บท
ตั้งค่า

ใบผัก | มอสโคว (โอ้โหมาก ๆ)

มันผ่านไปเนินนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่าตัวเองโดนโอบกอด แล้วเอนเอียงตามริมฝีปากที่ครอบครองจนยากจะถอดถอน เพราะไม่ว่าจะยื้อออกมายังไง สุดท้ายมือใหญ่ก็ขยับย้ายขึ้นมาประคองแก้มให้จดจ่ออยู่ที่เขา

เล่นเอาหัวใจที่สั่นระรัวแทบขาด หนำซ้ำความอึดอัดก็พลันบีบฉันหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนต้องส่งเสียงค้านออกมา

“อื้ม~”

“ปลอม! กัปตันต้องประชดนีน่าถึงขนาดนี้เลยเหรอ?” ฉันพยายามส่ายหน้าตอบแอร์ที่ชื่อนีน่า แต่กัปตันโซลยังบดริมฝีปากจูบฉันไม่ลดละ

โอ๊ย ฉันหายใจไม่ออกแล้วนะ หยุดจูบฉันสักที!

‘ปึก’

ฉันรวบรวมแรงทั้งหมดดันอกแกร่งออกไปจนริมฝีปากถูกถอดถอน พร้อมกับร่างสูงที่เสียหลักเซไปข้างหลัง แต่สายตาที่เขามองมามันนิ่งเรียบมาก ราวกับจูบที่มอบให้ฉันเมื่อกี้ มันเป็นสิ่งที่ฝืนใจ

“นี่คุณ! ทำอะไรฉันหา!”

ฉันชี้หน้าถามแล้วใช้หลังมือเช็ดปากไปด้วย

“จูบไง จะโกรธทำไมนักหนา มานี่!” เขาคว้าข้อมือฉันดึงไปใกล้ ๆ ทันที ก่อนที่จะหันไปมองหน้าแอร์ชื่อนีน่าด้วยสายตาแข็งกร้าว

“นี่แฟนฉัน จำใส่สมองไม่มีรอยหยักของเธอไว้ซะ” หา? กูเนี่ยนะ!

นีน่าว่าอึ้งแล้ว ฉันอึ้งกว่าค่ะ

“เลิกยุ่ง เลิกสร้างเรื่องปั่นครอบครัวฉัน เพราะว่าฉัน... ไม่เคยนอนกับเธอ” นีน่าส่ายหน้ารัว

“ไม่ใช่หรอกค่ะ ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่กัปตันจ้างมา เพราะว่ากัปตันคงไม่ปล่อยให้แฟนนั่งชั้นประหยัด และลากกระเป๋าหนักขนาดนี้ อย่าโกหกนีน่า

เลยค่ะ”

ฉันลอบถอนหายใจทันที เงินเดือนที่ได้เพิ่มมาสามหมื่น กับการมาอยู่ตรงนี้ไม่คุ้มเอาซะเลย

“ก็แล้วแต่เธอจะคิด ไปใบผัก... ขึ้นห้อง”

ฉันหันไปยิ้มให้นีน่าอะไรนั่นนิดหน่อย ขณะที่เธอจิกตามองตามหลัง ก่อนที่จะขึ้นลิฟต์ไปพร้อมกัปตันโซลขึ้นห้องพัก ซึ่งระหว่างที่อยู่ในลิฟต์เขาไม่คุยกับฉันสักคำ

เราอึดอึดอัดกันมาก ๆ อึดอัดจนฉันต้องตัดสินใจถาม และแบมือไปหา

เขาแทน

“กุญแจห้องฉันล่ะ?” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามทวนกลับมา

“กุญแจ?”

“ใช่ ก็ในสัญญาบอกจะซัพพอร์ตเรื่องที่พักไง แล้วพ็อกเก็ตมันนี่ด้วย

ฉันจ่ายค่าแท็กซี่ไปตั้งหลายบาท ซื้อถุงยางก็ตั้งแพง เอาคืนมาเลยนะ”

ฉันกระดิกมือยิก ๆ แต่กัปตันโซลเปรยตามองแค่แว๊บเดียว เขาก็หันไปมองตัวเลขที่โชว์หลาและขยับขึ้นเรื่อย ๆ

“ค่อยไปคุยที่ห้อง เงินอยู่ที่นั่น” ก็ได้วะ

ห้องพักวิวดีมาก กระจกใหญ่มาก แถมยังเห็นยอดจัตุรัสแดงชัด อย่าบอกนะว่านี่คือสิทธิพิเศษที่สายการบินให้ โห... โคตรวีไอพีเลยแม่

“เลิกทำตัวเป็นบ้านนอกเข้ากรุง เก็บของให้ฉันเดี๋ยวนี้”

ฉันหันกลับไปหาเขาทันที อะไรวะ ดูหน่อยก็ไม่ได้ ไม่รู้ห้องฉันจะมีวิว

แบบนี้มั้ย

“ที่พักของฉันมีวิวแบบนี้รึเปล่า?” เขาชี้ไปที่พื้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง จนฉันขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

“อะไร อยู่ชั้นล่างเหรอ?”

“มี วิวพรม” วิวพรม? เฮ้ย!

“เดี๋ยวนะกัปตันโซล คุณจะให้ฉันนอนพื้น เอ้ยไม่สิ นอนห้องเดียวกันกับคุณเหรอ?”

“เออสิยัยโง่” ฉันกักเก็บคำว่าโง่ไว้ เดินกำหมัดไปหาเขาด้วยความโกรธ ไม่มีทาง! ฉันไม่มีทางนอนกับผู้ชายอันตรายและอันธพาลแบบเขาแน่นอน!

“เปิดห้องให้ฉันเดี๋ยวนี้”

“เธอคิดว่าห้องพักที่ติดแหล่งท่องเที่ยวใจกลางเมือง มันจะมีห้องว่างให้เธอเหรอ? ไม่เชื่อเปิดแอปพลิเคชันไม่ก็ไปถามฟร้อนดู”

ฉันกลืนน้ำลายดึงอึก หันมองรอบ ๆ ห้องพักที่มีแค่เตียงเดี่ยวสลับกับโซฟาเล็ก ๆ ที่มุมห้อง ซึ่งโซฟามันไม่ได้ใหญ่เข้าใจมั้ย อีกนิดเดียวก็จะเป็นอาร์มแชร์อยู่แล้ว

“คุณไปนอนที่โซฟา” ฉันชี้บอกเขา

“เรื่องอะไร นี่มันห้องของฉัน” คนยียวนว่าจบก็ล้มตัวนอนบนเตียงนุ่มทันที ก่อนที่จะยกแขนหนุนแล้วหรี่ตามองอย่างสบายใจ ทำไมเขาไม่เอาผู้หญิงมานอนด้วยนะ จะได้เปิดห้องให้ฉันใหม่

“คุณไม่นอนกับผู้หญิงรึไง?”

“นอนดิ กับเธอไง”

“ไม่ใช่ฉันโว้ย คนอื่นน่ะ! ทำเหมือนที่เคยทำทุกไฟลท์” ฉันขึ้นเสียงใส่ เพราะความอดทนที่ตุนเก็บไว้ตั้งแต่กรุงเทพ มันเริ่มจะหมดแล้ว

“เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงกล้าขึ้นเสียงใส่ฉัน ห๊ะ?” ฉันกัดฟันกึก

มองร่างสูงยาวบนเตียงด้วยสายตาโกรธจัด ชักแง่ชักงอนนานฉันเหนื่อยเหมือนกันนะ สรุปสักทีฉันต้องนอนที่ไหน!

ฉันอยากอาบน้ำ อยากพักจะบ้าตายอยู่แล้ว

“สรุปจะให้นอนที่นี่ใช่มั้ย? ถ้าให้นอนคุณต้องตอบมาก่อนว่าฉันไว้ใจคุณได้รึเปล่า ถ้าขืนคุณทำอะไรฉัน... จะรับผิดชอบยังไง พูด!”

“นี่! เธอจะกลัวอะไรวะ? ฉันเห็นของเธอทุกซอกทุกมุมแล้ว หรือกลัวว่าจะอดไม่ได้ คิดถึงวันเก่า ๆ ของเรา”

“กรี๊ด เงียบเดี๋ยวนี้นะ อย่าพูดถึงวันนั้น” ฉันชี้หน้าเขามือสั่น จนคนกวนประสาททำหน้าเอือมระอา

“เออ ถ้าไม่คิดอกุศลก็นอนซะ อย่าเรื่องมาก”

เท่านั้นแหละค่ะ ฉันก็ยืนหายใจหอบโมโหกลางห้องจ้องมองไปที่ร่างโตที่พลิกตัวตะแคงหลับ ก่อนสุดท้ายจะยอมจำใจนั่งลงที่พื้นพรมเปิดกระเป๋า แล้วหยิบเสื้อผ้าของเขาออกมาแขวนให้ทีละชุด

ส่วนกระเป๋าตัวเองลากไปไว้อีกมุม เหอะ! ฉันไม่กล้าไปเทียบรัศมีเสื้อผ้าแบรนด์เนมของเขาหรอก เรามันคนละชั้น!

นึกแล้วแค้นมาก คอยดูนะ กลับไทยฉันจะติดต่อคุณนิวยอร์กถึงสวัสดิการใหม่ และถ้ายังไม่ได้รับความเป็นธรรม ฉันจะขอยกเลิกสัญญา

เอ๊ะ... เดี๋ยว ๆ ใบผักคนฉลาดล้ำคิดอะไรออกแล้ว!

ถ้าฉันไม่ได้สวัสดิการตามที่สัญญากัน ฉันก็มีสิทธิ์ยกเลิกสัญญาและแจ้งบริษัทได้นี่น่า หรือว่าจะอดทนนอนห้องเดียวกันกับเขาไปก่อน และยอมเก็บข้อมูลสิ่งที่เขาทำไม่ดีกับฉันไว้เป็นหลักฐาน

เช่น... จูบ เช่น... กอด พวกนี้ใช้ได้ทั้งนั้น

พอนึกแล้วฉันก็ยกปลายนิ้วแตะที่ริมฝีปากเบา ๆ จะว่าไป... รสชาติของเขายังติดปากฉันอยู่เลยนะ แค่อยากไล่กิ๊กเก่าออกไปจากชีวิต ไม่เห็นต้องลงทุนจูบจริงขนาดนี้เลย

หึ๋ย~ ขนลุก

‘ครืน ครืน ครืน ครืน’

เสียงมือถือที่สั่นบนโต๊ะข้างหัวเตียง ทำให้ร่างใหญ่ที่นอนอยู่ขยับพลิกตัว แล้วเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาดูอย่างหัวเสีย แต่เขากลับไม่รับ เขาผงกหัวขึ้นมาแล้วกวักมือเรียกฉันรัว ๆ และจากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์ให้

“ฉันต้องรับเหรอ?” ฉันถามแล้วรีบลุกขึ้นไป

“เลิกโง่สักทีเถอะ รับแล้วทำทุกอย่างเหมือนเธอเป็นแฟนฉัน” เปลืองตัวไม่พอ กูยังได้ใช้สถานะแฟนพร่ำเพรื่ออีก ปั๊ดโถ่!

“ฉันจะได้อะไร คุณจ้างฉันมาเป็นบัตเลอร์นะ ไม่ได้จ้างเป็นฟะ...”

“เงิน แสดงเป็นแฟนฉากละสองพัน ถ้าไล่ยัยนีน่าออกไปจากชีวิตฉันให้หนึ่งแสน” บ้า! ใครจะเอา เงินแค่แสนเดียวเอง

“โอเค ตกลง”

อีใบผัก!

ใครเคยบอกว่าเงินทำให้คนหน้ามืดตามัว ฉันเชื่อสนิท แต่มาคิด ๆ ดูแล้วคุ้มนะคะซิส เพราะเหมือนฉันได้ยิงปืนนัดเดียวแล้วได้นกสองตัวเลย

นกตัวที่หนึ่งฉันได้เงิน นกตัวที่สองฉันได้หลักฐาน ที่จะใช้ไปร้องเรียนกับบริษัทให้ยกเลิกสัญญาเร็วขึ้น คนที่โง่สุดคือกัปตันโซล ไม่ใช่ฉัน สมน้ำหน้า

“งั้นรับสาย แล้วมานอนกับฉันบนเตียง”

“ทำไมฉันต้องนอนบนเตียงด้วย” ฉันแย้งถาม แล้วกดตามองเขาที่ขยับ

ที่ให้

“เสียงจะได้อู้อี้ เหมือนนอนเอากับฉันอยู่ไง” ไร้สาระ!

ฉันไม่สนใจคำแนะนำ รับโทรศัพท์มาแล้วนั่งลงแทน แต่เมื่อกดรับสายติ๊ดเท่านั้นแหละ แขนล่ำๆของกัปตันโซลก็โอบเอวฉันอย่างรวดเร็ว แล้วดึงให้นอนลงไปทันที

Incoming Call | NEENA

“ฮัลโหล ว้าย... ทะ ทำอะไรของคุณ”

ฉันพยายามแกะมือใหญ่ออกแล้วขยับหนี แต่จมูกโด่งและคางกัปตันหนุ่ม ดันเข้าใกล้หน้าฉันอีก

(ทำไมเธอรับสาย กัปตันไปไหน) ปลายสายถามมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบทุ้มต่ำ ออกไปทางไม่พอใจ

“เขา... เขานอนอยู่ข้าง ๆ นี่แหละค่ะ”

ฉันอึดอัดมาก พูดไปปัดป้องตัวเองไป แค่ให้นอนคุยว่าหนักแล้ว แต่กัปตันโซลยังพยายามทำให้ฉันทรมาน

เขาใช้ริมฝีปากเม้มที่ใบหูฉัน จนฉันต้องรีบดันหน้าเขาออกไปห่างๆเพื่อหลีกเลี่ยงการประทะที่จะอาจเกิดขึ้น

“อ๊ะ! กัปตันโซล มันจะมากเกินไปแล้วนะ” ฉันเอ็ดอย่างเหลืออด และมืออีกข้างก็ดันอกเขาไว้ด้วย

“มากอะไร มากกว่านี้ก็ทำมาแล้ว” ฉันถลึงตาใส่ แต่ก็ต้องตกใจกับเสียงปลายสายที่แว๊ดขึ้นมา

(ทำอะไรกันน่ะ! ให้กัปตันมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้ ฉันแพ้ท้องเข้าใจมั้ย?)

ฉันยกสายออกจากหูแล้วใช้มือปิดไมค์ แต่ขณะที่จะหันไปบอก จมูกโด่งก็ชนกับแก้มฉันพอดี

บะ บ้าเอ้ยนี่เพิ่งวันที่สองเอง ฉันโดนจูบ โดนกอด โดนขบหู และโดนหอมแก้ม แล้ววันต่อ ๆ ไปล่ะจะโดนอะไร?

“มีอะไร?” เขาถามเบา ๆ ขณะที่ฉันอึ้งค้างอยู่

“ผู้หญิงในสายบอกว่าแพ้ท้อง”

“ช่างมัน ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน วางสาย... แล้วมาเอากัน”

ห๊ะ? นี่คือบทละคร ไม่ได้ชวนจริง ๆ ใช่มั้ย

(อย่าวางนะ! ฉันไม่เชื่อว่ากัปตันจะมีใคร พวกเธอแค่แสดงละครตบตาฉัน ฉันจะไปหาที่ห้องเดี๋ยวนี้แหละ!)

ฉันไม่ได้ตอบหรอก เพราะตอนนี้โทรศัพท์มือถือถูกแย่งไป และโยนไปอีกฝั่งของเตียงแล้ว ก่อนที่สองอุ้งมืออุ่นจะจับข้อมือฉันกดลงอย่างรวดเร็ว และเอวหนาเข้าเบียดแทรกกลางหว่างขา

“อย่า... กัปตัน”

“เงียบ ยัยนั่นอยู่ในสาย”

ฉันเม้มปาก กะพริบตามองคนที่อยู่เบื้องบน หายใจเข้าว่ายากหายใจออกยากกว่า เพราะตอนนี้ลมหายใจร้อน ๆ ของเขา มันรดลงที่ปลายจมูกโด่งฉันถี่เหลือเกิน

ถะ ถามหน่อย ละครจริง ๆ เหรอ ทำไมมันสมจริงแบบนี้ ให้ฉันแกล้งทำเสียงก็ได้ อย่าแสดงจริงเลย

แต่ริมฝีปากหยักสวยไม่ได้ทาบทับที่ริมฝีปากฉัน เขาเลี่ยงหลบไปที่ซอกคอ แล้วกระซิบกระซาบเบา ๆ จนฉันร้อนวูบ

“ฉันชอบเสียงครางเธอคืนนั้น อยากฟังอีก”

“มะ ไม่ อย่านะ”

“ห้ามปฏิเสธ ฉันแค่จะใช้นิ้วให้เธอ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel