท! ลงไปเดี๋ยวนี้” ครั้งนี้เดียร์น่าเริ่มจะคุมเสียงไม่อยู่ เปล่งออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
“ขับไปส่งฉันที่หน้าร้าน”
“อย่าเรื่องมาก ช่วยลงไปด้วย”
มือหนาจึงเอื้อมไปดึงให้เดียร์น่าหันมาสบตากัน
“อย่ามาทำรุ่มร่ามกับฉันนะ แล้วขอร้องล่ะ อย่าทำเหมือนทุกอย่างปกติได้ไหม” เธอเบี่ยงตัวหนีพร้อมทั้งปัดมือหนาออกจากใบหน้า
“ตรงไหนที่ไม่ปกติ!?” เขาเบนตัวหันมาคุยซึ่ง ๆ หน้า
“...” เดียร์น่าสุดจะทนกับความหน้าด้านหน้าทนของเขาแล้ว ยังจะทำเฉไฉอย่างกับทุกอย่างปกติ
“เธออยากเป็นเพื่อน ฉันก็เป็นเพื่อน เธออยากเป็นคู่นอน ฉันก็ยอม แล้วตกลงใครกันแน่ที่ไม่เหมือนเดิม”
“หยุดพูดเหอะ!”
“รับความจริงไม่ได้”
“นี่พีท ฉันเบื่อที่จะคุยเรื่องนี้แล้ว ลงไป”
“ฉันยอมลงก็ได้ แต่คืนนี้เอาเสื้อมาคืนฉันที่ร้าน ถ้าไม่มา…ฉันจะมาเอากลับเอง” เขาจ้องมองใบหน้าแค่เสี้ยวเดียวของเดียร์น่า บอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เสื้ออะไรของนาย” ก่อนที่เธอจะหันไปสบตาแล้วถามอย่างงุนงง
“เสื้อที่เธอขโมยกลับเมื่อคืนไง”
เอ่ยจบร่างสูงก็เลื่อนมือเปิดประตูยอมลงจากรถแต่โดยดี จากนั้นก็ขึ้นรถแท็กซี่ไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามองคนที่กำลังนั่งหน้าเหวออยู่
ครืด!
เสียงโทรศัพท์มือถือแจ้งเตือนข้อความบางอย่าง ทำให้เดียร์น่าละสายตาจากรถแท็กซี่ที่ขับออกไปไกลมากแล้ว
‘เอามาคืนเอง ห้ามฝากใครมา’
‘ไม่งั้นเราได้เห็นดีกันแน่’
คนตัวเล็กกัดฟันข่มความโกรธ ดูท่าเรื่องนี้จะไม่จบลงง่าย ๆ แล้วเธอจะยุติความสัมพันธ์ครั้งนี้ยังไงดี
.
.
“สวัสดีค่ะ คุณเดียร์น่า”
รองประธานสาวสวยอย่างเดียร์น่าพยักหน้ารับคำเอ่ยทักทายในยามเช้าจากพนักงานก่อนจะย่างกรายเข้าไปในลิฟต์ พนักงานต่างหลีกทางให้ลูกสาวผู้บริหารใช้ลิฟต์ก่อน ปกติแล้วตำแหน่งระดับเดียร์น่ามีลิฟต์ใช้ส่วนตัว ทว่าเธอเป็นคนไม่ถือตัวจึงใช้ชีวิตปกติเรียบง่าย
“เข้ามาด้วยกันสิ จะยืนรออีกทำไม” เดียร์น่าขยับเข้าไปมุมด้านในสุดเพื่อให้คนอื่น ๆ ได้มีที่ยืน
“ขอบคุณครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
พนักงานทยอยเข้ามาจนเกือบจะเต็ม กระทั่งมีมือหนายื่นมาขวางไม่ให้ลิฟต์ปิด
“ขอเข้าด้วยคนครับ”
เสียงแหบน่าฟังเอ่ยอย่างสุภาพ เมื่อได้เห็นใบหน้าขาวคมที่มีหมวกปิดบังหน้าผากและแววตา เหล่าพนักงานสาว ๆ ต่างก็ส่งเสียงกรีดกราดเพราะเพียงแค่ครึ่งหน้าก็จำได้แล้วว่าเป็นใครและส่งเสียงด้วยความลืมตัวว่าในลิฟต์มีรองประธานอยู่ร่วมด้วย
“สวัสดีครับพี่ ๆ คนสวย”
“ค่า~ น้องยูโร”
เดียร์น่ามองเด็กฝึกคนใหม่ของบริษัทที่เธอเพิ่งจะอนุมัติไปเมื่อวานนี้ ซึ่งวันนี้เขาก็มาตามนัด
ยูโร คือไอดอลหนุ่มที่มีชื่อเสียงจากโซเชี่ยลอยู่ก่อนแล้วโดยเดียร์น่าได้ดึงมาเป็นเด็กในสังกัดของเธอและกำลังปั่นแทนเด็กเก่าของค่ายที่เพิ่งจะสร้างเรื่องทำให้หุ้นบริษัทตกฮวบ
หวังว่าเธอมองเด็กคนนี้ไม่พลาดอีกนะ
แต่ดูจากคำพูดของหมอนี่แล้วน่าจะร้ายไม่เบา เธอคงต้องทำข้อตกลงกันหน่อยก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
