ตอนที่2 รับน้องปีหนึ่ง
# ช่วงเย็นวันต่อมา
“ พวกมึงไปดูเด็กปีหนึ่งรับน้องปะ ปีนี้มีแต่แจ่มๆ กูไปส่องมาละ ” กันต์เอ่ยถามหลังจากลงมาจากตึกเรียนแล้วเจอเข้ากับกลุ่มเพื่อนของตน
“ กูไป ” ขุนเขารีบยกมือขึ้นอย่างไวด้วยท่าทางกระตือรือร้น
“ พวกมึงอะจะไปไหม ” กันต์เอ่ยถามแดนดินกับเป็นหนึ่ง
“ อืม ” เพราะไม่รู้จะไปไหนเขาสองคนจึงตอบตกลงไป
หลังจากตกลงกันได้แล้วสี่หนุ่มฮ็อตคณะวิศวะก็มุ่งหน้าไปยังลานเกียร์คณะวิศวะ
#ลานเกียร์วิศวะ
วันนี้เป็นวันรับน้องวันแรกของนักศึกษาวิศวะปีหนึ่งรวมทุกสาขา ซึ่งปีนี้ทางมหาลัยได้ออกนโยบายให้จัดกิจกรรมนับน้องได้ไม่เกินสามวันทุกอย่างเลยเป็นการเร่งรีบและรวบรัดแบบง่ายๆ
รุ่นพี่ปีสองปีสามใส่เสื้อช็อปประจำแต่ละคณะของตัวเองส่วนปีหนึ่งใส่เสื้อสีดำที่รุ่นพี่แจกจ่ายให้เพื่อเปลี่ยนใส่ในตอนเลิกเรียนก่อนมาทำกิจกรรมรับน้อง
โดยสาขายานยนต์ใส่เสื้อช็อปสีแดงเลือดหมู สาขาโยธาใส่เสื้อช็อปสีเทา สาขาอื่นๆ ก็จะแตกต่างกันออกไป
“ เห้ย!! นั่นน้องคนสวยที่ถามทางเมื่อวานนี่หว่า ” ขุนเขาเอ่ยขึ้นพร้อมชี้ไปที่หลินและเหมยลี่ที่นั่งอยู่ลานเกียร์
“ จริงด้วยว่ะ แม่ของลูกกูเลย ” กันต์เอ่ยสมทบดวงตาเต็มไปด้วยความชมชอบ จนเป็นหนึ่งตวัดสายตาไปมองเพื่อนอย่างไม่ชอบใจนักแต่ก็เก็บซ่อนอาการไว้อย่างมิดชิดภายใต้สายตาเรียบนิ่ง เฉยชาตามสไตล์เขา
“ เอ้า!!น้องๆ พวกพี่ปีสามแนะนำตัวกันหมดแล้วทีนี้ก็ถึงทีพวกคุณแนะนำตัวกันบ้างนะครับ ” เสียงของประทานเฮดว๊ากวิศวะปีสามเอ่ยขึ้น
“ แต่ถ้าจะให้แนะนำตัวแบบธรรมดามันคงจะไม่ใช่สไตล์วิศวะซักเท่าไหร่ ” รองประธานเฮดว๊ากเอ่ยขึ้นตามด้วยเสียงเนิบๆ
“ แต่ว่า…ผมจะให้พวกคุณเต้น พร้อมเอ่ยแนะนำตัวทีละคนเป็นไงครับ ”
“ โหววว / โอ๊ยพี่ ” เสียงปีหนึ่งต่างพากันร้องอิดออดยกใหญ่
“ เงียบบบบ ” ประธานเฮดว๊ากตะโกนลั่นลานเกียร์หยุดเสียงร้องโห่ของรุ่นน้องปีหนึ่งได้เป็นอย่างดี
หลังจากนั้นก็เป็นการแนะนำตัวตามสไตล์ของแต่ละคนต่างสร้างเสียงเฮฮาดังลั่นทั้งลานเกียร์จนมาถึงคิวของหลิน
“ สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะ หนูชื่อหลิน หนูชื่อหลิน มากับเหมยแล้วก็มากับภีม เรียนวิศวะสาขาโยธาค่ะ ”
หลินทำท่าเต้นเบาๆ พร้อมชี้เข้าหาตัวแล้วชี้ไปที่เหมยลี่และภีมเพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จักกันด้วยรอยยิ้มอย่างน่ารัก น่าเอ็นดูจนเห็นลักยิ้มสองข้างทรงเสน่ห์
“ เย็ดโด้ววว อย่างน่ารักอะ / คนรึนางฟ้าวะนั่น / แม่งสเป็กเลยว่ะ ”
หนุ่มๆ แถวนั้นต่างจ้องไปที่ร่างบางพร้อมเอ่ยราวกับละเมอจน สร้างความไม่พึงพอใจให้กับเป็นหนึ่งเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องข่มกั้นความรู้สึกโดยการกำมือแน่นแต่หารู้ไม่ว่าทุกอากัปกริยาของเขาได้ตกอยู่ในสายตาของแดนดินผู้ที่เป็นอินโทรเวิร์ตแต่สายตาเก็บรายละเอียดได้ทุกอย่างเป็นอย่างดี
“ ชอบ? ” แดนดินเตะขาเป็นหนึ่งใต้โต๊ะเบาๆ พรางเลิกคิ้วเป็นการถาม
“ ชอบเหี้ยไร ลำคานเสียงดัง ” หนึ่งชักสีหน้าใส่เพื่อนทันทีที่ถามอะไรไร้สาระ
“ หึ!! ” แดนดินยกยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ กูว่ากูเจอแม่ของลูกแล้วว่ะไอ้ขุน ” กันต์ยกแขนขึ้นมาพาดคอขุนเขา ที่นั่งอยู่ข้างกันพร้อมเอื้อนเอ่ยออกไปราวกับคนถูกมนต์สะกด
“ กูก็เห็นมึงพูดแบบนี้ทุกราย ” ขุนเขาทำหน้าเอือมๆ แล้วยกแขนเพื่อนออก
“ แต่คนนี้กูจริงจังนะเว้ย ” กันต์พูดออกไปโดยไม่ได้มองสายตาเพื่อนที่นั่งตรงข้ามกันเลยสักนิดเพราะสายตามัวแต่จับจ้องร่างบางของหลินอยู่ไม่วางตา
จนเวลารับน้องล่วงเลยไปถึงเวลาเลิกการรับน้องของวันนี้ รุ่นพี่ปีสามจึงได้สั่งแยกย้ายกลับบ้านได้
“ เอาล่ะครับวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนเอาพอหอมปากหอมคอพอวันนี้ พรุ่งนี้เราจะมาจับฉลากคำใบ้พี่รหัสกัน…จะได้ตื่นเต้นกว่านี้แน่ๆ วันนี้เชิญแยกย้ายครับ”
หลังจากจบเสียงพี่ปีสามปีหนึ่งก็แยกย้ายกันทันทีเพราะเหนื่อยล้าเต็มทีทั้งเรียนทั้งรับน้องติดต่อกันหลายชั่วโมง
“ กลับห้องเลยไหมคุณ…” เสียงของเหมยลี่หายไปแค่นั้นเพราะโดนสายตาของหลินจ้องมองเขม็ง แต่แค่แวบเดียวเท่านั้นจนไม่ทันได้มีใครสังเกตเห็นก็ปรับสีหน้าปกติ
" บอกให้เรียกว่าไง " เสียงหลินเอ่ยนิ่งๆ เบาจนแทบจะไม่ได้ยินแต่ถึงอย่างนั้นเหมยลี่ก็ได้ยินชัดแจ๋ว
“ เอ่อ…หลิน ” เหมยลี่มีสีหน้าสลดลงนิดหน่อยก่อนจะทำตัวให้เป็นปกติดังเดิม
“ อืม ” หลินตอบรับในลำคอประมาณว่า ‘จำได้ก็ดี’
“ วันนี้จะไปทำงานที่ผับ จะไปด้วยกันอีกปะ ”
หลินเลิกคิ้วถามเหมยลี่ขณะที่กำลังเดินไปที่รถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่ไม่ได้ทรุดโทรมอะไรแต่ก็ไม่ได้มียี่ห้อที่หรูหราเหมือนคนอื่นๆ ที่เรียนที่มหาลัยแห่งนี้
“ ไปสิหลินไปไหนเหมยก็ไปที่นั่น ” เหมยตอบกลับทันทีโดยไม่ต้องคิด
“ ไม่ต้องตามติดหลินขนาดนี้ก็ได้นะเหมย ไปใช้ชีวิตของตัวเองบ้างงง ”
หลิ่นเอ่ยบอกอย่างอ่อนอก อ่อนใจที่เหมยตามติดเธอไปซะทุกที่ตั้งแต่มาถึงไทย
“ ถ้าทำแบบนั้น แม่ก็ได้ดุเหมยน่ะสิแล้วที่สำคัญ หลินเพิ่งจะมาใช้ชีวิตคนเดียวแบบนี้จะไม่ให้เหมยห่วงได้ไง ” เหมยมีสีหน้าจริงจัง
“ เอาน่าเหมยก็รู้ว่าหลินเก่งจะตายเอาตัวรอดได้น่าาา ”
หลินยกมือขึ้นไปจับมือของเหมยลูบเบาๆ ให้วางใจ
“ เอางั้นก็ได้…แต่ถ้ามีอะไรหลินรีบโทรหาเหมยทันทีเลยนะเข้าใจไหม ”
จากนั้นหลินก็ยิ้มให้พร้อมพยักหน้าเบาๆ
“ หลิน…เหมย รอก่อนๆ ” เป็นภีมที่วิ่งตามมาที่ลานจอดรถ
“ หืมมม!! ” ทั้งสองสาวชงักฝีเท้าแล้วหันหลังไปมอง พรางเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
“ เราลืมแลกคอนแทรกกับพวกเธอสองคนไว้น่ะ ไหนๆ เราก็เรียนคณะสาขาเดียวกัน ห้องเดียวกันแล้วนี่ ” ภีมยิ้มให้สองสาวจนตาหยี
“ อ่อ อื้มเอาโทรศัพท์มาสิ ” เหมยแบมือขอโทรศัพท์จากภีมแล้วก็ให้ไลน์กับไอจีทั้งของตัวเองและหลินให้กับภีมไป
หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน โดยที่เหมยลี่กลับกับหลินเพราะพักคอนโดเดียวกันแต่อยู่กันคนละห้อง
#อีกด้านหนึ่งของลานจอดรถในมหาลัย
“ หึ!!! เสน่ห์แรงไม่เบานี่ ” ในขณะที่หนึ่งนั่งอยู่ในรถคันหรูสีดำเงาราคาห้าสิบล้านเตรียมจะขับออกไปอยู่นั้นก็มองไปเห็นสองสาวที่กำลังเดินมาที่รถโดยมีหนุ่มหล่อวิ่งตามหลังมาคาดว่าจะน่ามาขอเบอร์ไม่ใครก็คนนึง
