ตอนที่4 ช่วยทำคดีให้หน่อย
ตอนที่4 ช่วยทำคดีให้หน่อย
#สองวันต่อมา
มิตามาหยุดยืนมองตึกสูงตระหง่าน ที่หน้าตึกเขียนว่า ‘สำนักงานกฏหมายตะวันฉาย’ หลังจากหาข้อมูลและประวัตของทนายความชื่อดังอยู่สองวันเต็ม เธอจึงรวบรวมความกล้าแล้วมาขอพบเขาในวันนี้
“มาติดต่อเรื่องอะไรคะคุณผู้หญิง”
หญิงสาวพนักงานต้อนรับที่เค้าเตอร์ด้านล่างถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“คือ...คือว่าฉัน...ฉันมาขอพบคุณทนายตะวันฉายค่ะ” มิตามีน้ำเสียงติดขัดนิดหน่อยเพราะความประหม่าเล็กน้อย
“ได้นัดไว้ล่วงหน้าไหมคะ?”
“ไม่...ไม่ได้นัดค่ะ”
“ถ้าไม่ได้นัดจะเข้าพบไม่ได้นะคะคุณผู้หญิง ท่านประธานไม่รับลูกความWalk In ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”
พนักงานต้อนรับตอบกลับมาด้วยท่าทางสุภาพตามที่ถูกเทรนมาเพราะที่นี่ค่อนข้างเคร่งกฏระเบียบ
“ให้ฉันพบเค้าเถอะนะคะ ฉันมีเรื่องเดือดร้อนจริง ๆ นะคะช่วยฉันหน่อยนะคะคุณคนสวย”
พนักงานสาวได้ยินฝ่ายตรงข้ามชมว่าคุณคนสวยก็อมยิ้มพอใจ แต่ก็ยังลำบากใจอยู่ดี
“คือฉันก็อยากช่วยนคุณนะ แต่ว่าท่านประธานไม่รับคนที่ไม่ได้นัดไว้จริง ๆ ค่ะ แต่ว่าฉันจะแอบกระซิบเอาบุญแล้วกันนะคะ คือท่านประธานยังไม่เข้ามาหรอกค่ะ ท่านจะเข้าบริษัทประมาณเก้าโมง นี่ก็ไกล้ถึงเวลาแล้วคุณดักรอพบท่านเอาแล้วกันนะคะ”
พนักงานต้อนรับยกมือป้องปากหันซ้ายแลขวา บอกความลับให้มิตาฟัง
พอได้ยินแบบนี้มิตาก็พยักหน้ายิ้มกว้างก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณคนตรงหน้า
“ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณจริงๆ”
“จ้ะ ๆ ไม่เป็นไร อ้าว!นั่นไง ท่านประธานมาพอดีเลย”
พนักงานสาวโบกมือให้รมิตาเอามือลง ก่อนจะพยักพะเยิดไปหน้าประตูที่มีรถตู้ลีมูซีนคันหรูมาจอด จากนั้นคนสนิทของซันอย่างเจมส์และคมสันต์ก้มาเปิดประตู ยืนรอผู้เป็นนายลงรถ
ซันลงรถมาด้วยท่วงท่าสง่าน่าเกรงขาม เขาอยู่ในชุดสูทสีเทาหล่อเหลาจนรมิตายืนมองตาไม่กระพริบ ในรูปก็ว่าหล่อแล้วนะ แต่ตัวจริงขยับได้ เอ๊ย!ไม่ใช่สิ ตัวจริงโคตรหล่อเธอไม่เคยเห็นผู้ชายที่ไหนสะดุดตาเท่านี้มาก่อน แต่เธอก็แค่มองว่าหล่อแหละไม่ได้รู้สึกอะไรมากกว่านั้น
ด้านซันเองก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกจับจ้องอยู่ เขาจึงหันไปมองจุดที่มีหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม แต่สวมแว่นกรอบหนาเตอะ ใส่เสื้อสเวตเตอร์แขนยาวสีเทา คู่กับกางเกงยีนสีซีด รองเท้าผ้าใบสีขาว ภาพหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงนั้นมันทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะละสายตาหันกลับมาตามเดิมเหมือนไม่ได้สนใจอะไร
“คุณทนายตะวันฉายคะ...”
แต่ทว่าในขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าลิฟต์ เธอคนนั้นก็เรียกชื่อเขาขึ้นจึงทำให้ซันหยุดเดินแล้วหันกลับมามองเธอนิ่ง ๆ
“คือฉันอยากให้คุณทำคดีให้ค่ะ คุณ... (รมิตา) / ไม่รับ (ซัน)”
มิตายังพูดไม่ทันซันก็พูดปฏิเสธสวนขึ้นทันที หญิงสาวได้ยินแบบนั้นก็เม้มปาก กัดปากล่างด้วยความประหม่าเล็กน้อยแต่เธอก็ไม่ยอมแพ้หรอกนะ
ซันมองผู้หญิงตรงหน้าที่เธอกระพริบตาปริบ ๆ เม้มปากเป็นเส้นตรงก่อนจะกัดริมฝีปากล่างเบา ๆ ปากเธอช่างชมพูระเรื่อเป็นธรรมชาติ น่าสัมผัส ‘เห้ยนี่เขาคิดอะไรอยู่เนี่ย’ เมื่อตั้งสติได้ก็ตีหน้านิ่งขรึมดังเดิม
“ทำไมไม่รับคะ คุณทนายยังไม่ได้ฟังปัญหาของฉันเลยก็ด่วนตัดสินใจแล้วหรอคะ”
มิตาทำใจกล้าถามเขาออกไป จ้องหน้าเขาอย่างไม่เกรงกลัว
“ไม่รับ ก็คือ ไม่รับ” ว่าจบก็หันหลังจะเดินเข้าลิฟต์อีกครั้ง
“เดี๋ยวสิคะ คุณทนาย” รมิตารีบปรี่เข้าไปจับมือใหญ่ไว้ไม่ให้เขาเดินหนีไปได้
ซันหันมามองหน้าเธอนิ่ง ก่อนจะหลุบสายตามองมือตัวเองที่ถูกผู้หญิงตรงหน้าจับอยู่ บนใบหน้าเขาเริ่มฉายชัดถึงความไม่พอใจ จนเจมส์กับคมสันต์เริ่มเสียวสันหลังวาบ กำลังจะเดินไปจับตัวผู้หญิงคนนี้ออกแต่ก็ไม่ทันจะได้ทำอะไรเธอก็ถูกก็เป็นนายสะบัดมือออกอย่างแรงจนเธอเสียหลักล้มก้นจ้ำเบ้าลงที่พื้น
“โอ๊ยยย บ้าเอ๊ย!”
มิตาร้องออกมาเสียงดัง ก่อนจะก่นด่าออกมาเสียงเบาในลำคออย่างข่มอารมณ์โกรธไว้ก่อน แต่ซันก็ได้ยินเต็มสองรูหู เขาทำเพียงเม้มปากข่มกลั้นอารมณ์ไว้เท่านั้นก่อนจะปรับสีหน้าปกติดังเดิม
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน...ลากเธอออกไปแล้วอย่าให้เข้ามาในบริษัทอีก”
เสียงทรงอำนาจประกาศกร้าวเสียงดังจนพนักงานรีบพากันก้มหน้างุด
“ครับนาย”
เจมส์ คมสันต์รับคำแล้วเดินมาจับแขนหญิงสาวลากออกไปที่หน้าตึก
พรึบบบ!!
หญิงสาวถูกลากออกมาหน้าตึกพร้อมกับโยนกระเป๋าผ้าของเธอลงตรงหน้าอย่างไม่ใยดี
“โอ๊ยยย!!! ไอ้ทนายบ้า ไอ้คนแล้งน้ำใจ ไอ้คนใจร้าย”
มิตาตะโกนด่าซันในตอนที่ลิฟต์กำลังจะปิดลง เขาได้ยินทุกคำที่เธอด่าอย่างชัดเจน และเธอเป็นคนแรกที่กล้าด่าเขา กล้าจ้องหน้าเขาโดยไม่หลบสายตา
“ยัยผู้หญิงบ้านี่!”
ซันขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนจะสบถออกมาอย่างหัวเสีย
.
.
.
แน๊!!! คือใจร้ายแท้อีพี่ซัน
แล้วน้องมิตาของเราจะเอาไงต่อคะเนี่ย
ถอยหรือรุก มาเอาใจช่วยน้องกันหน่อยนะคะ
