บท
ตั้งค่า

Episode 03: Alien’s guru【2】

คีธก็รับไมตรีเต็มที่ พยักหน้ารับทันใด มีแต่ผมนี่แหละที่ฉุกใจคิดอะไรขึ้นมาได้ พลันหันไปมองคีธตาไม่กะพริบ

“ข้าก็ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน ริ...”

พูดยังไม่ทันจะจบ ผมก็ดันเห็นคีธยกมือไปข้างหน้า ทำท่าจะจับมือทักทายริชาร์ด เท่านั้น ผมก็รีบพุ่งเข้าไปคว้ามือคีธเอาไว้ ก่อนจะกดมันลงอย่างรวดเร็ว

“เอ้อ...” ผมว่าแก้เก้อพลางลูบต้นคอตัวเองไปมาเมื่อถูกสองคนนั้นมองหน้าแบบงงๆ

ครู่เดียวเท่านั้น สีหน้างุนงงของริชาร์ดก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยทันใด

“หวงกันออกนอกหน้านอกตาแบบนี้ คู่ขาไม่ผิดตัวแน่ๆ”

คู่ขาพร่อม! ปากดีอย่างนี้ รู้งี้น่าจะปล่อยให้ไอ้มนุษย์ดาวโฮโมฯ ดูดนิ้วเสียก็ดี!

“ไอ้ริชาร์ด...” ผมกัดฟันแน่น มองหน้าเพื่อนสนิทอย่างเอาเรื่อง ขณะที่มันยังคงหัวเราะร่วนกับท่าทางของผม

“ไม่เห็นจะต้องอาย เป็นไบฯ ก็เป็นสิวะ ฉันไม่ถือหรอกที่นายจะได้ทั้งชายทั้งหญิง เนอะคีธ” มันยังมีหน้ามาพูด ซ้ำยังหันไปพยักเพยิดกับไอ้มนุษย์ต่างดาวนั่น

ร้ายกว่านั้น คีธยังเออออไปกับมันอีก

“เรื่องปกติ จะชายจะหญิงก็ไม่ต่างกัน”

“นั่นน่ะสิ พาไปขึ้นสวรรค์ได้เหมือนกัน ได้ทั้งหน้าได้ทั้งหลังแบบนี้ดีจะตาย พ่อหนุ่มรวยเสน่ห์อย่างนายจะได้ไม่ขัดสน” ว่าแล้วก็หันมาเหล่มองผม

“จะหุบปากได้หรือยัง” ผมแทบอดใจพุ่งเข้าไปกระโดดถีบมันไม่ไหวแม้จะรู้ดีว่ามันล้อเล่นก็ตาม

และเหมือนมันจะรู้ว่าชะตาตัวเองกำลังจะขาด จึงรีบเปิดประตูออกกว้างกว่าเดิมแล้วเชื้อเชิญผมเข้าไปด้านใน

“เข้ามาก่อน ถ่อสังขารมาหาฉันถึงที่อย่างนี้ นายต้องมีเรื่องสำคัญแน่ๆ”

“แน่อยู่แล้ว ถ้าไม่มีจะหาทำบ้าอะไร” ผมว่าอย่างหงุดหงิด เดินนำเข้ามาก่อนเป็นคนแรก ตามด้วยคีธที่เดินหน้านิ่งๆ เข้ามา

ห้องของริชาร์ดยังคงรกเหมือนเคย ผมกวาดตามองไปยังแผ่นดีวีดีหนังของแท้เกลื่อนกระจายหน้าจอโทรทัศน์ที่เปิดหนังเอเลี่ยนอยู่ ก่อนปรายตามองไปยังจานอาหารใช้แล้ววางเรียงเป็นตั้งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดค้างไว้ไม่ไกลนัก รอบข้างมีกองกระดาษและไวท์บอร์ดสำหรับเขียนสตอรีบอร์ดอยู่ไม่ไกลจากกองขวดเบียร์นับสิบขวด และแน่นอนว่ามันก็กระจายไปคนละทิศละทางเช่นกัน เห็นสภาพแล้วผมก็อดเบ้ปากขึ้นมาไม่ได้

“อยู่ไปได้ยังไงวะเนี่ย อย่างกับกองขยะ”

“ช่วงใช้สมองก็อย่างนี้แหละ หาที่นั่งเอาเองแล้วกัน เอามือปัดๆ หน่อยก็นั่งได้แล้ว” ริชาร์ดว่าอย่างไม่ยี่หระ

แน่นอนว่าผมไม่ไปหาที่นั่งอย่างที่มันว่า เพราะผมไม่ได้มาเที่ยวหามัน มีก็แต่คีธนี่แหละที่จับจ้องไปยังจอโทรทัศน์เขม็ง ก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา ดูท่าทางหมอนั่นจะสนอกสนใจเป็นพิเศษ ผมก็เลยได้โอกาส รีบคว้าแขนริชาร์ดเข้าไปยังห้องนอนที่อยู่ถัดไปอย่างรวดเร็ว

“อะไรของนายวะเนี่ย บอกไว้ก่อนว่าฉันไม่นิยมทรีซัมนะเว้ย โดยเฉพาะกับผู้ชายด้วยกันหมดเนี่ย” ริชาร์ดโวยเมื่อจู่ๆ ก็ถูกผมลากเข้ามาไม่มีปี่มีขลุ่ย

ผมแทบจะตบกะโหลกมันทันทีที่มันนึกว่าผมจะรวมร่างกับมันพร้อมกับคีธ แต่ก็อดใจไว้ด้วยต้องใช้ประโยชน์จากมัน จึงได้แค่ชักสีหน้าใส่

“ฉันแค่มีเรื่องจะถาม แล้วก็ไม่อยากให้ไอ้บ้าที่นั่งอยู่ข้างนอกรู้ก็เท่านั้น”

“ไอ้บ้านั่น... หมายถึงคีธน่ะเหรอ”

ผมพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเครียดๆ ขณะที่ริชาร์ดทำหน้าสงสัย

“ทำไมวะ หมอนั่นเป็นเพื่อนนายไม่ใช่หรือไง”

“ไม่ใช่เพื่อน”

“งั้นก็คู่ขา”

“ถ้าพูดคำนี้ออกมาอีกครั้ง สาบานได้เลยว่าฉันจะเลาะฟันนายออกมาทีละซี่” ผมย่นคิ้ว

“เพื่อนก็ไม่ใช่ คู่ขาก็ไม่ใช่ แล้วหมอนั่นเป็นใครวะ”

“ก็เอ่อ...”

พอถูกริชาร์ดถามกลับ ผมก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี บอกว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มาวางไข่ในตัวผมมันก็ใช่เรื่อง จะบอกว่าเป็นลูกชายเพราะผมคลอดมันออกมาก็ยิ่งไม่ใช่เรื่องเข้าไปใหญ่

ผมอึกอักไปนาน ท่าทางของผมบอกให้ริชาร์ดรู้ทันทีว่าต่อให้ถามไปก็เท่านั้น ถ้าผมไม่อยากบอกก็ไม่มีทางได้รู้ และหมอนี่ก็ไม่ใช่พวกขี้ตื๊อหรือแส่เรื่องของคนอื่นด้วย เลยตัดบทเอาดื้อๆ

“เออช่างเหอะ จะเพื่อนจะคู่ขาหรือจะอะไรมันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ว่าแต่นายมีเรื่องอะไรจะถามถึงได้ถ่อมาอย่างนี้”

ผมรีบหันซ้ายขวา พุ่งตรงไปล็อคประตูห้องด้วยกลัวว่าคีธจะโผล่เข้ามา แล้วกลับไปกระซิบเสียงเบา

“คือว่า... ที่ฉันจะถามก็คือ...”

“คือ?” ริชาร์ดดูตื่นเต้นไปกับท่าทางของผมด้วยจนออกทางสีหน้า

“ส่วนใหญ่เอเลี่ยนมันมาที่โลกเพราะอะไรวะ”

ความตื่นเต้นที่ฉาบพรายบนใบหน้าของริชาร์ดหายวับไปกับตา หมอนั่นผลักหัวผมออกห่างแทบจะทันใด

“ทำซะอย่างกับเป็นเรื่องสำคัญระดับชาติ เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ!” แล้วก็ตามด้วยโวยวายเสียงดังจนผมต้องรีบจุปากบอกให้มันเงียบ

“ก็สำคัญถึงได้ลากนายมาคุยกันลับๆ อย่างนี้นี่ไง”

ริชาร์ดยกมือขึ้นกอดอก พ่นลมหายใจเต็มแรง “ปกตินายไม่เคยสนใจเรื่องเอเลี่ยนอะไรพวกนี้นี่หว่า ทำไมจู่ๆ ถึงมาถาม อย่าบอกนะว่าจะเปลี่ยนแนวจากศึกษาหนังอีโรติกมาศึกษาหนังสัตว์ประหลาดแล้ว”

“ก็ทำนองนั้น” ผมเออออไปตามเรื่อง

ริชาร์ดมองอย่างไม่เชื่อสักเท่าไหร่นัก แต่ก็ยอมอธิบายออกมาแต่โดยดี

“จากที่ดูหนังแนวๆ นี้มา ส่วนใหญ่พวกมันมาที่โลกก็เพื่อครองโลกนะ น้อยครั้งที่จะเห็นบุกโลกมาอย่างสันติ ส่วนใหญ่ก็เพื่อขยายอาณาจักร ครอบครองจักรวาลอะไรงี้ และไอ้การครองโลกมันก็มีหลายแบบ ครองโลกโดยใช้วิธีการขยายพันธุ์ ครองโลกด้วยวิธีการล่า ครองโลกด้วยการใช้วิวัฒนาการและเทคโนโลยีที่เหนือกว่า มันก็ต้องดูว่าสายพันธุ์อะไรถึงจะบอกได้ว่ามันพยายามจะครองโลกด้วยวิธีไหน”

“แล้วไอ้ประเภทพวกที่วางไข่ใส่ร่างมนุษย์ล่ะ” ผมถามอ้อมแอ้ม

ริชาร์ดทำท่าคิดไปครู่ “พวกนั้นก็น่าจะเป็นพวกเอเลี่ยนที่เห็นทั่วๆ ไปในหนัง เป้าหมายของมันก็มีแค่ฆ่ากับขยายพันธุ์ ถ้ามันบุกมาที่โลกก็มีเป้าหมายแค่สองอย่างนี้เนี่ยแหละ”

ผมกลืนน้ำลายเอื้อกทันที ภารกิจที่ว่าของคีธคงจะหนีไม่พ้นเป้าหมายนี้แน่ เพราะหมอนั่นไม่แค่วางไข่ใส่ผม แต่ยังขู่ฆ่าอยู่เนืองๆ ด้วย

“ละ...แล้วถ้าจะกำจัดมันล่ะ นายคิดว่ามีวิธีมั้ย”

“ถ้าเป็นในหนังมันก็มีวิธีของมันจนได้นั่นแหละ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง ต่อให้ยกกองทัพทั่วโลกมาถล่ม ก็รับประกันได้เลยว่าไม่มีวันเอาชนะมันได้ ไอ้พวกนี้ถ้าได้วางไข่ แล้วถ้าไข่มันฟักตัวเป็นเฟซฮักเกอร์จนมาปล่อยน้ำเชื้อในมนุษย์ได้เมื่อไหร่ ก็เตรียมตัวฉายหนังอวสานวันสิ้นโลกได้เลย”

ยิ่งได้ยินริชาร์ดพูด ผมก็ยิ่งใจไม่ดี พลันนึกถึงตัวเฟซฮักเกอร์ที่เป็นตัวอ่อนของเอเลี่ยนที่ฟักออกมาจากไข่ มีอีกชื่อว่าตัวเกาะหน้า ไอ้ตัวนี้จะจู่โจมโดยการเกาะหน้าเหยื่อแล้วสอดงวงเข้าไปทางปาก ทำให้เหยื่อสลบแล้วปล่อยน้ำเชื้อตัวอ่อนลงไปฝังที่อกของเหยื่อ เสร็จแล้วก็ตาย จากนั้นน้ำเชื้อนั่นก็จะโตเป็นเชื้อตัวอ่อนที่เรียกว่าเชสเบิร์สเตอร์หรือตัวทะลวงอกอีกที

แค่คิดก็สยองแล้ว!

“มีอะไรจะถามอีกมั้ย” ริชาร์ดเรียกสติผมเมื่อเห็นผมเอาแต่พึมพำคนเดียวไม่เลิก

“ไม่” ผมสะดุ้ง ตอบปฏิเสธแทบจะในทันที

“มาแค่มาถามเรื่องนี้เนี่ยนะ แปลกชะมัด” ริชาร์ดพึมพำแล้วส่ายหน้า ก่อนหนีออกไปนอกห้อง

ผมเดินตามกลับไปด้วย พลางมองไปยังคีธที่ยังเอาแต่จ้องจอโทรทัศน์ไม่เลิก ในจอกำลังฉายฉากที่ตัวเชสเบิร์สเตอร์แหกอกผู้ชายคนหนึ่งออกมาพอดี ผมทำหน้าแหยพลัน ขณะที่ริชาร์ดหัวเราะ พร้อมหยิบบุหรี่ตัวใหม่ขึ้นสูบแล้วไปนั่งข้างๆ คีธ

“เป็นไงหนังเรื่องนี้ เจ๋งใช่มั้ยล่ะ ฉันชอบภาคนี้ที่สุดละ ดูยังไงก็ไม่เคยเบื่อ ไอ้ตัวเชสบัสเตอร์นี่เจ๋งเป็นบ้า นายว่ามั้ย”

“ข้าไม่เห็นว่าจะประหลาดตรงไหน เรื่องปกติ” คีธว่าเสียงเรียบ

มันก็ต้องปกติอยู่แล้วสำหรับคนที่มันแหกสะดือชาวบ้านอย่างเอ็งน่ะ!

“นายคงหมายถึงว่ามุขเก่าสินะ” ริชาร์ดไม่สงสัยในคำพูดของคีธสักนิด แถมยังร่ายยาวอีกต่างหาก “แต่ฉันว่ามันเจ๋งว่ะ โดยเฉพาะเวลาเห็นวัฏจักรการเจริญเติบโตของมัน ลองคิดดูนะเว้ย ออกมาจากไข่เป็นตัวเฟซฮักเกอร์ แล้วก็กลายเป็นตัวเชสเบิร์สเตอร์ จากนั้นก็แหกอกออกมาเป็นตัวโตเต็มวัยแบบซีโนมอร์ฟ ไม่ก็เป็นนางพญา บางครั้งก็เป็นไฮบริดเอเลี่ยนลูกผสม เวลากินเหยื่อก็ใช้ลิ้นเจาะทะลวงเฉาะหัวมนุษย์ กินเลือดกินมันสมองไรงี้ เจ๋งจะตาย”

ฟังแล้วผมก็นึกถึงที่ผมถูกคีธดูดสารอาหารจากร่างกาย พลันเสียววาบไปทั้งร่าง

เสียววาบนี่ไม่ใช่ว่าจูบของหมอนั่นชวนสยิวหรืออะไรหรอกนะ แต่เสียวเพราะกลัวหมอนั่นจะเอาลิ้นมาทะลวงขึ้นไปกินสมองผมมากกว่า ตัวบ้าอะไรวะน่ากลัวฉิบ!

“ถึงรูปร่างและการเจริญเติบโตจะไม่เหมือนเสียทีเดียว แต่พวกนั้นเป็นชาติพันธุ์ผู้รุกราน ในจักรวาลไม่มีใครต้อนรับหรือพิสมัยสักเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะพวกชาติพันธุ์ที่อยู่ในกลุ่มฮิวมานอยด์ เพราะเชื่อกันว่าเจ้าพวกนั้นเป็นพวกไร้อารยะ รุกรานไม่เลือกหน้าและเป็นปรสิตชั้นต่ำของอวกาศ ส่วนพวกฮิวมานอยด์ก็มีลักษณะคล้ายกับชาวดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ส่วนมากเป็นพวกรักสันติ บางชาติพันธุ์ก็มีบ้างที่ชอบรุกราน แต่ถือว่าเป็นผู้มาอารยะสูงส่งหากเทียบกับปรสิตอวกาศเหล่านั้นและฮิวมานอยด์อย่างพวกเจ้า” คีธสวนขึ้นมาบ้าง

“ไปเอาข้อมูลพวกนี้มาจากหนังเรื่องไหนเนี่ย ทำไมฉันไม่เคยรู้ว่ามีอะไรแบบนี้ด้วย” ริชาร์ดทำหน้าอึ้งๆ ขณะที่คีธว่าหน้าตาย

“มันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากจินตนาการของพวกเจ้า หากวิวัฒนาการของพวกเจ้าก้าวหน้ากว่านี้ล่ะก็ เจ้าจะได้รู้เองว่าสิ่งที่พวกเจ้าจินตนาการขึ้นมาในสิ่งบันเทิงเหล่านั้นล้วนเป็นเท็จ”

สีหน้าของริชาร์ดดูงุนงงไปชั่วขณะ จนผมต้องโพล่งออกมา

“หมอนั่นแต่งขึ้นมาเอง”

ริชาร์ดคลายหัวคิ้วที่ย่นกลางหน้าผาก ก่อนจะตบบ่าแกร่งของคีธเต็มแรง

“เฮ้ยเจ๋งว่ะ มาเป็นนักเขียนบทได้สบายๆ เลยนะเนี่ย ยืมไอเดียนายมาใส่ในหนังสั้นของฉันหน่อยได้มั้ย ฉันกำลังทำหนังเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวอยู่พอดี”

คีธทำเพียงพยักหน้า มีแต่ผมเท่านั้นแหละที่ลอบเบ้ปาก

เหอะ... ยืมไอเดียเหรอ ถ้าอยากจะให้มีฉากแหกสะดือสุดสะพรึงล่ะก็เอาเลย

หลังจากนั้น ริชาร์ดก็ชวนคีธคุยเรื่องนี้อยู่อีกครู่ใหญ่ ส่วนใหญ่มีแต่ริชาร์ดที่ถามโน่นนี่ไปตามประสาคนคลั่งหนังเอเลี่ยน กระทั่งเวลาล่วงเลยไปช่วงบ่าย บทสนทนานั่นจึงมีทีท่าว่าจะจบลงสักที

“นายนี่มันไอเดียสุดยอด โคตรชอบเลยว่ะ แต่ฉันว่าฉันจะไม่ให้นายมาเขียนบทให้ละ ฉันจะเขียนเองนี่แหละแต่ยืมไอเดียนายมาปรับหน่อย จะให้นายเปลี่ยนมาแสดงเป็นตัวเอกแทน”

ผมหูผึ่งพลัน จากที่นั่งแกร่วเป็นส่วนเกินอยู่ก็รีบพุ่งเข้าไปหาทั้งคู่ทันที

“จะให้หมอนี่มาเป็นนักแสดงให้นายเนี่ยนะ”

“ก็ใช่น่ะสิ คีธออกจะหล่อ แถมยังมีบุคลิกเข้ากับตัวละครหลักของฉันด้วย ให้มาแคสติ้งเป็นนักแสดงดีกว่า ทำงานเบื้องหลังน่าเสียดายจะตาย นายว่าไงล่ะคีธ สนใจมั้ย ถ้าดังขึ้นมานี่ สาวเพียบเลยนะเว้ย” ริชาร์ดหันมาบอกผม

ผมมุ่ยหน้า สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความยุ่งยากขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบปฏิเสธโดยไม่รอให้คีธตอบ

“ไม่ล่ะ หมอนี่ไม่สนใจหรอก”

“ดักคออย่างนี้แสดงว่าหวงล่ะสิ กลัวสาวๆ จะตามเกาะแกะคู่ขาหรือไง” ริชาร์ดว่าหน้าทะเล้น

ขมับผมกระตุกยิกทันใด “ไม่ได้กลัวเว้ย!”

“ไม่ได้กลัวก็ไม่เห็นต้องหวง” หมอนั่นยักไหล่ วางท่าราวกับอยู่เหนือกว่าผม

เห็นแล้วก็หงุดหงิดชะมัด งั้นก็ช่างแม่ง! ดีเหมือนกัน เผื่อไอ้มนุษย์ดาวโฮโมฯ นี่อยากจะวางไข่ใส่คนอื่น ผมจะได้รอดจากการเป็นร่างกาฝากให้หมอนี่สักที

“แล้วนายล่ะว่าไง สนใจมาแคสติ้งนักแสดงกับฉันมั้ย หนังฉันเป็นแนวโรแมนติก-ไซไฟ เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวที่ตกหลุมรักมนุษย์โลกน่ะ” ริชาร์ดให้ความสนใจไปที่คีธอีกครั้ง

“ไม่มีปัญหา ข้าเองก็อยากเรียนรู้อารยธรรมของชาวโลกเหมือนกัน” แล้วคีธก็ตอบรับไปหน้าตาย

“ดีเลย แคสฯ ให้ผ่านนะเพื่อน บทพระเอกเรื่องเจ้าชายต่างดาวจะได้อยู่ในมือนาย” ไอ้เพื่อนตัวดีหัวเราะร่วน

ผมเบ้ปากเมื่อได้ยินชื่อหนังสั้นของหมอนั่น หนังบ้าบอคอแตกอะไรของมัน ชื่อโคตรจะไม่เมกเซ้นส์ แถมพล็อตคร่าวๆ ยังไม่ต่างจากหนังเกรดบี ไม่สิ... เกรดดี เกรดอี ยันแซดเลยดีกว่า พล็อตอย่างเกร่อ

“จะว่าไปนี่ก็เลยเที่ยงมาแล้วนี่หว่า หิวกันหรือยังล่ะพวกนาย” ริชาร์ดเปลี่ยนเรื่องให้ผมเบนความสนใจไปที่มันอีกครั้ง

“ไม่ล่ะ เดี๋ยวฉันกลับไปกินที่ห้อง” ผมรีบตัดบทเพราะเห็นว่าอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว ที่สำคัญ ถ้าเกิดคีธตอบว่าหิวขึ้นมา ผมนี่แหละจะซวยเอา

ทว่าพอผมทำท่าจะลากคีธออกจากห้อง ริชาร์ดก็พุ่งตัวมาขวางเอาไว้

“เฮ้ย กลับอะไร อุตส่าห์พาว่าที่พระเอกมาหาฉันถึงที่ทั้งที ให้ฉันเลี้ยงหน่อยเหอะ เอาเบอร์เกอร์แล้วกันเนอะ ง่ายๆ”

“ไม่เอา” ผมปฏิเสธแทบจะในวินาทีนั้น แต่ไอ้เพื่อนเวรนี่ไม่สน นอกจากจุดบุหรี่ตัวใหม่ขึ้นสูบ

“เอาน่า เดี๋ยวมื้อเย็นค่อยกลับไปกินที่ห้อง พวกนายมาตั้งแต่เช้าแล้วนี่ คีธน่าจะหิวแล้วมั้งฉันว่า” ว่าพลางพยักปลายคางไปยังไอ้หน้าตายที่นั่งมองอยู่

“อืม ข้าหิวแล้ว” แถมมันก็ยังตอบรับหน้าด้านๆ อีกด้วย

“เห็นมะ บอกแล้วว่าต้องหิว รอแป๊บนึงแล้วกัน เดี๋ยวฉันไปซื้อมาให้”

“เฮ้ยเดี๋ยว!” ผมรีบร้องเรียกมันไว้ก่อนที่มันจะออกไปนอกห้อง

แต่ก็ไม่ทันแล้ว ริชาร์ดหายวับไปนอกห้องราวกับติดจรวด ทิ้งให้ผมยืนค้างเป็นหุ่น ก่อนจะเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทั้งตัวเมื่อได้ยินเสียงเรียบๆ ดังมาจากทางด้านหลัง

“ข้าหิวแล้ว”

นั่นไง! มันเอาแล้ว!

“กะ...กลับไปกินที่ห้องฉัน” ผมรีบหันไปบอกอย่างลวกๆ แต่เหมือนคีธจะไม่เข้าใจ

“รอไม่ได้ หากหิวแล้วข้าต้องกินเลย ไม่เช่นนั้นอวัยวะภายในของข้าจะบาดเจ็บ”

“รอไม่ได้ก็ไม่ต้องกินโว้ย มากินในห้องเพื่อนฉันอย่างนี้ไม่ได้ เดี๋ยวมันโผล่เข้ามาเห็นก็ได้เข้าใจผิดตาย!” ผมโวยลั่น แน่ล่ะ ที่ผมไม่ยอมไม่ใช่เพราะไม่อยากจะจูบกับมันเพียงอย่างเดียว แต่กลัวว่าไอ้ริชาร์ดจะกลับมาเห็นแล้วล้อผมว่าเป็นโฮโมฯ ไม่เลิกด้วย

แต่ก็อย่างว่า ภาษามนุษย์จะไปทำให้ไอ้มนุษย์ต่างดาวกาฝากนี่เข้าใจลึกซึ้งได้ยังไง พอบอกว่าไม่ หมอนี่คงจะได้ยินว่าใช่ ลุกจากโซฟาเดินเข้ามาหาผมให้ผมถอยกรูดไปจนแผ่นหลังติดกับประตู

“เช่นนั้นข้าจะรีบกินก่อนที่สหายเจ้าจะกลับมาแล้วกัน”

สิ้นเสียง มือใหญ่ก็คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนทั้งสองข้างของผมทันใด ผมเบิกตาโพลง ยกขาถีบมันที่กำลังจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้เป็นพัลวัน

“ปล่อยนะเว้ย! บอกให้กลับไปกินที่ห้องไม่เข้าใจหรือไง!”

ถีบอย่างเดียวไม่พอ ยังดีดดิ้นเต็มแรงอีกด้วย แต่ไอ้ถึกนี่ไม่สะทกสะท้านกับแรงดิ้นของผมเลยสักนิด แถมยังจับผมแน่นกว่าเดิมจนผมแทบยกแขนตัวเองไม่ขึ้น

“ไม่เกินห้านาที เดี๋ยวก็เสร็จ”

ยัง... มันยังมีหน้ามาต่อรองหน้าด้านๆ

“ห้านาทีก็ไม่ได้! ปล่อย! ได้ยินมั้ยบอกว่าให้ปล่อยเนี่ย!” ผมรวบรวมแรงที่มีอยู่ทั้งหมดดิ้นหนีจากการเกาะกุมอีกครั้ง

เรียวคิ้วสวยของคีธย่นลงเล็กน้อยที่เห็นผมสะบัดสะบิ้งไปมาไม่ยอมให้สูบสารอาหารง่ายๆ ก่อนที่หมอนั่นจะออกแรงยกผมในสภาพที่ยังจับต้นแขนทั้งสองข้างของผมอยู่ ผมลอยหวือไปพร้อมกับสีหน้าเหวอๆ และยิ่งเหวอหนักเมื่อหมอนั่นจับผมเอนนอนลงบนโซฟา แล้วขึ้นมาโถมร่างทับตัวผมไว้ไม่ให้ดิ้น

“ครู่เดียวเท่านั้น ข้าจะรีบกิน” คีธว่าเสียงเบาพลางโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ผมจนแทบชิด

ลมหายใจอุ่นๆ ที่โลมเลียใบหน้าทำเอาผมพรึงเพริดยิ่งกว่าเดิม แต่ถึงจะดิ้นแรงแค่ไหน ตอนนี้ก็หนีไม่ได้อีกแล้ว อย่าลืมสิว่าหมอนี่มีพละกำลังมากกว่ามนุษย์โลกนะ แถมยังตัวใหญ่กว่า ใครจะไปสู้มันได้

“ไม่เอา!” ผมเลยได้แต่ร้องโวยวายเท่านั้น

ทว่าคีธไม่สนใจอะไรแล้ว เลื่อนริมฝีปากหยักเข้ามาใกล้ ก่อนจะวางนาบลงบนเรียวปาก ผมเม้มปากแน่นแต่ก็ไม่อาจสู้แรงของลิ้นอ่อนนุ่มที่ทะลวงเข้ามาชิมรสหวานในโพรงปากผมได้

นะ...นี่มันขืนใจกันชัดๆ เลยนี่หว่า! ทุเรศเอ๊ย! ทำไมผมต้องมาโดนมนุษย์ต่างดาวขืนใจสูบสารอาหารด้วยวะ!

ผมก็ใช่ว่าจะยอมง่ายๆ ถึงจะรู้ว่าสู้ไม่ได้แต่ก็ยังสู้ ดิ้นหนีจนเสื้อผ้าเริ่มหลุดลุ่ย ขณะที่เรี่ยวแรงเริ่มถดถอยไปทีละน้อย ความวิงเวียนถาโถมเข้ามาจนผมไม่อาจดิ้นหนีอีกต่อไปได้ ผมเลยยอมอยู่นิ่งๆ ให้หมอนี่ดูดกินสารอาหารเร็วๆ จะได้หลุดจากสภาพน่าอดสูนี่เสียที ผมล่ะกลัวไอ้ริชาร์ดกลับมาเห็นจะแย่อยู่แล้ว

ทว่าพระเจ้าคงจะชิงชังผมมาก เพราะไม่ทันที่คีธจะปฏิบัติภารกิจเสร็จ เสียงประตูห้องก็ถูกเปิดออก ตามมาด้วยเสียงของริชาร์ดที่โพล่งเข้ามา

“ลืมกระเป๋าตังค์ว่ะ นายจะฝากซื้ออะไรเพิ่มมั้ยเค...วิน...”

ฉิบหาย!

ผมลืมตาโพลง คีธเองก็ละริมฝีปากออกจากผมเหมือนกัน เราทั้งคู่หันไปมองริชาร์ดด้วยความรู้สึกคนละแบบ แน่นอนว่าไอ้เวรที่คร่อมตัวผมอยู่ยังคงทำหน้าตายเหมือนเดิม ขณะที่ผมทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ส่วนริชาร์ดก็เหวอไปสามโลกแปดโลกที่จู่ๆ ก็เปิดประตูห้องตัวเองเข้ามาเจอเพื่อนกำลังถูกผู้ชายอีกคนลวนลามอยู่

“มะ...ไม่ใช่อย่างที่เห็นนะ” พอได้สติ ผมก็รีบอ้าปากแก้ตัว

ริชาร์ดปิดประตูห้องลง รีบปรับสีหน้าตกใจให้นิ่งเรียบและไม่พูดอะไร นอกจากเดินไปที่ห้องนอนแล้วกลับออกมาพร้อมกับกล่องขนาดเท่าฝ่ามือ ก่อนจะโยนมาใส่ผมกับคีธ

“ใช้ไปก่อน เดี๋ยวฉันไปซื้อใหม่”

ผมปรายตามองกล่องสี่เหลี่ยมคุ้นตาที่ถูกโยนมาบนพื้นข้างโซฟาด้วยตาที่เบิกโต

ถะ...ถุงยางอนามัย! มันเข้าใจผิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย!

“ริชาร์ด มันไม่ใช่...” ผมอ้าปากจะแก้ตัวอีกรอบ

แต่ก็ไม่ทันอีกเช่นกัน เพราะริชาร์ดสวนขึ้นมาก่อน

“อีกสองชั่วโมงจะกลับมา จัดการให้เสร็จล่ะ” แล้วมันก็ออกจากห้องไป

ออกไปแล้วยังจะเปิดกลับเข้ามา ล็อคประตูที่ลูกบิดให้ก่อนจะหายออกไปอีกรอบอีก

คุณพระ! นี่ผมกลายเป็นโฮโมฯ จริงๆ ในสายตาเพื่อนไปเรียบร้อยแล้ว!

จะมีก็แต่คีธนี่แหละที่ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง พอเห็นริชาร์ดหายออกไป ก็ก้มหน้ามามองผมอีกครั้ง

“สหายเจ้าคงอยากจะกินอาหารข้างนอก งั้นข้าคงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนกระมัง”

กินอาหารข้างนอกบ้านเตี่ยมึง! มันคิดว่าเรากำลังจะฟันดาบกันโว้ย! มันเอาสมองส่วนไหนคิดวะเนี่ย!

ผมทำท่าจะปฏิเสธ ไม่ยอมให้คีธได้ทำตามใจอีก แต่ก็อย่างที่บอกแหละว่ามันก็เท่านั้น พอพูดจบ หมอนั่นก็ทิ้งตัวลงมาจูบผมอีก... ไม่สิ สูบเถอะ สูบจนแม่งจะกรอบไปทั้งตัวแล้วเนี่ย!

ชีวิตจะบัดซบเกินไปแล้ว!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel