บท
ตั้งค่า

ใบผัก | มอสโคว (พ่อง)

ความสงสัยใคร่รู้ของฉัน ทำให้ฉันนอนไม่หลับจนถึงเวลาเครื่องแลนด์ดิ้ง ฉันนั่งเปิดตาตื่นมานั่งรอล้อเครื่องบินลงรันเวย์อย่างลุ้นระทึก

ก็นิสัยใจคอของกัปตันที่บังคับเครื่อง นางน่ากลัวยิ่งกว่าพายุน่ะสิ ไม่รู้คิดอะไรอยู่ถึงสั่งให้ฉันตามติดแบบนั้น หวังว่าคงไม่เป็นแผนล่วงเกินฉันนะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็... จุดจบเหมือนอีพ่อเลี้ยงฉันแน่!

‘Cabin Crew prepare for landing’

เสียงประกาศนุ่มอาจจะทำให้สาว ๆ หลายคนเคลิบเคลิ้ม แตกต่างจากฉันโดยสิ้นเชิง เพราะฉันเบ้ปากหมั่นไส้ตั้งแต่เครื่องลดระดับจนถึงแลนด์ดิ้ง

จนเสียง ‘กึก’ ที่ล้อเครื่องบินและแรงสั่นสะเทือนทำให้ฉันต้องรีบจับที่วางแขนทันที ก่อนที่จะหันมองหน้าต่างที่เครื่องยนต์ลำยักษ์กำลังพยายามเบรก แล้วมีเสียงปรบมือของผู้โดยสารชื่มชมระนาว

อื้ม... ก็ควรชื่นชม เพราะตั้งแต่เป็นบัตเลอร์ฉันขึ้นเครื่องบินติดตามเจ้านายบ่อยมาก ถือว่ากัปตันโซลเขาลงได้นิ่มนวลที่สุด เฮ้ย ๆ ที่ชมอย่าคิดว่าฉันจะรู้สึกดีด้วยนะเว้ย ฉันแค่พูดไปตามเนื้อผ้าเท่านั้นแหละ

สนามบินเชเรเมเตียโว, Moscow Russia

ฉันลงจากเครื่องผ่านตม.ไปรอที่สายพาน ก่อนจะยกกระเป๋าของกัปตันโซลออกมาวางให้ แล้วลากของตัวเองเดินไปหยุดรอที่ตัวอาคารขาเข้า เพื่อตกลงเรื่องที่พัก และเรื่องการเดินทางเข้าเมือง ที่เรายังไม่ได้เตรียมกันมา

ก็มันฉุกละหุกนี่หว่า! ทำงานวันแรกก็บินข้ามทะเลเลยกู เปรี้ยวจัด

แต่แปลกนะ รู้สึกผิดวิสัยมาก ฉันยืนรอเขาจะชั่วโมงอยู่แล้ว ทำไมกัปตันโซลไม่ออกมาสักที

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป สองชั่วโมงผ่านไป ฉันเดินไปนั่งที่เก้าอี้รอเขาที่หน้าประตูและชะเง้อหาไปด้วย เขาจะรู้มั้ยว่ากระเป๋าถูกยกลงจากสายพานไว้แล้ว และจะจำได้ไหมว่าฉันมาด้วย

เหนื่อยนะเว้ย มาสักที

“เธอ... หวัดดี”

ฉันที่กำลังชะเง้ออยู่หันมองตามเสียงทักทาย ก่อนที่จะเห็นนักบินหน้าตาดีคนนึง เขายืนส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

“คะ? คุยกับฉันเหรอ?” ฉันชี้ที่ตัวเองงุนงง

“ครับ เรามาไฟลท์เดียวกันนะ” ฉันพยักหน้า แล้วไงต่อวะ มีเจตนาอะไรมาคุยกับฉันเนี่ย เฮ้ย... แต่เดี๋ยว? ถ้าไฟลท์เดียวกันและเขาเป็นนักบิน แสดงว่าเขาต้องรู้จักอิกัปตันโซลสิ

“นี่ ๆ คุณรู้จักกัปตันโซลมั้ย?”

“รู้ ผมเป็นนักบินที่สองนั่งข้าง ๆ กันมาตลอดแหละ” เขาตอบด้วยรอยยิ้ม แถมยังยิ้มจนตาหยีด้วย

“เหรอคะ ดีจัง... ว่าแต่ทำไมเขาไม่ออกมาสักทีคะ? จะสองชั่วโมงแล้ว”

“อ้าวคุณไม่รู้เหรอ? กัปตันโซลไปโรงแรมแล้วนะ”

“หา?” ฉันตกใจเบิกตากว้าง แต่ขณะที่ลนลานหาโทรศัพท์มาโทร นักบินหนุ่มข้างหน้าก็ยกมือโบกปฏิเสธ

“ผมล้อเล่น ๆ ฮ่า ๆ เห็นคุยธุระอยู่ข้างในน่ะครับ”

ฉันถอนหายใจโล่ง ล้อเล่นแบบนี้ทิ่มตาแตกได้นะ แล้วเมื่อนักบินที่สองหัวเราะเยาะฉัน หางตาก็เห็นไอ้กัปตัน นางเดินลากกระเป๋าออกมาพร้อมกับแอร์สาวคนสวย

จะใครล่ะ ก็แอร์คนที่เขามองบนเครื่องนั่นแหละ แล้วพอเห็นว่าฉันยืนอยู่กับนักบินคนนี้ ขายาว ๆ ก็รีบเร่งมาทันที ราวกับเพิ่งนึกได้ว่ามีฉันมาด้วย

“มีอะไรวะ?” เขาถามผู้ชายที่ยืนตรงหน้าฉัน

“เปล่าครับกัปตัน ผมเห็นคนของกัปตันรอนาน เลยมาบอกเธอก่อน กลัวรอเก้อ”

“อย่าเสือก”

เขาพูดสั้น ๆ แล้วเดินมายืนข้าง ๆ ฉันแทน ก่อนที่จะดึงที่จับกระเป๋าฉันไป จนแอร์คนนั้นมองมาตาขวาง

“นี่เหรอคะ ผู้หญิงที่กัปตันโซลปันใจให้”

ปันใจ? เดี๋ยวก่อน! เดี๋ยว!

“รอนานมั้ย?”

กัปตันโซลไม่ได้ตอบคำถามแอร์คนนั้น เขาหันมาถามฉันด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแทน

หือ? ขนลุกนะ ฉันงงมากและไม่ชินเอามาก ๆ แล้วหนักสุดคือมืออุ่นที่เอื้อมมากุมมือฉัน เขาประสานกุมราวกับสนิทชิดเชื้อมาตั้งแต่ชาติปางก่อน

จนแอร์คนนั้นมอง แล้วเหยียดยิ้ม เธอส่ายหน้าเล็กน้อยราวกับสิ่งที่เห็น มันไม่อภิรมย์ชมชอบ

“เฮ้อ... นี่ไม่ใช่กัปตันเลยนะคะ”

“ใช่ ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ ชอบเอา แต่ไม่ชอบรัก ยกเว้นว่าคนนั้นจะพิเศษ...”

หือ? (กูต้องหืออีกกี่ครั้ง)

อิหยังน้อบาดนิ เป็นเกาเหลาไม่มีเส้นอยู่ดี ๆ อยู่ ๆ ก็เป็นเส้นเล็กพิเศษ

ซะงั้น

“นีน่าไม่เชื่อ คนอย่างกัปตันไม่เคยยกใครเป็นคนพิเศษ”

มือใหญ่ที่กุมอยู่กระตุกมือฉันหนึ่งครั้ง ราวส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง

แต่ไม่ใช่หน้าที่ฉันนี่คะ ฉันจึงทำเป็นไม่รู้ความหมาย แล้วส่งยิ้มสวยให้แอร์สาวคนนั้นแทน

“ดีแล้วค่ะที่ไม่เชื่อ เพราะมันไม่ใช่ความจริง ๆ ฮ่า ๆ” กัปตันโซลหันขวับมามองฉันพร้อมขึงตาใส่ ส่วนผู้ช่วยนักบินกับแอร์สาวก็ต่างพากันยิ้ม

ซึ่งหนึ่งคนยิ้มแห้ง ๆ ปกติ แต่อีกคนยิ้มเย้ยหยันอย่างผู้ชนะ

จนแอร์คนนั้นมาหา... แล้วพูดอะไรบางอย่างกับกัปตันโซล ฉันถึงปะติดปะต่อเรื่องได้

“อย่าหนีความจริงเลยนะคะ กัปตันเป็นพ่อของลูกนีน่า และเรื่องนี้พ่อแม่กัปตันก็รับรู้แล้ว ช่วยรับผิดชอบด้วยนะคะ”

มือขาว ๆ สวย ๆ จับที่เนคไทของกัปตันหนุ่ม จนมือที่กุมมือฉันอยู่บีบแน่นขึ้นเรื่อย ๆ เขากำลังโกรธยัยนีน่า แต่ทำไมต้องมาลงที่มือฉันด้วยวะ เจ็บนะเว้ย

“ฟังนะ จะได้ฉลาด ต่อให้เมาแค่ไหน ฉันรู้ตัวเองดีว่าทำอะไรลงไป ฉะนั้นแผนโสโครกอยากเป็นหนูตกถังข้าวสารของเธอทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” แรง…

เสียงทุ้มต่ำและเย็นชาตอบพร้อมกับแววตาโรจน์ นี่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว หรือว่าที่ครอบครัวกัปตันโซลต้องการหาบัตเลอร์คุมความประพฤติ มันเป็นเพราะเรื่องนี้?

เฮ้ย เรื่องใหญ่นะเนี่ย

“แล้วนีน่าจะคอยดูนะคะ กัปตันหนีนีน่าไปไหนไม่ได้หรอก เพราะยังไงลูกในท้องก็เป็นลูกกัปตัน”

ว่าจบเธอคนนั้นกับนักบินผู้ช่วยก็เดินไปที่ประตูทางออกอย่างมั่นหน้า

ดูมั่นจริง ๆ นะ เชิดเหมือนตัวเองเป็นราชินีและเป็นผู้ชนะเลย

พรึบ กัปตันโซลสะบัดมือฉันสุดแรงจนฉันเกือบล้ม ก่อนที่เขาจะชี้นิ้วมาที่หน้าฉัน จนเกือบทิ่มตา

“บนเครื่องฉันพูดกับเธอว่าไง ทำไมโง่เง่าแบบนี้วะ”

“ฉันรู้ว่าคุณพูดอะไร แต่คุณไม่อธิบายอะไรฉันเลย พอฉันถามก็ถามไม่ได้ ฉันมาเป็นบัตเลอร์นะไม่ใช่รับจ้างเป็นแฟน มันเกินหน้าที่ของฉัน!”

เขาจิ๊ปากใส่ฉันด้วยอารมณ์หงุดหงิด ก่อนที่จะมองไปที่กระเป๋าตัวเองที่เพิ่งลากออกมาด้วยสายตาเอือมระอา

“ฉันจะไปรถสายการบิน ส่วนเธอกับกระเป๋าเวรนี่หาวิธีเอาเอง” เฮ้ย!

ว่าจบเขาก็เดินล้วงกระเป๋าเดินไปที่ประตูทางออกแล้วขึ้นรถตู้ที่มาจอดรออย่างรวดเร็ว เหลือแค่อีใบผักสาวไทยหน้าสวยกับกระเป๋าเดินทางใบยักษ์สองใบ

ที่ไม่รู้จะเดินทางเข้าเมืองยังไง

แต่ฉันผิดอะไรวะ? แค่ไม่ตามใจก็โดนทิ้งเหรอ?

ฉันถอนหายใจจนไหล่ตก แล้วตัดสินใจเปิดกูเกิลเซิร์ชหาวิธีเข้าเมืองที่ถูกที่สุดด้วยตัวเอง ซึ่งมันก็คือรถไฟ แต่กระเป๋าใบตั้งใหญ่ฉันจะถือยังไงไหววะ

จากแค่เซ็ง ๆ หาข้อมูลนานเข้าก็เริ่มน้ำตาซึมออกมา ชาติที่แล้วฉันทำชั่วอะไร ถึงเกิดมาใช้เวรใช้กรรมกับไอ้บ้าโซล

ที่ฉันปฏิเสธมันก็สมควรแล้ว ไม่ใช่เพราะหน้าที่เพียงอย่างเดียว แต่คนเคยมีคดีอย่างเราฉันไม่อยากให้เขาแตะต้องเนื้อตัวฉันมากไปกว่านี้ แค่หน้าที่บัตเลอร์ ฉันก็ฝืนใจจะบ้าตายอยู่แล้ว

กัปตันโซลส่งโลเคชั่นโรงแรมมาทางไลน์พอดิบพอดีที่ฉันหาแท็กซี่ได้ และโชคดีที่ตอนนี้เป็นตอนกลางวันฉันจึงไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ นั่งรถไปชมวิวไปตลอดทาง ตึกเขาสวยมากเลยค่ะ หลายที่ยังคงสถาปัตยกรรมของรัสเซียไว้จนได้เป็นมรดกโลกยูเนสโก้

แล้วอีกอย่างที่ฉันว้าวมากคือโรงแรม มันอยู่ใกล้จัตุรัสแดงแหล่งท่องเที่ยวใจกลางเมืองของมอสโควเลย!

ใช้เวลาแค่สามสิบนาที แท็กซี่จากสนามบินก็จอดที่หน้าโรงแรมที่มีป้ายชื่อตรงกับที่กัปตันโซลส่งมาเป๊ะ ฉันจึงรีบสำรวจของแล้วจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิต แตะเข้ากับเครื่องที่หลังเบาะคนขับ

‘ติ๊ด’ หนึ่งครั้ง

“Spasibo (ขอบคุณค่ะ)”

“Pozhaluysta (ครับ , ด้วยความยินดี)”

พอมาถึงบอกเลยว่ายุ่งยากวุ่นวายกว่าที่คิด เพราะติดต่อกัปตันโซลไม่ได้เลย ฉันจึงนั่งรอที่ล็อบบี้โทรหาเขาถี่ขึ้น จนสุดท้ายเห็นว่าเขากำลังถือโทรศัพท์มาจากลิฟต์มุมตึกเดินมุ่งตรงมาหา

แต่ทำไมเดินเร็วหน้าบึ้งแบบนั้นล่ะ? เป็นฉันต่างหากที่ควรโกรธ!

“นี่คุณ! ทิ้งฉันไว้ที่สนามบินไม่พอ ทำไมไม่รับโทรศัพท์ คุณรู้มั้ยว่าฉันไม่เคยมารัสเซีย ฉะ... อุ๊บ!”

ยังพูดไม่จบ ริมฝีปากฉันก็ถูกปิดด้วยริมฝีปากนุ่มของเขา ภาพทุกอย่างช้า ตาฉันเบิกกว้างมองอึ้ง ๆ จนเห็นว่ามีใครคนนึงวิ่งตามมา แล้วหยุดชะงักกึกมองมาที่เรา

แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจและสมองฉันทำงานหนักมาก

ฉันเห็นภาพวันนั้น ที่ฉันพยายามจะจูบ แต่เขาไม่ยอม เขาปัดป้องกลืนกินแค่ร่างกายฉัน แล้วทำไม่วันนี้มันกลับกัน

ทำไมเขาถึงดึงฉันไปจูบต่อหน้าคนมาก ๆ แบบนี้!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel