บท
ตั้งค่า

Episode 02: The host【2】

“แล้วร่างเก่าของนาย...?” ผมถามเมื่อนึกถึงร่างไร้ลมหายใจของเขาขึ้นมาได้

“ย่อยสลายไปแล้ว หลังจากวางไข่ก็จะย่อยสลายไปในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง” หมอนั่นตอบเรียบๆ

ถึงตอนนี้ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมถึงไม่มีใครมาเห็นร่างไร้วิญญาณของมัน ถ้ารู้อย่างนี้ตั้งแต่แรก ผมคงไม่มานั่งกังวลเป็นบ้าเป็นหลังอย่างนี้ทั้งวันหรอก บัดซบเอ๊ย!

“แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ให้นายมาวางไข่ใส่ฉันอีกไม่ได้ นายจะเป็นจะตายมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉัน ไสหัวไปได้แล้ว” สุดท้าย ผมก็วกกลับมาเข้าเรื่องอีกครั้งพลันโบกมือไล่อย่างกับหมูกับหมา

แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าหมอนี่มันหน้าด้านจะตาย ปฏิเสธหน้ามึน ทำเอาเส้นความอดทนข้างขมัยผมเต้นกระตุกยิกๆ

“ไปไม่ได้ บอกแล้วว่าข้าจะเปิดเผยตัวตนกับมนุษย์โลกมากเกินไปไม่ได้ มันอันตรายต่อข้า”

“แล้วมาวางไข่ใส่ฉันมันไม่อันตรายหรือไงวะ!” ผมแผดเสียง ชักจะหัวเสียมากขึ้นเมื่อหมอนี่ไม่ยอมฟังอะไรเลย แล้วก็เปลี่ยนเป็นใจหายวาบทันทีที่ถูกขู่

“มันจะอันตรายเมื่อเจ้าไม่ให้ข้าพึ่งพา เพราะข้าจะฆ่าเจ้าทิ้ง รู้ตัวตนของข้าแล้วไม่อาจปล่อยไปได้”

ผมกลืนน้ำลายเอื้อก โดนมันวางไข่ แถมคลอดมันออกมายังไม่พอ ยังโดนขู่ฆ่าด้วย!

สีหน้าหมอนั่นบอกชัดเจนว่าไม่ได้พูดเล่น คิดถึงตอนเห็นหมอนั่นบีบนาฬิกาแหลกคามือแล้ว ผมก็กลัวตายขึ้นมาฉับพลัน และด้วยความกลัวตาย ผมจึงหลุดปากตอบตกลงโดยแทบไม่ทันคิด

“กะ...ก็ได้ แต่อยู่ด้วยกันจะต้องทำตามกฎกติกาของฉันเข้าใจมั้ย”

“ไม่มีปัญหากับข้อเสนอ ขอเพียงอย่างเดียว ขอให้ข้าได้วางไข่เจ้าอาทิตย์ละครั้งก็พอ”

ผมก็ตั้งใจจะบอกว่ากติกาของการอยู่ร่วมกันคือห้ามวางไข่นี่แหละ แต่มันดันชิงพูดออกมาเสียก่อน

“ถ้าสมมตินะ สมมติว่าฉันไม่ยอมให้นายวางไข่ล่ะ” ผมลองแย็บถามเผื่อว่าจะหาทางหนีทีรอดได้

ก็ใครมันจะไปยอมให้หมอนี่ผุดออกจากสะดือเป็นครั้งที่สองกันล่ะ ฝันไปเลย!

“ถ้าไม่ให้ข้าวางไข่ ข้าก็จะตาย บอกไปแล้ว จำไม่ได้รึ”

“อ้อ...” ผมแกล้งลากเสียงยาว ในหัวมีความคิดดีๆ แวบขึ้นมา

ความจริงหนทางกำจัดหมอนี่ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเท่าไหร่แฮะ แค่ตอนที่หมอนี่จะวางไข่ ผมก็แกล้งออกจากบ้านแล้วขังหมอนี่ไว้ในบ้านทั้งวัน พอหมอนี่ไม่ได้วางไข่ก็ตาย แค่นั้นผมก็จะเป็นอิสระ

“แต่ถ้าเจ้ามีแผนหนียามข้าต้องวางไข่ล่ะก็ ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าข้าจำกลิ่นกายของเจ้าได้ ประสาทสัมผัสของชาวยูนิกมาดีกว่าชาวดาวเคราะห์สีน้ำเงินหลายเท่านัก ต่อให้เจ้าหนีไปสุดหล้าอวกาศ ข้าก็ตามเจ้าเจอ” แล้วมันก็พูดดักคอผมขึ้นมาอีก

ผมบุ้ยปากด่ามันพึมพำทันใด

หน็อย... ดันมารู้ทันเสียได้ งั้นเอาเป็นว่าไม่ยอมให้มันวางไข่ก็แล้วกัน

“และถ้าเจ้าไม่ให้ข้าวางไข่ล่ะก็ ข้าก็จะขืนใจเจ้า” สุดท้ายก็รู้ทันผมอีกอยู่ดี

และคำพูดของหมอนี่ก็ทำให้ผมหันไปมองหน้าหล่อนั่นแบบเหวอๆ

ขืนใจวางไข่นี่มันพิลึกเกินไปแล้ว!

“เออๆ เอาเป็นว่าฉันให้นายอยู่ด้วยก็แล้วกัน เรื่องกฎกติกาอะไรนี่เดี๋ยวฉันคิดได้แล้วจะบอกนายอีกที” ผมตัดบทเอาดื้อๆ ก่อนที่ประสาทจะเสียไปมากกว่านี้ พลันยื่นมือไปให้จับทักทาย

ตอนนี้ยังหาทางหนีมันไม่พ้น ก็ผูกมิตรไปก่อนจะดีกว่า

“ฉันชื่อกวินทร์ จะเรียกเควินก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จัก”

หมอนั่นหยักยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ยอมรับเลยว่าใบหน้าที่แต้มรอยยิ้มนั่นดูดีเป็นบ้า และมันก็เกือบทำให้ผมเป็นบ้าที่พอผมยื่นมือไปให้หมอนั่นจับ หมอนั่นก็คว้ามือผมไปดูดนิ้วชี้ดังจ๊วบ

“ข้าชื่อคีทาเย ซาเคมอร์ฟ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”

ทักทายบ้านมึงเค้าทำกันแบบนี้เหรอวะ!

ผมรีบดึงมือกลับมา เช็ดน้ำลายหมอนั่นกับขากางเกงเป็นวรรคเป็นเวร

ให้ตายเถอะ ขยะแขยงเป็นบ้า ทำไมผมต้องมาเจอตัวประหลาดอะไรแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้!

แต่สุดท้ายก็ได้แค่บ่นในใจเท่านั้น เพราะหลังจากทำความทักทายกันและกันเสร็จ ผมก็มาจัดการหาเสื้อผ้าให้หมอนั่นใส่เป็นที่เรียบร้อย ไม่ต้องถามเลยว่าหมอนั่นใส่เสื้อผ้าผมได้มั้ย

มันก็ต้องไม่ได้อยู่แล้ว รัดปลิ้นไปทุกสัดส่วนตั้งแต่ลิ้นปี่ถึงคอหอยอย่างนั้นไม่เรียกว่าใส่ได้หรอก! ตัวจะใหญ่ไปไหนก็ไม่รู้!

“ฉันว่าเสื้อนั่นไม่พอดีตัวนายเลยแฮะ” ผมชี้นิ้วไปทางเขาหลังจากเอาเสื้อยืดตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมมีให้ใส่ จากเสื้อที่หลวมโพรกสำหรับผม พออยู่บนตัวมันกลับกลายเป็นเสื้อเอวรัดรูปกึ่งเอวลอย มองยังไงก็เหมือนพวกตุ๊ดแก่ในบาร์เกย์ชัดๆ

“ข้าก็ว่าเช่นนั้น” หมอนั่นเห็นด้วยเมื่อพยายามดึงชายเสื้อลงมาคลุมหน้าท้องเต็มไปด้วยลอนกล้ามของตัวเองแต่ก็ไม่เป็นผล

“งั้นก็ใส่แค่บ็อกเซอร์ไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันหาเสื้อผ้าให้ใหม่”

พอผมพูดอย่างนี้ หมอนั่นก็ถอดเสื้อยืดทิ้งลงพื้น เหลือแต่บ็อกเซอร์เอวย้วยๆ ที่มัดด้วยยางรัดผมข้างเอวเดินร่อนไปร่อนมาทั่วห้องสำรวจโน่นนี่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่มันจะหันมาหาผม

“ข้าหิวแล้ว”

ผมถอนหายใจพรืดเต็มแรง เหนื่อยใจกับมันฉิบ ไม่รู้ทำไมผมจะต้องมาทำหน้าที่แม่ให้หมอนี่ด้วยก็ไม่รู้ โดนวางไข่ไม่รู้ตัวแล้วคลอดมันออกมา ไม่ได้หมายความว่าจะยอมเป็นแม่ให้ด้วยนะโว้ย!

“หิวก็ไปหาอะไรกินเองในตู้เย็นโน่น ฉันไม่ใช่แม่นายนะถึงต้องมาตามกวาดตามเช็ดงกๆ” ผมโพล่งไปแทบจะในวินาทีนั้น

หมอนั่นย่นคิ้วเล็กน้อย “ข้าก็ไม่ได้บอกว่าเจ้าเป็นแม่ข้า คลอดโดยการฝากไข่เพื่อสร้างร่างใหม่ ชาวยูนิกมาจะเรียกเจ้าว่าโฮสท์ หากเจ้าถูกวางไข่ที่ผ่านการปฏิสนธิกับน้ำเชื้อแล้ว นั่นถึงจะกลายเป็นแม่พันธุ์เต็มตัว”

ผมจินตนาการภาพตาม... แค่วางไข่ธรรมดาๆ ยังใช้วิธีการป้อนทางปาก แล้วถ้าผสมกับน้ำเชื้อ วิธีการวางไข่ก็ต้องป้อนทางปากอีกเหมือนกันใช่มั้ย? คิดแล้วก็คลื่นไส้ฉิบเป๋ง

“เออ จะเรียกอะไรก็เอาเถอะ เอาเป็นว่าของกินอยู่ในตู้เย็น หากินเองก็แล้วกัน” ผมบอกปัด

แต่หมอนั่นกลับไม่เดินไปที่ตู้เย็นในครัว เดินเข้ามาหาผมที่กำลังรวบผมยาวระต้นคอของตัวเองขึ้นเป็นมวยแทน

“เดินมาทำไม อย่าบอกนะว่าไม่รู้จักตู้เย็น” ผมรีบพูดขึ้นก่อนที่หมอนั่นจะเข้ามาใกล้กว่านี้ แต่ไม่ทันแล้ว หมอนั่นมาหยุดยืนตรงหน้าผมเป็นที่เรียบร้อย

“ข้าไม่กินอาหารมนุษย์”

“แล้วจะกินอะไร อาหารหมา?” ผมพ่นคำพูดไปอย่างรำคาญ

“ข้ากินสารอาหารจากโฮสท์” ไอ้คนที่ชื่ออะไรเยๆ ว่า

ผมย่นคิ้วยู่ แล้วยื่นนิ้วชี้ให้มัน “เอ้า ดูดซะ”

หมอนั่นมองหน้าผมงงๆ ไปครู่หนึ่ง

เอ้า! ผิดอะไรล่ะ ก็ตอนที่หมอนี่ให้สารอาหารผม ยังให้ผ่านปลายนิ้วชี้เลยนี่ ตอนกินสารอาหารจากผมก็น่าจะดูดจากทางนี้เหมือนกันนี่หว่า

“สรีระของมนุษย์โลกไม่สามารถหลั่งสารอาหารได้ทางนี้” ในที่สุด เขาก็พูดออกมา

“แล้วจะกินทางไหนฮะ” ผมชักจะหัวเสีย มองหน้าอย่างเอาเรื่อง ก่อนหมอนั่นจะยกมือขึ้นมาประคองใบหน้าผมแล้วดึงเข้าไปใกล้เสียจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ

“ทางนี้” ว่าจบแล้วก็ประกบจูบลงมาทันใด

ผมเบิกตาโพลงเมื่อจู่ๆ ก็ถูกขโมยจูบอย่างไม่ทันตั้งตัว ไม่สิ... นี่ไม่เรียกว่าจูบ เรียกว่าสูบเหอะ! แถมจูบอย่างเดียวไม่พอด้วยนะ ยังดันลิ้นนุ่มเข้ามาในโพรงปากผมอีก ตวัดกลืนกินบางสิ่งในปากผมอย่างคล่องแคล่วจนเพลย์บอยอย่างผมอยากจะชูฮกเลยว่าหมอนี่จูบเก่งเป็นบ้าถ้าไม่ติดว่าผมเป็นผู้ชาย และมันก็เป็นผู้ชาย ที่สำคัญ มันกำลังกินสารอาหารจากร่างกายผมอย่างนี้เนี่ย!

ผมดิ้นขลุกขลัก พยายามหนีออกจากการเกาะกุม แต่ก็สู้แรงจากหมอนี่ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เหมือนกับว่ายิ่งดิ้น เรี่ยวแรงก็หดหาย ซ้ำยังถูกหมอนั่นจูบหนักหน่วงขึ้นอีกด้วย เนิ่นนานทีเดียวที่หมอนั่นจูบผมอย่างดูดดื่ม กว่าจะผละออกมาได้ ผมเล่นเอาผมอ่อนปวกเปียก ไร้เรี่ยวแรงไปทั้งร่าง พอเป็นอิสระ ผมก็เซไปเกาะโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ รอให้อาการวิงเวียนเล็กๆ ที่เกิดขึ้นมาฉับพลันหายไป

หากแต่หมอนั่นเห็นผมเซแท่ดๆ แล้วก็ยังยืนเฉย แถมยังว่าออกมาหน้าตาเฉยอีกต่างหาก

“เดี๋ยวก็หาย เวียนหัวเป็นเรื่องปกติ”

ยังมีหน้ามาพูด! ดูดขนาดนี้ ดูดหัวเข้าไปเลยเถอะพับผ่าเอ๊ย!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel