ตอนที่1 เกิดเหตุ
#วันรับปริญญา
“พวกแกวันนี้เราคงไม่ได้ไปฉลองด้วยนะ เรานัดกับพ่อแม่ไว้ว่าจะกลับไปฉลองด้วยกันน่ะ ไว้วันหลังนะ ซอรี่จริง ๆ”
มิตาบอกกับเพื่อนสนิททั้งสามคนด้วยสีหน้ารู้สึกผิดหลังจากถ่ายรูปกลุ่มกันเสร็จ วันนี้เป็นวันรับปริญญาของเธอ พ่อกับแม่ของมิตาพวกท่านมาได้แป็ปเดียว เพราะต้องกลับไปเปิดร้านต่อ ที่บ้านของมิตาไม่ได้ขัดสนแต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร พ่อกับแม่เธอเปิดร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ ภายในบ้านซึ่งก็จะมีลูกค้าประจำแวะเวียนมาซื้ออยู่เสมอ
“อื้อ โอเค งั้นก็กลับบ้านดี ๆ ไว้ค่อยโทรนัดกัน” แจม ปืน และกำปั้นโบกมือลามิตา จากนั้นก็แยกย้ายกันไป
“รถเมล์ไปไหนหมดเนี่ย! นี่ก็เพิ่งจะสี่โมงเองนะ เฮ้อ!” มิตาบ่นอุบเมื่อรอรถประจำทางอยู่นานแล้วแต่ก็ยังไม่มาซักที สุดท้ายเธอเลยเลือกที่จะโบกรถแท็กซี่เพื่อกลับบ้านแทน เพราะกลัวว่าพ่อกับแม่จะรอนาน
# บ้านรมิตา
“แม่คะ พ่อคะ มิตากลับมาแล้วค่ะ...”
มิตาส่งเสียงสดใสเรียกพ่อกับแม่ของเธอตั้งแต่เดินมาถึงแค่หน้ารั้วบ้าน กว่าจะมาถึงบ้านก็ปาไปห้าโมงกว่าแล้ว ‘ป่านนี้พ่อกับแม่คงกำลังเตรียมตั้งโต๊ะฉลองกันอยู่แน่ ๆ เลย’
“อ้าว! ทำไมเปิดประตูบ้านทิ้งไว้แบบนี้ล่ะเนี่ย...”
มิตาพูดขึ้นพร้อมขมวดคิ้วสงสัย เพราะปกติพ่อกับแม่จะไม่เปิดประตูรั้วกับประตูบ้านทิ้งไว้แบบนี้ เนื่องจากที่บ้านขายของต้องคอยระมัดระวังเป็นพิเศษ แถวนี้วัยรุ่นมั่วสุมกันค่อนข้างเยอะ
“พ่อคะ แม่คะ ทำไมถึงเปิดประตูบ้านไว้แบบนี้ล่ะคะ?”
หญิงสาวส่งเสียงถามในขณะกำลังเดินไปที่ห้องนั่งเล่น แต่เมื่อเดินไปเปิดม่านลูกปัดที่กั้นห้องไว้ออก มิตาก็ต้องพบกับภาพสุดช็อกแทบหมดสติ!!
“กรี๊ดดดด!!! แม่ พ่อ เกิดอะไรขึ้น ทะ ทำไมเป็นแบบนี้ ฮือ ๆ ใครก็ได้ช่วยที ช่วยด้วยค่ะ ช่วยพ่อแม่มิตาด้วย ฮื้อ...พ่อแม่ฟื้นสิ มิตากลับมาแล้วนะ พ่อคะ แม่คะ...ไหนเราสัญญากันไว้ว่าจะฉลองด้วยกันไง ฮือออ”
หญิงสาววิ่งไปกอดร่างไร้ลมหายใจของผู้เป็นแม่ที่นอนจมกองเลือดอยู่ข้าง ๆ ผู้เป็นพ่อ โดยในมือของพ่อเธอนั้นมีปืนสั้นปลายกระบอกใส่ที่เก็บเสียงอยู่ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้มีเวลามาคิดอะไรมากนัก เพราะภาพตรงหน้านี้ทำให้เธอช็อก ตั้งสติแทบไม่ได้ เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน ในชีวิตนี้เธอมีแค่เพียงพวกท่านสองคนที่เป็นโลกทั้งใบของเธอแต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ครอบครัวที่แสนอบอุ่นนั้น
จากนั้นไม่นานก็มีชาวบ้านวิ่งมาดู โทรแจ้งตำรวจ และรถพยาบาลให้ แต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาลคุณหมอกลับบอกว่าพ่อกับแม่เธอเสียชีวิตก่อนหน้านั้นแล้ว จากการถูกยิงเข้าที่จุดสำคัญคนละหนึ่งนัดราวกับรู้จุดตาย
“มิตาเป็นยังไงบ้าง ตอนที่แกโทรบอก ฉันตกใจแทบแย่” แจม ปืน และกำปั้น พากันวิ่งมาหามิตาที่หน้าห้องดับจิตด้วยความรีบร้อน ก่อนจะถามเพื่อนออกไปด้วยความเป็นห่วงสุดใจ
“ฉันไม่เหลือใครแล้วอ่ะพวกแก ฮึก ฉันไม่เหลือใครแล้ว ฮือ”
มิตาลุกขึ้นยืนโผกอดแจมร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร ตอนนี้เธอเหมือนคนเสียหลัก ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี ญาติพี่น้องก็ไม่มี
“มิตาเธอยังมีพวกเรานะ พวกเราจะอยู่ข้างมิตาเอง” ปืนพูดขึ้นพร้อมเข้าไปลูบหลังมิตาที่กอดแจมร้องไห้ตัวสั่นเทิ้มอยู่
“ใช่...มีอะไรมิตาบอกพวกเราได้ทุกเรื่องเลยนะ แล้ว...ทางตำรวจเค้าว่ายังไงบ้าง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” กำปั้นเป็นคนพูดขึ้นมาบ้างเพราะเมื่อกลางวันก็ยังเห็นพวกท่านดี ๆ กันอยู่เลย
“เราก็ยังไม่รู้อะไรเลย ตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาลตำรวจก็หายไปไหนกันไม่รู้ ฮึก” รมิตาผละออกจากอ้อมกอดแจม ก่อนจะตอบคำถามกำปั้นด้วยเสียงอันสั่นเทา
“เรารู้แค่ว่า...ตอนเราไปถึง พ่อถือปืนสั้นไว้ในมือ แต่ที่บ้านเราไม่เคยมีปืนเลยนะ ไม่รู้มันมาจากไหน แล้วที่สำคัญพ่อกับแม่แทบจะไม่เคยทะเลาะกันเลย พ่อรักแม่มาก ไม่มีวันทำร้ายแม่อย่างแน่นอน” เธอยังคงพูดต่อแล้วตั้งสติแล้วย้อนนึกถึงตอนที่เข้าไปพบร่างพ่อกับแม่ของเธอ
“อีกอย่างนะ หมอบอกว่าไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือทำร้ายร่างกายบนตัวพวกท่านแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้นตัดเรื่องที่ว่าทะเลาะกันออกไปได้เลย” ในระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่นั้นก็มีตำรวจสองนายเดินเข้ามาหาเธอ
“สวัสดีครับ คุณคือลูกสาวผู้เสียชีวิตใช่ไหมครับ?”
“ใช่ค่ะ ฉันเอง”
“ก่อนอื่นผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ส่วนเรื่องรูปคดีฝ่ายพิสูจหลักฐานแจ้งมาว่า เหตุเกิดจากการทะเลาะวิวาทและนำมาแก่การฆ่าตัวตายในเวลาต่อมาครับ”
“ไม่จริง!...พ่อแม่ฉันไม่มีทางฆ่าตัวตาย มันมีข้อสงสัยตั้งหลายจุดคุณตำรวจจะมาสรุปคดีแบบนี้ไม่ได้นะคะ” รมิตาตวาดลั่นโรงพยาบาลอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“ช่วยสงบสติอารมณ์ด้วยครับ พวกผมรายงานตามความเป็นจริงแล้วส่งสำนวนยื่นเรื่องปิดคดีไปแล้วครับ”
“ไม่ ฉันไม่เชื่อว่าพ่อแม่ฉันจะทะเลาะกัน แล้วฆ่าตัวตาย ร่องรอยบนร่างกายก็ไม่มีซักนิด พวกคุณจะมาสรุปคดีชุ่ย ๆ แบบนี้ได้ยังไง ฮึก” หญิงสาวชี้หน้าตำรวจอย่างไม่กลัวเกรง ดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธและเสียใจ
“ช่วยระวังคำพูดด้วยครับ เดี๋ยวจะได้ข้อหาดูหมิ่นเจ้าหน้าที่พนักงานเอานะครับ”
“คุณตำรวจฉันขอล่ะ ช่วยตรวจสอบอีกครั้งได้ไหมคะ พ่อแม่ฉันต้องถูกฆาตกรรมแน่ ๆ พวกท่านไม่มีวันฆ่าตัวตาย ฮึก ขอร้องล่ะคุณตำรวจ ให้ฉันไหว้ก็ได้นะคะ” มิตายกมือไหว้ตำรวจวัยกลางคน ขอร้องอ้อนวอนให้ช่วยตรวจสอบอีกทีแต่ตำรวจคนนั้นก็ได้แต่ส่ายหัวทำหน้าหนักใจ
“ขอโทษด้วยครับ ผมช่วยอะไรคุณไม่ได้จริง ๆ เบื้องบนสั่งปิดคดีไปแล้วครับ ผมขอตัว” ตำรวจคนนั้นพูดจบ ก็เดินจากไปทันที
“ฮึก ไม่จริง...พ่อแม่ฉันไม่ได้ฆ่าตัวตาย ฮือ ๆ” มิตาทรุดเท่าลงกับพื้นร้องไห้ออกมาอย่างหมดแรง
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรพวกเราเชื่อแก...เดี๋ยวฉันจะหาทางช่วยแกเองมิตา ไม่ร้องนะ ไม่ร้องแล้ว...” แจมนั่งลงพร้อมกอดปลอบมิตา แต่ก็แอบน้ำตาซึมตามเพื่อนอยู่ไม่น้อย
***
“ช่วยพิจารณาคดีใหม่อีกทีได้ไหมคะ นะคะคุณตำรวจ ขอร้องล่ะค่ะ”
“ตามที่ผมแจ้งคุณไปเลยครับ ถ้าอยากให้รื้อคดีก็หาหลักฐานและพยานมา”
วันต่อมามิตาก็เดินทางไปที่สถานีตำรวจเพื่อขอร้องให้ทางตำรวจพิจารณาคดีใหม่อีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล พวกตำรวจเอาแต่บอกว่าปิดคดีไปแล้วไม่สามารถทำอะไรได้ แม้มิตาจะบอกว่าพ่อกับแม่เธอถูกฆาตกรรมแต่ตำรวจก็บ่ายเบี่ยงที่จะพูดถึง หาว่าเธอไม่มีหลักฐาน จะเอาแต่พูดลอย ๆ ไม่ได้ ถ้าอยากให้รื้อคดีก็ไปหาหลักฐานมา
