ใบผัก | อีเย็น นางทาส
ฉันกลับถึงคอนโดก็โยนกุญแจรถที่จอดทิ้งไว้ให้นานะไปขับกลับ จากนั้นเช็คเสื้อผ้าเครื่องสำอางในกระเป๋าเดินทางที่เพื่อนสนิทหอบมาใส่ไว้ให้
จนนานะมันมายืนกอดอกมองฉัน แล้วถอนหายใจ
“เฮ้อ! กัปตันเจ้านายแกเนี่ยเอาเรื่องเหมือนกันนะ วันแรกก็เล่นงานแกหนักแล้ว”
“เออ ไม่รู้โกรธแค้นอะไรฉันว่ะ ตัวฉันก็ได้ งานฉันก็ทำให้ ถ้าจะแค้นที่
ฉันตบ เรื่องนั้นมันก็สมควรตบมั้ยวะ”
“เฮ้อ...” นานะถอนหายใจอีกรอบ แล้วมันก็นั่งลงยอง ๆ ช่วยฉันจัดของใส่กระเป๋าต่อ
“แค่นี้ก็ดูออกแล้วว่าเขาเป็นคนนิสัยไม่ดี ไม่ก็ขาดความอบอุ่นพ่อแม่
ไม่รัก” ฉันยังบ่นให้เพื่อนฟังอุบอิบ
“แกพูดอย่างกับรู้จักเขาดี ว่าแต่สัญญาจ้างแกกี่เดือนอ่ะ?”
“หกเดือน แต่แกไม่ต้องห่วง ฉันจะทำให้เขายกเลิกสัญญาก่อนแน่นอน” นานะหันมาขมวดคิ้วใส่
“ยังไงวะ? ฉันก็เห็นแกทำตามใจกัปตันทุกอย่างเลย รวมถึงนี่ด้วย
รีบกลับมาเก็บกระเป๋าจะบินไปกับเขา” สองมือฉันชะงักทันที ก่อนที่จะก้มมองเสื้อผ้าที่ถูกยัดใส่กระเป๋าเดินทาง
ก็ฉันแค่ทำตามหน้าที่ให้เขาตายใจไง! ไอ้นานะมันไม่เข้าใจแผนเลย
“เอาน่า ฉันรอจังหวะอยู่ ฉันไปแล้วนะแกเดี๋ยวต้องไปขับรถให้อิตานั่นอีก”
“เออ ๆ แต่กระเป๋าใบใหญ่ขนาดนี้แกนั่งแท็กซี่ดีกว่ามั้ย? ฉันเรียกให้”
“อืมคงงั้นแหละ ขอบใจว่ะ”
แล้วฉันกับนานะก็หิ้วกระเป๋าลงมารอแท็กซี่ที่ล็อบบี้คอนโด ก่อนที่ฉันจะได้รถแล้วบอกกับพี่โชเฟอร์ ให้หาทางลัดไปที่คอนโดกัปตันโซลเร็วที่สุด
แต่ขณะที่ฉันนั่งลุ้นดูนาฬิกาข้อมือที่เบาะหลังสลับกับถนน เสียงของนรกก็เรียกหาฉัน
‘ครืน…’
Line | Capt. SEOUL ได้เพิ่มคุณเป็นเพื่อนจากหมายเลขโทรศัพท์
ฉันหยิบมือถือขึ้นมาใจเต้นรัวราวกับกลองมโหรี แต่ก่อนที่จะเก็บมันใส่กระเป๋าเสื้อสูทตามเดิม เสียงสั่น ‘ครืน…’ ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
[Capt. SEOUL: หิว]
หา? อย่านะเว้ยอีกัปตัน
[Capt. SEOUL: แวะภัตตาคารมังกร ซื้อเป็ดปักกิ่งมาให้ฉันหนึ่งชุด]
ฉันฟาดเพียะ! ที่หน้าผากตัวเองด้วยความหงุดหงิด ให้เวลาฉันสี่สิบนาทีแต่สั่งนู้นสั่งนี่ เห็นฉันเป็นเดอะแฟลชหรือยังไงวะ อีกอย่างภัตตาคารมังกรบ้านั่นมนุษย์เป็นล้าน เวลาแค่นี้มันไม่พอโว้ย ฉันจึงกัดฟันตอบไปว่า...
[BAIPAK: ถ้าจะกินร้านนั้น คุณต้องให้เวลาฉันสองชั่วโมง]
[Capt. SEOUL: เวลามันเป็นเรื่องที่เธอต้องจัดการเอง ไปซื้อมาให้ฉัน นี่คือคำสั่ง]
ฉันอยากจะยื่นมือไปบีบคออีกัปตันนั่นให้ตาย แล้วยัดก้อนขี้หมาแห้งใส่ไว้ในปากเขาจริง ๆ เขาทำให้ฉันกลายเป็นคนประสาทกินไปแล้ว
แต่ฉันไม่ตอบและรับปากเขาหรอกนะคะ เพราะถ้าฉันทำไม่ได้มันจะกลายเป็นผิดคำพูดเอา จึงให้พี่คนขับบึ่งไปที่คอนโดเขา ถ้าอยากซื้ออยากกินก็ไปรอด้วยกันนี่แหละ จะได้รู้ซึ้งบ้าง
จนมาถึงคอนโด อีคุณชายกัปตันก็ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงรอที่ล็อบบี้ด้วยสีหน้าเหมือนคนไม่ได้ขี้มาสิบวัน และสองมือที่ล้วงกระเป๋ากางเกงนั้น ก็เก๊กประหนึ่งตัวเองเป็นนายแบบ
“เป็ดปักกิ่งฉันอยู่ไหน?” พอฉันมาถึงก็ถามหาของกิน นี่ถ้าเป็นคุณวาเลนคงถามว่าฉันเหนื่อยมั้ย
ฮือ พูดแล้วคิดถึงเจ้านายเก่าจัง...
“อยู่ที่ร้าน อยากกินก็ไปซื้อเอง” ฉันตอบแล้วลากกระเป๋าเดินทางต่อ
แต่กัปตันโซลกลับจิ๊ปากและเดินมุ่งมาชี้หน้าฉันอย่างรวดเร็ว
“เธออยากลองดีกับฉันใช่มั้ย?”
ลองดี? เหอะ ๆ อิตาบ้านี่งี่เง่าฉิบหาย ฉันจึงเงยขึ้นมองปลายนิ้วชี้นั้นอย่างท้าทาย อยากจะรู้เหมือนกันว่านางจะแน่สักแค่ไหนเชียว
“เป็นถึงกัปตันหัดดูเวลาซะบ้าง ให้มาสี่สิบนาทีแค่นี้หมาที่ไหนมันจะไปนั่งรอคิวทัน!” เท่านั้นแหละนิ้วชี้นั่นก็จิ้มจึก! มาที่หน้าผากฉันทันที
“หมาอย่างเธอไง”
“กัปตันโซล มันชักจะมากเกินไปแล้วนะเว้ย!”
“ทำไมวะ? เธอถูกจ้างให้มาดูแลและจับตาดูฉัน แค่นี้ทำไม่ได้รึไงกระจอก”
กระจอกพ่อง! โว๊ย! หงุดหงิด!
ฉันทำได้แค่ด่าและโวยวายในใจเท่านั้นแหละค่ะ เพราะอิตาบ้านั่นล้วงกระเป๋ากางเกงเดินเก๊ก ๆ ไปที่ประตูฝั่งลานจอดรถแล้ว
ส่วนกระเป๋านักบินที่ Carry On และกระเป๋าเสื้อผ้าของนาง เหอะ! นางก็ทิ้งไว้ให้อีใบผักที่หัวยุ่งระเห็จลากไปขึ้นรถคนเดียว
แม่ง ชาติที่แล้วกูคงเป็นอีเย็นสินะ ถึงได้ต่ำต้อยบุญน้อยแบบนี้
“ขับดี ๆ ล่ะ ฉันจะงีบ”
เขาบอกมาจากเบาะด้านหลัง แล้วยกมือกอดอกหลับตาลงทันที
“เดี๋ยว คุณจะไปซื้อเป็ดปักกิ่งร้านภัตตาคารมังกรรึเปล่า?”
“หัดดูเวลา นี่กี่โมงกี่ยามแล้ว ช้าเพราะเธอจริง ๆ”
ฉันเหรอ? ไม่ใช่ฉันเลยค่ะ ทำไมต้องมาโบ้ยด้วย แหมทีตอนตัวเองสั่ง
ฉอด ๆ ให้ไปซื้อนู่นทำนี่ ไม่เอารอยหยักในสมองคิดบ้าง
อย่าให้ต้องด่านะ ยิ่งด่าคนไม่เป็น
ฉันขับรถไปทำปากยุบยิบไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะเงยขึ้นมองคนเบาะหลังเป็นระยะ กัปตันหนุ่มผู้ปากหมาหลับน่าเอ็นดูมาก เขาสัปหงกหัวจะทิ่มอยู่หลายครั้ง
เอ... หรือว่าฉันควรใช้โอกาสนี้แก้แค้น?
แบบนี้ต้องเบรกหัวทิ่ม!
‘กึก’
‘เอี๊ยด’
“เฮ้ย!”
ผลลัพธ์ดีเกินคาด! กัปตันโซลที่กำลังคล้อยหลับ หัวคะมำมาถึงช่องคอนโซลกลางรถ และจากนั้นฮีก็พิโรจ! ยกมือจับเบาะแล้วกัดฟันกรอด ๆ มอง
หน้าฉัน
“เธอ!”
“โทษที มอเตอร์ไซค์มันตัดหน้ารถค่ะ”
ฉันตอบแล้วยิ้มจนตาหยี ซึ่งเขาเงยขึ้นมองกระจกหน้าทันที ก่อนที่จะยื่นมือใหญ่ ๆ มาบีบหน้าฉันหมับ!
“ไหนมอเตอร์ไซค์ ถ้าแกล้งฉันอีกล่ะก็ ไปรัสเซียเธอเสียตัวแน่”
สะ เสียตัว ไหนบอกว่าไม่กินของเก่าไง? กลับกลอกเหรอวะเนี่ย
“ไหนบอกจะไม่กินของเก่า?” ฉันถามเอาเรื่อง
“ใช่ แต่ถ้าของยังไม่เน่า... ก็ไม่แน่”
หน้าฉันชา และหลังเสียววูบขึ้นมาทันที ก่อนที่ฉันจะรีบหนีความรู้สึกนี้เหยียบคันเร่งออกรถอย่างรวดเร็ว พร้อมกับคนพูดเย้ยหยัน เขากลับไปนั่งแล้วลอบหัวเราะในลำคอเบา ๆ ราวผู้ชนะ
สนามบินสุวรรณภูมิ
พอมาถึงเข้าไปในตัวอาคาร กัปตันโซลก็ส่งตั๋วเครื่องบินอิเล็กทรอนิกส์ให้ฉันในไลน์ แล้วเดินเลี่ยงไปที่อีกตึกทันที โดยที่ฉันต้องไปเช็คอิน และไปนั่งรอเวลาบอร์ดดิ้งคนเดียว
แต่ถือว่าดีนะคะที่ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน ฉันเบื่อที่จะเห็นหน้าเขาจะตายชัก
ไปรัสเซียขอให้เขาหิ้วสาวเข้าห้องด้วยเถอะ ฉันจะได้ชิ่งออกไปทำอย่างอื่นที่สบายใจบ้าง ไม่ใช่อยู่เป็นทาสรับใช้เขาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบนี้
ไฟลท์ดึกคนที่สนามบินค่อนข้างเงียบ ฉันนั่งอ่านเว็บบอร์ดดูข่าวสารของศิลปินไอดอลที่ตัวเองชอบไม่นาน ก็มีพนักงานเรียกให้ขึ้นเครื่องตามเลขที่นั่ง
แต่ไม่ต้องถามหาความวีไอพีกับอิฉันนะคะ ฉันได้ตั๋วชั้นประหยัดที่นั่งท้ายลำเลยค่ะ ต้องอดทนอดกลั้นกว่าสิบชั่วโมงกว่าจะถึง ซึ่งพอขึ้นเครื่อง ฉันก็รีบ
สวดมนต์แล้วหาผ้าปิดตา ไม่เสวนาไม่รับเครื่องดื่มใด ๆ เพราะรู้ว่าถึงที่นู้นฉันต้องรับศึกหนักแน่นอน
“นี่... ยัยบัตเลอร์”
“Zzzz”
“นี่... ยัยขี้ข้า”
ไม่นะอย่ามาหลอกหลอนฉันถึงในฝัน ฉันปัดมือไล่อย่างรำคาญ แต่เมื่อจะหันไปอีกฝั่งก็มีมืออุ่น ๆ หยิบเข้าที่แก้ม
“โอ๊ย! ใครวะ”
ฉันดึงผ้าปิดตาออกโวยวายอย่างหัวเสีย จนเห็นอีคนที่มันขับเครื่องบินลำนี้ อยู่ ๆ มายืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ข้าง ๆ
“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” เขาพูดเบา ๆ ราวกระซิบ แหงล่ะคนเริ่มนอน
กันแล้ว
“เรื่องอะไร ทำไมไม่ไปขับเครื่องบิน คุณรู้ไหมว่าบนเครื่องนี้มีกี่ชีวิต
ถ้าเกิด...”
“หุบปาก” ค่ะ ฉันเม้มปากแน่นอัตโนมัติ จนกัปตันของไฟลท์นี้เขานั่งลงที่เก้าอี้ผู้โดยสารที่ติดกับทางเดิน และพูดขึ้นมา...
“ไปถึงมอสโค เธอต้องตัวติดฉัน” พูดกับฉันก็จริง แต่ตากัปตันหนุ่มมองตรงไปที่แอร์โฮสเตสคนสวย ที่กำลังให้บริการผู้โดยสาร
“ทำไมล่ะ?”
“เธอไม่มีสิทธิ์ถาม มีหน้าที่ทำตามคำสั่งก็ทำไป แล้วถ้าฉันทำอะไร
ต้องตามน้ำไปก่อน”
ฉันใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูกเลย เพราะไม่รู้อิกัปตันผีนี่มันจะมาไม้ไหน แถมสายตาที่แน่วแน่มองไปที่แอร์คนนั้นก็ยังแปลก ๆ ด้วย
แฟนเขาเหรอ? กำลังประชดประชันกันอยู่รึเปล่า? อย่าบอกนะ ว่าจะดึงฉันไปให้ผู้หญิงคนนั้นหึง
“ถ้าเป็นแฟนกัน ฉันขอแนะนำให้คุยกันดี ๆ อย่าประชดกันเลยนะคะ”
เขาหันมามองฉันเล็กน้อยด้วยหางตา
“ทำตามคำสั่งฉัน อย่าพูดมาก”
‘ตึง’ เสียงแจ้งเตือนเข็มขัดนิรภัยที่ดังขึ้น ดึงเอากัปตันที่นั่งอยู่ลุกขึ้นเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ฉันอยู่กับความงุนงง สงสัย และไม่เข้าใจคนเดียว
แต่ระหว่างนั้นฉันก็มองแอร์คนนั้นอยู่เรื่อย ๆ นะ ซึ่งเธอก็มองฉันกลับเช่นกัน แต่ทว่าสายตานั้น มันเป็นสายตาที่แข็งกระด้างไม่เป็นมิตร
