Episode 07: Kill him if I can!【2】
ความคิดที่จะซื้อยาสตรีมาด้วยเป็นอันต้องยกเลิกไปเมื่อผมไม่สามารถหาสินค้าได้ ไม่แน่ใจว่ามันมีขายหรือเปล่า แต่ช่างเถอะ แค่ของที่ซื้อมาก็น่าจะเพียงพอต่อการกำจัดคีธเวอร์ชั่นตัวอ่อนได้แล้ว
ผมจัดการเก็บข้าวของเข้าชั้นแล้วไปอาบน้ำ เตรียมความพร้อมก่อนถูกวางไข่ในขั้นสุดท้าย คีธดูจะงุนงงเหมือนกันว่าผมไปกินอะไรมาถึงได้คึก อยากถูกวางไข่เต็มแก่แบบนี้ ทว่าก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะดูเหมือนตอนนี้มันกำลังเริ่มอ่อนแอลงอีกครั้ง
และตอนนี้ผมก็กำลังนั่งประจันหน้ากับหมอนั่นบนพื้นห้องนั่งเล่นโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะคว้าขวดเครื่องดื่มชูกำลังที่วางอยู่ มาดื่มย้อมใจทีเดียวหมดขวด แล้ววางขวดเปล่ากระแทกลงพื้นเป็นสัญญาณให้รู้ว่าถึงเวลาอันสมควรต่อการวางไข่แล้ว
“มา ฉันพร้อมละ”
“เจ้าแน่ใจนะ”
“แน่สิวะ มาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องแน่ใจอยู่แล้ว” ผมย้ำอีกครั้ง ขณะที่ผมสะบัดมือ สะบัดคอไปมาประหนึ่งนักมวยกำลังวอร์มร่างกายก่อนขึ้นสังเวียน
“ข้าว่าเจ้ากระตือรือร้นเกินไปจนน่าประหลาด” แล้วมันก็จับผิดผมขึ้นมาจนได้
ผมรีบโบกมือไปมา หัวเราะกลบเกลื่อนพิรุธทันใด “กระตือรือร้นอะไร ปกติน่าปกติ”
“ไม่ปกติ” มันว่าสวน “ถ้าปกติของเจ้าคือต้องปฏิเสธ ไม่ก็ทำท่าเหมือนจะเป็นจะตายให้ได้ต่างหาก”
“นั่นเพราะนายมาบังคับฉันโดยที่ฉันไม่ได้เต็มใจนี่หว่า จะมีท่าทางต่อต้านอย่างนั้นก็ไม่แปลก” ผมอ้างไปเรื่อย
คีธหรี่ตาลง เอียงคอน้อยๆ สายตาบ่งบอกชัดเจนว่าไม่เชื่อ ยังไงก็ไม่เชื่อ จนผมต้องเปลี่ยนเรื่องก่อนจะถูกจับได้
“อย่ามัวมาชวนคุยโน่นนั่นน่า อีกไม่ถึงชั่วโมงนายก็จะตายแล้วไม่ใช่หรือไง วางไข่สักที มา!”
ท่าทางกระเหี้ยนกระหือรืออยากโดนวางไข่เต็มแก่ทำให้คีธนิ่งไป ก่อนจะพยักหน้า
“เช่นนั้นข้าคงต้องขออนุญาตวางไข่”
ว่าจบ มันก็เลื่อนมือไปถอดเสื้อออกแล้วโยนไปข้างๆ แล้วก็เลื่อนไปยังส่วนล่างของร่างกาย ผมเบิกตาโพลง รีบเอื้อมมือไปคว้ามือมันที่เลื่อนลงไปจับขอบกางเกงไว้อย่างรวดเร็ว
“จะวางไข่ก็วางเร็วๆ เข้า ไม่ต้องแก้ผ้า”
“มันเป็นธรรมเนียมของดาวข้า”
“จะวางหรือจะโชว์ฮะไข่เนี่ย ลีลานักก็ไม่ต้องวางแม่ง”
พอผมว่าเสียงขุ่น คีธก็ยอมปล่อยมือจากขอบกางเกง ย้ายมาประคองใบหน้าผม
“เช่นนั้นข้าคงต้องขอรบกวนด้วย กวินทร์...”
ผมกลืนน้ำลายเอื้อก สบดวงตาสีเทาสว่างนิ่งด้วยใจเต้นระทึก
มะ...มา! มึงมา! วางไข่มาเลย!
ผมหลับตาปี๋ รออย่างใจจดใจจ่อให้คีธเลื่อนใบหน้าเข้ามาประกบปาก หากแต่ความระทึกนั้นก็ต้องสะดุดลงเมื่อน้ำเสียงแหบห้าวดังขึ้นอีก
“แต่ข้าว่าเจ้าดูแปลกๆ”
มึงอย่าสงสัยเยอะ! กูลุ้นจนเหงื่อพุ่งทะลุออกจากรูขุมขนเป็นน้ำพุแล้วเนี่ย!
และเพราะความลุ้นระทึกถูกขัด ผมก็เลยหัวเสียขึ้นมา ดึงมือใหญ่ที่ประคองใบหน้าตัวเองอยู่ออก แล้วยื่นมือไปคว้าหน้าหมอนั่นแทน
“ยืดยาด ชักช้า เสียเวลา!”
ผมประกบปากหมอนั่นทันใด พี่ไม่ต้อง น้องทำเองเป็นยังไง บักคีธมันรู้ได้ก็ในตอนนี้ เหมือนมันจะตกใจนิดหน่อยที่จู่ๆ ก็ถูกผมจู่โจม นับเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ผมเต็มใจจูบกับหมอนั่นร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็แน่ล่ะ มันเป็นแผนนี่นา ไม่เต็มใจก็กำจัดมันไม่ได้น่ะสิ
“อย่าเฉยสิ เฟรนช์คิสน่ะเฟรนช์คิส ปิดปากอย่างนี้มันทำไม่ได้” ผมผละออกจากริมฝีปากหยักเล็กน้อยเมื่อคีธไม่ยอมเปิดปาก เอาแต่นิ่งอึ้ง พูดไปแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองเชื้อเชิญหมอนั่นชะมัด
ครู่เดียว คีธได้สติ พยักหน้ารับก่อนจะยกมือขึ้นรั้งท้ายทอยผมเข้ามา แล้วเป็นฝ่ายดึงผมเข้าไปจูบอีกครั้ง พลันสอดลิ้นอ่อนนุ่มเข้ามาในโพรงปากผม จูบของหมอนี่ยังคงเจ๋งเหมือนเดิม เจ๋งจนผมเกือบจะเคลิ้มไปตามรสจูบนั่นแล้ว ส่วนสิ่งที่เพิ่มเติมกว่าความเจ๋งของสกิลการจูบแล้ว ก็คือวัตถุทรงกลมขนาดเท่าถั่วแมคคาเดเมียที่ถูกดันเข้ามาในปากผมด้วย ผมเกือบจะขย้อนมันออกมาอย่างเผลอตัวแล้วถ้าไม่ตระหนักได้ว่ามีแผนการชั่วบางอย่างที่จะต้องจัดการอยู่ จึงหลับหูหลับตากลืนมันลงไป ก่อนที่คีธจะเป็นฝ่ายผละออกจากผมด้วยสีหน้าอิดโรย
“แล้วเจอกันกวินทร์” นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่หลุดออกจากปากหมอนั่นก่อนที่ร่างใหญ่จะทรุดฮวบลงไปพื้น
ผมนิ่งงัน อ้าปากอย่างเหวอๆ ที่จู่ๆ ก็เห็นไอ้บ้านี่ตายต่อหน้าต่อตาอีกเป็นครั้งที่สอง ถึงจะรู้ว่ามันเป็นการเปลี่ยนร่าง แต่ก็ยังอดตกใจไม่ได้อยู่ดี พอเอานิ้วมือไปอังที่ปลายจมูกแล้วสัมผัสไม่ได้ถึงลมหายใจ ผมก็ตระหนักได้อีกครั้งว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่สมควรจะมาตกใจ ตอนนี้คือเวลาแห่งการโด๊ปทุกสิ่งอย่างที่ซื้อมาเพื่อกำจัดไอ้ตัวที่อยู่ในกระเพาะผมต่างหาก
ผมทิ้งร่างเย็นชืดไว้บนพื้น รีบลุกไปคว้าเครื่องดื่มชูกำลังอีกขวดขึ้นกระดกเพื่อย้อมใจ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
สิ่งแรกที่ผมทำคือการย้อมผม เครื่องดื่มชูกำลังก็ดื่มเพิ่มไปอีกขวด แต่การที่หัวใจเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาข้างนอกได้นั้นทำให้ผมล้มเลิกความคิดที่จะดื่มเพิ่มไป ถ้าดื่มเพิ่มล่ะก็ รับรองเลยว่าผมนี่แหละที่จะถูกกำจัดก่อนไอ้เวรข้างในท้องผมนี่
ผมใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการย้อมผม พอสระผมเสร็จเรียบร้อยก็กลับออกมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง ตอนนี้ร่างเย็นชืดของคีธได้อันตรธานหายไปแล้ว เหลือแต่เพียงเสื้อผ้าที่หมอนั่นสวมใส่ก่อนหน้าเท่านั้น ให้เดาก็คงจะย่อยสลายด้วยกระบวนการเหนือธรรมชาติบางอย่างเหมือนกับที่หมอนั่นเคยว่า แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องสนใจ สิ่งที่ควรสนใจก็คือ ไปโด๊ป! โด๊ปให้ไอ้ตัวประหลาดนี่มันแท้ง!
ผมถอดเสื้อโยนทิ้ง คว้าขวดวิสกี้และบุหรี่ซองหนึ่งไปนั่งบนโซฟา เปิดฝาขวดออกแล้วกระดกอึ้กๆ โดยไม่สนใจจะผสมน้ำหรือโซดาอะไรแต่อย่างใด ก่อนจุดบุหรี่ขึ้นสูบ หัวก็คิดไปด้วยว่าถ้าแผนชั่วนี่สำเร็จขึ้นมา ไอ้อาการแท้งจะเป็นยังไง บอกตรงๆ นะว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็เดาเข้าข้างตัวเองตามความน่าจะเป็นว่าถ้ามันคลอดโดยการแหวกสะดือออกมา ตอนแท้งก็น่าจะเป็นซากแหวกสะดือออกมาเหมือนกัน ถ้าเป็นแบบที่คิดก็ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ อาจจะสยองขวัญนิดหน่อย แต่ถ้ามันแท้งแล้วไม่แหวกสะดือออกมานี่สิ ผมได้กลายเป็นผีตายท้องกลมแน่นอน
กระนั้นผมก็ไม่อยากจะคิดฟุ้งซ่าน เอาให้มันตายก่อนเถอะ ถึงเวลานั้นค่อยลากสังขารไปโรง’บาล ให้หมอผ่าออกให้ก็ได้
ผมใช้เวลาเกือบค่อนคืนก็จัดการวิสกี้ที่ซื้อมาสองกลมนั่นหมด แค่สองกลมมันยังไม่พอ ผมยังไปซื้อเพิ่มมาอีกเป็นลัง แต่คราวนี้เป็นวิสกี้ระดับล่างซึ่งมีรสชาติบาดคอและดีกรีความแรงค่อนข้างสูง แต่ก็ดื่มต่อได้แค่ครึ่งขวดเท่านั้นก็ต้องยอมแพ้ ต่อให้ได้ชื่อว่าคอแข็งขนาดไหนก็เถอะ ถ้าดื่มเป็นน้ำเปล่าอย่างที่ผมทำแบบนี้ มีหวังได้จมกองอ้วกตายแน่นอน
และเพราะว่าเมา ผมก็เลยงีบหลับไปก่อน รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเสียงนาฬิกาที่ตั้งปลุกก่อนจะผล็อยหลับไปดังขึ้น ผมงัวเงียดันตัวเองขึ้นนั่งพร้อมกับความปวดหนึบไปทั้งหัว ตอนนี้เข้าชั่วโมงที่ยี่สิบแล้ว ท้องผมใหญ่ขึ้นประหนึ่งคนท้องไปเรียบร้อย
พอเห็นสภาพตัวเองในตอนนี้ก็หวั่นใจขึ้นมา ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าการกระดกวิสกี้เพียวๆ ขวดแล้วขวดเล่า มันไม่น่าจะได้ผลในการกำจัดคีธที่อยู่ในท้องได้ก็ไม่รู้ บุหรี่นี่ผมก็สูบจนควันท่วมห้องแล้วด้วย สูบมากจนลำคอแห้งผากและแสบไปหมด ถ้าสูบอีกนิดนี่มีหวังห้องข้างๆ ได้เรียกรถดับเพลิงแน่ แต่มันก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบสนองให้ผมรู้สึกว่าคีธมันตายแหงแก๋ไปแล้วเลยแม้แต่น้อย
อีกสี่ชั่วโมง... สี่ชั่วโมงเท่านั้นกว่าจะได้รู้ว่าคีธมันจะอยู่หรือจะไป
แน่อยู่แล้วล่ะว่าผมไม่ปล่อยให้เวลาสี่ชั่วโมงนี่มันสูญเปล่า ตั้งสติได้ ผมก็จัดการคว้าขวดวิสกี้ที่ดื่มค้างไว้มาดื่มต่อ ทว่าพอสาดน้ำขมเฝื่อนลงคอไปได้ไม่ทันหมดขวดดี ของเก่าที่ซัดไปก่อนหน้าก็ทำท่าจะพุ่งออกปาก จนผมต้องรีบวางขวดวิสกี้ลง แล้วหันไปคว้ากระถังน้ำที่เตรียมไว้สำหรับรองของเก่ามาจ่อปากตัวเองทันที
น้ำสีเดียวกับวิสกี้ที่ดื่มเข้าไปก่อนหน้าไหลออกจากปากเป็นลิตร ผมเองก็เหมือนคนโรคจิต ยิ่งอ้วกก็ยิ่งดื่มหนัก พอยิ่งดื่มก็อ้วกหนักกว่าเดิม บางจังหวะไม่ได้ดื่มก็อ้วก จนผมไม่แน่ใจนักว่าที่ทำท่าพะอืดพะอมนี่เป็นเพราะแพ้ท้องหรือเมาจัดกันแน่
ผ่านไปร่วมชั่วโมง ร่างกายผมก็ไม่สามารถรับแอลกอฮอล์ได้อีกต่อไป นอนแผ่หลาบนโซฟาอย่างหมดแรง โลกทั้งโลกหมุนคว้างและมีภาพซ้อนเต็มไปหมดจนผมไม่อาจฝืนตาให้เปิดอยู่ได้เลยผล็อยหลับไปอีก
ครบยี่สิบสี่ชั่วโมง ความปวดหนึบบริเวณหน้าท้องก็ปลุกให้ผมตื่น ผมฝืนลืมตาขึ้นขณะที่อาการเมายังไม่สร่าง ทว่าพอเห็นบางอย่างใต้ผิวหนังหน้าท้องขยับแล้ว ความมึนเมาก็แทบจะมลายหายไป กลายเป็นเบิกตาโพลงที่เห็นว่าคีธยังมีชีวิตอยู่แทน
ยะ...อย่าบอกนะว่าไม่ได้ผล!?
ก็ไม่ได้ผลจริงๆ แค่คิดจบเท่านั้น น้ำเมือกสีใสก็ปริไหลจากสะดือผมทีละน้อย ก่อนจะมาพรั่งพรูออกมาเป็นน้ำตกไนแองการา อึดใจเดียว ความสยองขวัญก็บังเกิดกับผมเมื่อนิ้วขาวซีดโผล่ออกมาจากสะดือ ถึงจะเคยเห็นมาก่อนหน้านั้นแล้ว ผมก็ยังอดขวัญผวาไม่ได้ แถมครั้งนี้มันไม่ทะลุพรวดขึ้นมาทีเดียวจบเหมือนครั้งแรกด้วย ค่อยๆ โผล่มาทีละนิ้วสองนิ้ว กว่าจะมาครบทั้งมือ ผมก็อ้าปากจนกรามแทบค้าง
แต่ความสยองขวัญมันไม่จบแค่นี้เมื่อหัวของคีธโผล่มา รอบนี้หมอนั่นไม่ได้โผล่ออกมาแบบหน้าตาย แต่โผล่มาในสภาพเหมือนจะตาย ใบหน้าขาวซีดและดวงตาปรือของหมอนั่นใต้คราบเมือกเหนียวหนืดที่กำลังค่อยๆ เหยียดมือไต่มายังหน้าอกผมในท่าคลานอย่างเชื่องช้าทำเอาผมขนหัวลุกขึ้นมาฉับพลัน
“อ๊ากกก! อึก... อ้วก!” ความสยองขวัญบังเกิดหนักขึ้นเมื่อผมทั้งแหกปากร้องชนิดลืมเมา ทั้งหันไปอ้วกพร้อมๆ กัน
ทรมานคืออะไร วินาทีนี้แหละคือคำตอบ! ตกลงมึงเป็นมนุษย์ต่างดาวหรือจูออน! สยองขวัญสั่นประสาทเกินไปแล้ว!
ผมแหกปากร้องจนเหนื่อย แต่หมอนั่นก็ไม่ยอมออกจากสะดือผมมาสักที ค่อยๆ กระดึ๊บมาได้เพียงครึ่งตัวก็ฟุบหน้าลงนอนบนแผงอกผมอย่างไร้เรี่ยวแรง พลางพึมพำเสียงต่ำ
“มึนหัว...”
มึงก็ออกมามึนข้างนอกสะดือกูได้มั้ยเล่า! จะค้างเป็นฝาแฝดอินจันไปถึงไหน!
ผมสร่างเมาโดยไม่ต้องรอให้ใครเอาน้ำมาสาด จากที่เป็นฝ่ายรอให้คีธออกจากตัวผม ก็กลายเป็นว่าผมต้องงัดหมอนั่นออกจากสะดือตัวเอง ความที่หมอนั่นตัวใหญ่ สภาพในตอนนี้ก็เลยทุลักทุเลและอุบาทว์ไปพร้อมๆ กัน กว่าจะเขี่ยหมอนั่นออกจากร่างได้ก็เล่นเหนื่อยจนหอบ
คีธนอนแผ่กับพื้นอย่างหมดรูป ตาทั้งสองข้างปิดสนิท ปากยังพึมพำอยู่
“ข้า...รู้สึกเหมือนกำลังจะตาย...”
ผมหูผึ่งก็ในตอนนี้ หันไปมองหมอนั่นทันใด และสภาพของหมอนั่นก็ดูจะจริงอย่างที่พูดเสียด้วย เพราะทั้งใบหน้าและสีผิวยังคงดูซีดขาว ไม่ต่างจากตอนที่สละร่างเก่าทิ้งหลังจากวางไข่ใส่ผมเลยแม้แต่น้อย
หรือว่ามนุษย์ต่างดาวนี่จะแพ้แอลกอฮอล์?
“กวินทร์... ขะ...ข้ากำลังจะตาย...”
เสียงของคีธดังขึ้นมาอีกครั้งอย่างแผ่วเบา ก่อนที่มันจะเงียบไปพร้อมกับแผ่นหน้าอกที่กระเพื่อมเบาลงและนิ่งไป
ผมมองหมอนั่นอย่างตะลึงงัน ค่อยๆ พยุงตัวเองเข้ามามองใกล้ๆ
“คีธ...” ผมเปล่งเสียงเรียก หากแต่ไร้การตอบสนอง ผมเลยเอาเท้าลองเขี่ยดู ปรากฏว่าไม่ไหวติงอีก เท่านั้นความดีใจก็ลิงโลดขึ้นมาฉับพลัน
ตายแล้ว... ไอ้คีธตายแล้ว ผมฆ่าหมอนั่น... สะ...สำเร็จแล้ว! ถึงจะผิดแผนไปหน่อยที่ไม่ได้แท้งหมอนี่ แผนชั่วนี่ใช้ได้ผลจริงๆ
เป็นอิสระสักทีไอ้กวินทร์!
กระนั้นผมก็ยังไม่มั่นใจดีว่าหมอนั่นจะตายเพราะเหล้าจริงๆ เลยว่าจะก้มลงไปพิสูจน์ลมหายใจที่จมูก ทว่าความมึนเมาและความอ่อนเพลียจากการคลอดหมอนั่นออกมาก็มาเล่นงานผมเอาในตอนนี้ พอผมโน้มตัวลงปุ๊บ โลกของผมก็ดับวูบไปราวกับมีคนมาปิดสวิตซ์ไฟ ก่อนที่เสียงดังตึงของร่างผมที่ล้มลงกับพื้นจะดังเข้ามาในหูให้ได้ยินเป็นเสียงสุดท้าย แล้วภาพทุกอย่างก็ตัดฉับไปทันตา
