บท
ตั้งค่า

Episode 07: Kill him if I can!【1】

อาการผมดีขึ้นตามลำดับ ไม่กี่วันก็หายเป็นปลิดทิ้ง แถมยังมีกำลังวังชายิ่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัวราวกับดูดม้ามาก็ไม่ปาน เดาเอาว่าคงเป็นเพราะน้ำใสๆ จากปลายนิ้วของคีธที่ทำให้ผมกระปรี้กระเปร่าได้ขนาดนี้

และแน่นอนว่าพอผมหายดีปุ๊บ คีธก็เอาคืนทันใด จับผมมาสูบอาหาร เป็นแหล่งพลังงานให้เหมือนเคย ยังดีที่ช่วงนี้หมอนั่นรับสารอาหารจากผมวันละครั้ง ผมเลยยื่นคำขาดว่าให้กลับมาดูดสารอาหารที่ห้องเท่านั้น ห้ามเอาท์ดอร์ ห้ามกลางแจ้ง ห้ามโฉ่งฉ่างกลางที่สาธารณะเป็นอันขาด หมอนั่นก็ยอมทำตามดี ไม่ได้มีปัญหาอะไร นอกจากนั้น ผมก็ยังมีอาการวิงเวียนหลังโดนดูดสารอาหารนิดหน่อย แต่พอจะปลงกับวงจรอุบาทว์นี่ได้บ้างแล้ว โดยเฉพาะการถูกหมอนั่นประกบปากดูดอย่างกับจะดูดหัว

ก็นะ ในเมื่อหนีไม่พ้น ผมก็ควรจะต้องทำใจยอมรับแม้ว่าไอ้การยอมรับนี่จะไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากทำเลยก็ตาม

ดีอย่างที่ช่วงนี้คีธต้องไปซ้อมบทกับริชาร์ดที่ห้องชมรมของมหา’ลัยแล้วก็เริ่มถ่ายทำเกือบทุกวัน ผมเลยไม่ต้องตัวติดกับมันตลอดเวลา เจอกันแค่ช่วงเย็นที่กลับมาห้องเท่านั้น มีบ้างที่บางครั้งถูกไอ้เพื่อนตัวดีเรียกไปช่วยงานกำกับ ซึ่งผมก็ไปบ้าง ไม่ไปบ้าง แล้วแต่อารมณ์ หากแต่วันนี้ริชาร์ดดันมีคิวถ่ายฉากเปิดตัวพระเอกของเรื่องโดยมีฉากเป็นดาวของพระเอก แล้วต้องใช้ห้องสตูดิโอในการถ่ายทำ ความยุ่งยากมันเลยอยู่ที่การจัดองค์ประกอบของฉากและนักแสดงให้สมดุลกัน เพราะพอถ่ายทำเสร็จก็ต้องเอาไปใส่คอมพิวเตอร์กราฟฟิกทีหลังอีก ริชาร์ดเลยขอร้องให้ผมมาช่วยกำกับด้วย เนื่องจากหมอนั่นอ้างว่าดูแลคนเดียวอาจไม่ทั่วถึง ผมเลยรับปากส่งๆ ไปอย่างไม่มีทางเลือก

ห้องสตูดิโอที่ใช้ในการถ่ายทำหนังสั้นคือห้องสตูดิโอขนาดใหญ่ ไม่ใช่ห้องสตูดิโอสำหรับถ่ายภาพอย่างที่ผมเคยพาคีธไปวันนั้น พอผมเข้ามาในห้อง ความวุ่นวายของทีมงานริชาร์ดก็ปรากฏสู่สายตา ทุกฝ่ายง่วนอยู่กับหน้าที่ตัวเองจนไม่ทันสังเกตเห็นผม แต่ผมก็ไม่สนใจนัก เดินไปหาริชาร์ดที่นั่งอยู่หลังจอมอร์นิเตอร์กล้องวิดีโอตัวใหญ่ แล้วทรุดตัวนั่งลงข้างๆ

“ไง” ผมทัก

ริชาร์ดละสายตาจากตัวหนังสือบนบทหนังขึ้นมามองผม

“มาช้าชะมัดเลยนายน่ะ จะถ่ายกันอยู่แล้ว” แล้วคำบ่นของหมอนั่นก็คือประโยคแรกที่ทัก

“แล้วมันใช่ธุระกงการอะไรของฉันที่จะต้องมาช่วยนายมั้ยเนี่ย” ผมยอกย้อนอย่างไม่แคร์ ทำเอาริชาร์ดหุบปากฉับเพราะรู้ว่าการมาช้าของผมนั้น ยังไงมันก็ดีกว่าไม่มาเป็นไหนๆ

“เออ เอาเถอะ นายรู้แล้วใช่มั้ยว่าฉากแรกที่จะถ่ายเป็นฉากอะไร” ริชาร์ดเข้าเรื่องให้ผมว่าอย่างรำคาญ

“รู้น่า นายย้ำจนแก้วหูจะทะลุอยู่แล้ว”

“รู้แล้วก็ดี จะได้เริ่มกันเลย อะ นี่บทแล้วก็รายละเอียดองค์ประกอบฉาก ช่วยดูหน่อยแล้วกันว่าโอเคมั้ย” ริชาร์ดยื่นปึกกระดาษในมือให้ผม ก่อนที่จะไปคว้าปึกกระดาษอีกชุดหนึ่งมาถือแทน

ผมไล่สายตาอ่านคร่าวๆ จริงๆ มันก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่เป็นฉากที่ให้คีธเดินออกมาจากหอคอยพระราชวัง แล้วพูดกับประชากรของดาวว่า ‘ข้าคือเจ้าชายของพวกเจ้า’ แค่นั้น แล้วก็ปล่อยให้ไอ้พวกที่เหลือที่เป็นตัวประกอบร้องเฮสรรเสริญกันไป ผมพอเข้าใจแล้วว่าทำไมริชาร์ดถึงอยากให้ผมมาช่วยนัก ก็เล่นเขียนรายละเอียดฉากเสียอลังการ แต่นักแสดงหลัก รวมนักแสดงประกอบฉากนี้มีแค่สิบกว่าคน ดูก็รู้เลยว่าลำบากฝ่ายคอมพิวเตอร์กราฟฟิกแน่นอน

“เดี๋ยวจะเริ่มกันแล้วนะ นักแสดงทุกคนเข้าฉากได้” เสียงริชาร์ดดังขึ้น เรียกให้ทีมงานทุกคนเตรียมพร้อม พอหมอนั่นนับสาม การถ่ายทำก็เริ่มต้นขึ้น

ผมนั่งมองคีธที่โผล่หน้ามาจากฉากหอคอยปลอมๆ ในชุดที่เคยใส่เมื่อวันฟิตติ้ง พอหมอนั่นเดินมาถึงจุดที่กำหนด ก็ยกมือขึ้นข้างหนึ่งแล้วพูดออกมาทื่อๆ

“ข้าคือเจ้าชายของพวกเจ้า”

พูดเท่านั้น เสียงเฮจากตัวประกอบก็ดังตามมา ผมถึงกับถอนหายใจที่เห็นหมอนั่นแสดงได้ไร้อารมณ์เช่นเคย บอกตรงๆ ว่าขอนไม้ยังแสดงดีกว่าเลย แต่เหมือนริชาร์ดจะชอบเพราะไม่ได้สั่งคัทหรืออะไร ดูท่าคงจะเปลี่ยนคาร์แร็กเตอร์บทของคีธให้เข้ากับบุคลิกมันไปเรียบร้อยแล้วมั้ง

การถ่ายทำฉากแรกในส่วนของนักแสดงไม่มีปัญหา มามีปัญหาตรงเรื่องของมุมกล้องกับองค์ประกอบฉากบางส่วนที่มีจุดบกพร่องเล็กน้อยทำให้ริชาร์ดต้องสั่งเทคใหม่ ผมก็ช่วยโน่นนี่ไปตามเรื่อง ผ่านไปหลายชั่วโมงกับการสั่งเทคใหม่ไม่ต่ำกว่าสิบรอบ ทำเอาผมเริ่มจะเบื่อขึ้นมาที่ต้องนั่งฟังเสียงเรียบๆ และการแสดงทื่อๆ ของคีธซ้ำไปซ้ำมา กระทั่งริชาร์ดสั่งเทคครั้งล่าสุด ผมถึงได้สังเกตเอาในตอนนี้ว่าคีธมีบางอย่างผิดปกติไป

“ข้าคือ...เจ้าชายของพวกเจ้า” เสียงของคีธขาดๆ หายๆ ใบหน้าก็ดูอิดโรยจนริชาร์ดที่มองหมอนั่นผ่านจอมอนิเตอร์ต้องกระซิบถามผม

“หมอนั่นดูไม่สดชื่นเลยว่ะ นายว่าฉันสั่งเทคมากเกินไปหรือเปล่าวะ”

“ก็นายเล่นสั่งเทคแบบไม่ให้พักติดต่อกันเป็นชั่วโมงแบบนี้ เป็นใครก็เหนื่อยวะ ถึงไอ้บ้านั่นจะพูดแค่ประโยคเดียวก็เถอะ” ผมว่า ริชาร์ดก็เลยสั่งคัทแล้วสั่งพักกอง

“เดี๋ยวพักกันก่อนสักครึ่งชั่วโมงนะ”

พอมีเสียงสั่งพักกอง เสียงของทีมงานก็ดังเฮมาให้ได้ยินแทบจะในวินาทีนั้น ผมลุกขึ้นจะไปเข้าห้องน้ำล้างตาล้างตาบ้าง เพราะไอ้การมาช่วยงานริชาร์ดแบบนี้มันก็สร้างความเหนื่อยล้าให้ผมพอตัวเหมือนกัน ทว่าในจังหวะที่ผมลุกขึ้นยืน ก็บังเอิญเหลือบไปเห็นคีธซึ่งกำลังเดินลงจากฉากหอคอยปลอมเซถลาไปเกาะราวบันไดเหล็กจนทีมงานที่ช่วยพาเขาลงร้องอุทานลั่น

“ไหวมั้ยคีธ” ทีมงานคนหนึ่งถาม ขณะที่คีธพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร แล้วพยุงตัวเองเดินลงมา

ผมรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เลยเปลี่ยนทิศทาง เดินเข้าไปหามันแทน

“เป็นอะไรของนาย” ผมโพล่งถามไปพลางโบกมือไล่ทีมงานที่เดินตามหมอนั่นมาให้ไปทางอื่นเมื่อเห็นว่าคีธชำเลืองหางตาไปมอง

พอทีมงานคนนั้นเดินจากไป เขาก็เผยอปากกระจับขึ้น

“วันนี้ครบหนึ่งอาทิตย์ที่ข้าถือกำเนิดแล้ว”

“แล้ว?”

“ข้าต้องวางไข่เพื่อสร้างร่างใหม่ จำได้หรือไม่ว่าข้าเคยบอกเจ้าว่าข้าจำเป็นต้องวางไข่อาทิตย์ละครั้ง”

ผมย่นคิ้วทันควัน ความทรงจำในวันแรกๆ ที่เจอหมอนี่หวนกลับมาราวกับน้ำในเขื่อนไหลทะลัก

เวรแล้ว! ผมก็ลืมไปสนิทเลยว่านอกจากจะต้องถูกหมอนี่ดูดปากสูบเอาสารอาหารแล้ว ยังจะต้องเป็นยอมให้มันวางไข่แล้วก็คลอดมันออกมาอีก ผมเบ้หน้าเหยเกเมื่อคิดถึงตอนคลอด แหกสะดือพุ่งทะลุออกมาพร้อมกับน้ำเมือกเหนียวๆ แค่คิดก็สยองแล้ว

“ดังนั้น ข้าจึงขอวางไข่...”

ผมได้สติกลับมาเมื่อคีธพูดขึ้นอีกครั้ง พูดอย่างเดียวไม่ว่า มันยังเสนอหน้าเข้ามาใกล้ ผมรีบดันหน้ามันออกห่างอย่างรวดเร็ว

“วางไข่บ้าบออะไรตรงนี้ เดี๋ยวคนก็ได้แตกตื่นกันทั้งบางหรอก” ผมว่าเสียงเขียว สายตามองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวง ขณะที่ลูกทีมของริชาร์ดเองก็เหลือบมองมายังผมด้วยท่าทีสงสัยเช่นกัน

“แต่หากข้าไม่ทำ ข้าก็จะตาย อีกไม่กี่ชั่วโมง ข้าก็จะหมดอายุขัยแล้ว ร่างกายข้าตอนนี้เริ่มอ่อนแอเช่นกัน จำเป็นต้องรีบทำอย่างเร่งด่วน” หมอนั่นว่าเสียงเรียบ ย่นหัวคิ้วลงแบบชวนให้น่าสงสารลงเล็กน้อย มองเผินๆ เหมือนลูกหมาร้องขอความเห็นใจ

หากแต่ผมไม่เห็นใจสักนิด แถมความคิดชั่วร้ายก็ยังผุดพรายขึ้นมาอีก

ดี! ในเมื่อกำลังจะตายอย่างนี้ ผมก็ไม่ยอมให้วางไข่เสียก็สิ้นเรื่อง จะได้เป็นอิสระจากมันสักที

ทว่าก็ได้แค่คิดเท่านั้น พอยิ้มมุมปากด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ได้ไม่กี่วินาที คีธก็ดักคอขึ้น

“หากข้าตาย ข้าจะไม่ยอมตายคนเดียว”

จะลากกูไปด้วยล่ะสินะ!

ผมบุ้ยปากด่ามันเล็กน้อยที่รู้ทันผมตลอดเวลา ก่อนจะเออออไป

“วางไข่ก็วางไข่ แต่ไม่ใช่ที่นี่ โอเค้? กลับไปวางที่ห้อง ไม่งั้นพอนายวางไข่เสร็จแล้วนายทิ้งร่างเดิมไว้ที่นี่ มีหวังได้แตกตื่นกันทั้งมหา’ลัยแน่”

คีธพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนผมไว้หมับ

“เช่นนั้นข้าคงต้องขอสูบสารอาหารจากเจ้าก่อน ตอนนี้ร่างกายข้าอ่อนแอเกินไป”

“สูบสารอาหารบ้าบออะไรก็ทำตรงนี้ไม่ได้เว้ย ถ้าจะทำก็ไปหาที่ลับตา” ผมแหวใส่ แทบไม่อยากจะเชื่อว่าผมจะเป็นคนพูดประโยคนี้ ฟังดูแล้วราวกับกำลังชวนหมอนั่นไปทำเรื่องอย่างว่ายังไงก็ไม่รู้

“งั้นห้องน้ำแล้วกัน จะได้ไม่มีผู้ใดรบกวน” พูดจบ มันก็ลากผมออกจากสตูดิโอไปทันที ปล่อยให้ผมทำหน้าเอือมระอาใส่ที่สู้อะไรมันไม่ได้สักอย่าง

หลังจากให้คีธสูบสารอาหารเสร็จ หมอนั่นก็ดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันตาขณะที่ผมอ่อนเพลียไปจากเดิม พอกลับเข้ามาในสตูดิโอ คีธก็จัดการไปบอกริชาร์ดว่าจะถ่ายต่ออีกแค่เทคเดียว แล้วจะกลับที่พักโดยอ้างว่าเพิ่งทำผมอ่อนเพลียมา ริชาร์ดก็ยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย แล้วก็อนุญาต แถมยังแซวว่าที่หายไปตอนพักนี่คงไปทำอะไรด้วยกันมาแน่ แล้วก็เน้นย้ำว่าอย่าให้หนักนัก

อ่อนเพลียที่ว่านี่คือมันดูดสารอาหารจากกูไปโว้ย! แม่งคิดไปเป็นเรื่องใต้สะดือตลอด!

ทันทีที่ถ่ายทำเทคสุดท้ายเสร็จจนเราทั้งคู่ออกจากสตูดิโอมาได้ คีธก็ทำลายความเงียบขึ้นขณะที่เราเดินตรงไปยังสถานีรถไฟใต้ดินที่อยู่ใกล้กับมหา’ลัย

“ที่ข้าบอกสหายเจ้าว่าเจ้าอ่อนเพลียนั้น แท้จริงมันคือข้ออ้าง”

“ไม่บอกก็รู้” ผมว่าเสียงขุ่น ก่อนจะชะงักเมื่อหมอนั่นพูดขึ้นมาอีก

“จริงๆ ข้ามีเวลาเหลืออีกไม่มากจึงอยากกลับที่พักไปวางไข่ให้เร็วที่สุด”

“เหลือเวลาอีกไม่มากนี่ประมาณเท่าไหร่”

“ราวๆ ห้าชั่วโมง”

ผมลอบยกยิ้ม... งั้นก็แกล้งกลับช้าๆ เสียเลย มันจะได้แห้งตายไปก่อนจะได้วางไข่

“หากเจ้าคิดว่าจะถ่วงเวลาเพื่อให้ได้กลับที่พักช้าๆ ล่ะก็ ข้าไม่หลงกลเจ้าหรอกนะ”

แล้วทำไมมึงจะต้องรู้ทันทุกทีว่ากูคิดอะไรอยู่ด้วยวะ!?

ผมตวัดสายตาไปมองหมอนั่นตาเขียว แต่ก็ครู่เดียวเมื่อจู่ๆ ก็มีแผนชั่วบางอย่างผุดพรายขึ้นมาในหัว แผนชั่วนี่ก็คือแผนกำจัดไอ้มนุษย์ต่างดาวโฮโมฯ ให้ออกไปจากชีวิตผม ถึงผมจะรู้ว่าการสู้กับหมอนั่นในตัวเป็นๆ จะไม่มีทางสู้ได้โดยเฉพาะในด้านของพละกำลัง แต่ถ้าหมอนั่นไม่ได้อยู่ในสภาพตัวเป็นๆ แบบนี้ล่ะ จะเป็นยังไง?

ไม่ได้อยู่ในสภาพตัวเป็นๆ ก็แน่ล่ะว่าหมายถึงอยู่ในสภาพที่เป็นไข่หรือตัวอ่อน ซึ่งถ้าผมต้องการให้หมอนั่นเป็นแบบนั้น ผมต้องยอมให้หมอนั่นวางไข่ก่อน หลังจากนั้นค่อยหาทางกำจัด การกำจัดก็มีอยู่แค่หนทางเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ...การทำให้มันแท้ง

ฟังดูเหมือนจะโหดร้ายและไร้มนุษยธรรม ผมเองก็ไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับวิธีการนี้สักเท่าไหร่ แต่สำหรับไอ้แมลงที่รบกวนชีวิตผมตลอดเวลาอย่างคีธเนี่ย ไม่จำเป็นต้องมีคุณธรรมด้วยแล้ว อีกอย่าง หมอนี่ก็ไม่ใช่มนุษย์โลก มันเป็นมนุษย์ต่างดาว การกำจัดมันทิ้งไปก็เท่ากับการปกป้องโลกให้พ้นภัยจากการคุกคามของมนุษย์ต่างดาวเลยนะ

งั้นตกลงเอาวิธีนี้แหละ ยอมให้มันวางไข่ไปก่อน แล้วจัดการมันให้สิ้นซากทีหลัง

ตัดสินใจได้อย่างนั้น ผมก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หันไปถามคนข้างๆ ที่ยืนมองผมหน้าตายอยู่ทันใด

“นายว่านายยังเหลือเวลาอีกห้าชั่วโมงใช่มั้ย”

“อืม”

“งั้นก็ดี ก่อนกลับห้องไปให้นายวางไข่ ฉันอยากจะไปซื้อของที่ซูเปอร์ฯ สักหน่อย ตอนที่ถูกนายวางไข่ครั้งแรก ฉันแพ้ท้องจะเป็นจะตาย ท้องครั้งนี้เลยอยากจะเตรียมพร้อมไว้ก่อน” ผมอ้างไปเรื่อย

คีธมองผมนิ่งโดยไม่อาจรู้ได้เลยว่าคิดอะไรอยู่ ผมแอบเสียวเล็กน้อยว่าจะถูกจับพิรุธได้ว่าผมมีแผนอะไร จนผมต้องย้ำคำขึ้นอีกครั้ง

“ของบำรุงครรภ์น่า ไปซื้อเร็วเข้า เดี๋ยวนายก็ได้ตายก่อนวางไข่กันพอดี” ผมกลบเกลื่อนโดยการคว้ามือหมอนั่นออกเดิน

คีธเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเล็กน้อยที่จู่ๆ ผมก็มีท่าทางกระตือรือร้นขึ้นมา ทว่าก็ไม่พูดอะไร นอกจากเดินตามมาแต่โดยดี

ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้อพาร์ตเม้นต์คือสถานที่ที่ผมมาเพื่อซื้อของเตรียมความพร้อม ผมไม่ได้สนใจคีธที่ดูตื่นเต้นกับการได้เห็นแหล่งชอปปิงของมนุษย์โลกเลยแม้แต่น้อย นอกจากเดินไปคว้ารถเข็นมา แล้วยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าอะไรบ้างที่กินเข้าไปแล้วเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าไอ้ของพวกนั้นมันจะมีฉลากคำเตือนอยู่ด้านหลังสินค้า เท่านั้นผมก็ตั้งหน้าตั้งตาเข็นรถเข็นเลาะไปตามซอกชั้นสินค้า หาของที่ว่านั่นทันที

อันดับแรกเลยที่ได้มาคือ เครื่องดื่มชูกำลัง... ด้านหลังขวดระบุชัดเจนว่าห้ามดื่มเกินวันละสองขวด เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรดื่ม แม้จะไม่ใช่สตรีมีครรภ์ ผมก็หยิบใส่รถเข็นมาสองโหลทันใด

เดินไปอีกหน่อย สายตาก็เหลือบไปเห็นชั้นแอลกอฮอล์เด่นหรา สายตาปะทะเข้ากับชั้นวิสกี้ที่เรียงรายกันเป็นตับ มองปราดเดียว นักท่องราตรีอย่างผมก็รู้เลยว่ายี่ห้อไหนที่แรงที่สุด ถึงราคาจะแพงชวนกระเป๋าฉีก แต่การที่เคยได้ยินมาว่าถ้ากินเหล้าหนักๆ ก็มีสิทธิแท้งได้ ผมก็ไม่รีรอที่จะจัดมาสองกลม

พอจะเดินไปจ่ายตังค์ ก็เหลือบไปเห็นชั้นบุหรี่หลากยี่ห้ออีก

โอเค... ควันบุหรี่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ งั้นเหมาแม่งหมดแผงเลยแล้วกัน

เดินวนกลับไปหยิบยาย้อมผมด้วยดีกว่า เห็นว่าสารเคมีจากยาย้อมผมก็อาจก่อให้เกิดอันตรายกับทารกในครรภ์ได้เหมือนกัน ถึงผมจะไม่รู้แน่ชัดนักว่าก่อให้เกิดอันตรายด้วยสาเหตุอะไร แต่มือก็คว้าเอากล่องยาย้อมผมสีน้ำตาลประกายแดงใส่ลงรถเข็นเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้สีผมที่เคยย้อมไว้ก็เริ่มจะมีโคนดำงอกมาให้เห็นประปรายแล้วด้วย ย้อมๆ ไปเลยก็ดีเหมือนกัน จะได้ได้ประโยชน์สองต่อ สีผมสวย แถมกำจัดไอ้มนุษย์ต่างดาวหน้าตายได้ กำไรเห็นๆ

หากแต่พอผมตั้งท่าจะหยิบกล่องยาย้อมผมใส่รถเข็นเพิ่มอีกกล่องด้วยคิดว่ากล่องเดียวคงจะย้อมไม่พอ คีธที่เดินตามหลังผม อยู่นานก็ทำลายความเงียบขึ้นมา

“ข้าเห็นเจ้าซื้อแต่ของไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์โลกทั้งนั้น นี่เจ้าตั้งใจจะเตรียมพร้อมก่อนตั้งครรภ์ข้าแน่รึ”

“เออ นี่แหละเตรียมพร้อม” ผมว่าอย่างมั่นใจพลางแสยะยิ้ม

เตรียมพร้อมจะแท้งเอ็งนั่นแหละบักคีธ!

“แต่ข้าเคยศึกษามาเมื่อครั้งร่อนเร่อยู่ในอวกาศนะว่าของที่เจ้าหยิบมาพวกนี้ล้วนเป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์โลกทั้งนั้นหากรับเข้าสู่ร่างกายเป็นปริมาณมาก”

“ข้อมูลผิดพลาดได้น่า ไปอ่านจากตำราไหนมา พวกนี้แหละของบำรุงครรภ์บอกไว้เลย” ผมโกหกหน้าด้านๆ สายตาที่คีธมองมา ดูก็รู้เลยว่าไม่เชื่อที่ผมพูดสักนิด แต่ผมไม่สนใจแล้ว เดินหนีไปจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อย

แต่เอ... ที่นิวยอร์กนี่มียาสตรีขายด้วยมั้ยนะ น่าซื้อมากระดกดื่มแทนน้ำชะมัด เผื่อมันจะช่วยให้ได้ผลเร็วๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel