Episode 03: Father or mother?【2】
“เป็นอะไรน่ะคีตา หน้าซีดมากเลยนะ ไหวหรือเปล่า”
สัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของเขาแฝงความเป็นห่วง เพียงแต่เขายังยืนมองผมอยู่ที่เดิมเท่านั้น
ผมส่ายหน้า ว่าเสียงเบาไปตามตรง
“ไม่เป็นไร นายกลับไปเรียนเถอะ ฉันไม่ได้นอนมาสองคืนแล้ว อยากจะกลับไปนอนหน่อย”
อาร์ไม่ซักถามใด ๆ ต่อ เหมือนเรื่องจะจบแค่นี้ด้วยเพราะพอสิ้นเสียง ผมก็ตั้งสติ ออกเดินต่อ อาร์มองตามหลังผม ไม่พูดหรือตามมาแต่อย่างใด
หากแต่ก้าวไปข้างหน้าได้ไม่กี่ก้าว ความมึนงงก็ประดังประเดขึ้นมาฉับพลัน มากกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าตัวอีก ผมรู้ตัวแล้วว่าฝืนร่างกายตัวเองไม่ไหวอีกต่อไป รีบอ้าปากจะร้องเรียกจูเลียน แต่ก็ไม่ทันเพราะเสี้ยววินาทีเดียว ความหนักอึ้งก็หล่นมาปะทะร่างผม ทำให้ผมทรุดตัวลงกับพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว มีเพียงเสียงสุดท้ายที่ได้ยินก่อนสติจะดับวูบไปเท่านั้น
“คีตา!”
...เสียงเรียกของอาร์
เปลือกตาหนักมาก...
แต่ผมก็ฝืนลืมตาตื่นด้วยรู้สึกว่าตลอดเวลาที่ผมหลับไม่ได้สตินั้น มีสายตาของใครบางคนจับจ้องอยู่ และพอผมลืมตาขึ้น ก็เห็นว่าข้างกายผมมีอาร์นั่งมองอยู่ไม่ห่าง สีหน้าเคร่งเครียดของเขาในตอนแรกดูผ่อนคลายไปถนัดตาทันทีที่เห็นว่าผมรู้สึกตัวแล้ว
“ตื่นสักที นึกว่านายจะตายซะแล้ว”
แล้วสีหน้าผ่อนคลายกลายเป็นสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมานิด ๆ ผมไม่ได้สนใจ กวาดตามองไปรอบห้อง พอเห็นบรรยากาศคุ้นเคยก็ว่าเบา ๆ
“ที่นี่มัน...”
“ห้องพัก” อาร์ตอบแทนทั้งที่ผมยังถามไม่จบ
สังเกตบรรดาข้าวของและเฟอร์นิเจอร์แล้วก็เป็นห้องพักของผมกับอาร์จริง ๆ ด้วย แต่นั่นไม่น่าแปลกใจเท่าผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงมากกว่า ก็ตอนผมไม่ได้สติ ตอนนั้นผมยังอยู่ข้างนอกอยู่เลยนี่
อย่าบอกนะว่าอาร์พามา?
ผมหันไปมองอาร์อย่างขอคำตอบทันที หากแต่อาร์พูดเรื่องอื่นเสียอย่างนั้น
“นายอดนอนจนร่างกายรับไม่ไหวล่ะมั้ง จู่ ๆ ถึงได้เป็นลมอย่างนั้น ฉันเห็นสีหน้านายดูไม่ดีตั้งแต่ในคลาสแล้ว รู้ตัวว่าร่างกาอ่อนแอแล้วจะฝืนทำไม แต่ฟื้นก็ดี ฉันจะได้ไปทำอย่างอื่นได้สักที ไม่งั้นก็ต้องมานั่งกังวลว่าลุงกวินทร์จะรู้แล้วมาโทษว่าฉันเป้นต้นเหตุที่ทำให้นายไม่สบายไม่เลิก แถมนี่ต้องโดดเรียนคาบบ่ายมาดูแลนาย มันไม่ใช่หน้าที่ของฉันเลยนะ”
ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมอยากรู้
“นายเป็นคนพาฉันกลับมาเหรอ”
อาร์ชำเลืองมามอง ก่อนจะรีบลุกจากเก้าอี้ข้างเตียง
“จะใครพามาก็ไม่เห็นจะสำคัญ”
พูดไป จู่ ๆ ซีกหน้าเขาก็แดงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ผมมองก็รู้เลยว่าฝีมือเขานั่นแหละ ก็ตัวของผมตอนนี้มีกลิ่นเหงื่อของเขาติดมาด้วยนี่นา แถมตอนนั้นก็มีเขาอยู่ในเหตุการณ์แค่คนเดียวด้วย ถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใคร
การไม่ยอมรับอะไรง่าย ๆ ก็เป็นสไตล์ของอาร์แหละนะ แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีเหมือนกันที่รู้ว่าอย่างน้อยเขาก็เป็นห่วงผม
พูดว่าเห็นสีหน้าผมไม่ดีตั้งแต่ในคลาสเรียนอย่างนี้ ก็เท่ากับว่าเขาสนใจผมน่ะ เพียงแต่ไม่แสดงออกก็เท่านั้น สำคัญกว่านั้นคือ ผมตัวใหญ่กว่าเขาตั้งเยอะ ทว่าเขาอุตส่าห์พยายามลากร่างไร้สติของผมกลับมาถึงที่ได้นี่ แสดงว่าต้องเป็นห่วงมากแน่ ๆ
ผมก็เลยออกปากไปตามอย่างที่ควรจะทำ
“ขอบคุณนะที่เป็นห่วง”
อาร์หันกลับมามอง พลางว่าเนิบ ๆ
“หน้าที่ของเจ้าชายนี่ จะห่วงข้าราชบริพาร มันแปลกตรงไหน”
“หน้าที่ของพ่อด้วย ห่วงลูกกับแม่ก็ไม่แปลกเหมือนกันเนอะ”
อันนี้ผมพูดไม่ทันคิด หากแต่เรียกสีแดงระเรื่อบนใบหน้าของอาร์ที่หายไปแล้วกลับคืนมาได้อีกระลอก ก่อนเขาจะเม้มริมฝีปากแน่น แล้วว่าออกมา
“พะ...พ่ออะไร! ก็เราบอกแล้วนี่ว่าจะรับเป็นพ่อถ้าหากนายท้องลูกของเราจริง ตอนนี้ยังไม่รู้สักหน่อยว่าท้องจริงมั้ย อย่าพูดไปเรื่อย!”
ผมยักคิ้วให้ อาร์ทำท่าอึกอัก แล้วก็รีบพุ่งไปที่ประตู คงจะรีบหนีไปที่ห้องจูเลียนเหมือนเคย ผมไม่ห้าม ไม่มีแรงจะห้ามด้วยร่างกายยังอ่อนเพลียอยู่อีกนิดหน่อย
ทว่าในจังหวะที่อาร์เปิดประตูห้อง เขาก็พูดขึ้นมาเบา ๆ พอให้ผมได้ยิน
“ตะ...แต่ถ้านายท้องลูกของฉันจริง ๆ ก็ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วย ฉันเป็นห่วง... คะ...คือ...เป็นห่วงลูกของเรานะ ไม่ได้เป็นห่วงนาย”
สิ้นเสียงก็ผลุบหายออกไปด้วยความเร็วแสง
ผมมองเพดานเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หัวเราะออกมาที่จู่ ๆ ผมก็รู้สึกว่าเขาน่ารักแปลก ๆ
วันนี้อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ทั้งวันเลยแฮะ เมื่อเช้ายังรู้สึกว่าอาร์น่ารำคาญอยู่เลย ตอนนี้กลับคิดว่าเขาน่ารักขึ้นมาเสียแล้ว
ทำตัวแบบนี้ค่อยเหมาะสมกับบทบาทพ่อหน่อย...
