ตอนที่3 ทำไมพี่ใจร้ายแบบนี้
“นั่งสิ” พี่เสือหันหน้ามาพูดกับฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ไร้อารมณ์ ไร้ความรู้สึกใดๆ ฉันพยักหน้ายอมเดินไปนั่งที่เตียงตามที่เขาบอก แต่ก็เว้นระยะห่างพอสมควร และฉันก็เอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตากับดวงตาคมคู่นั้นที่เขากำลังใช้มองกันอยู่
“เรื่องเมื่อคืนมันเป็นแค่อุบัติเหตุ” เขาเอ่ยขึ้นส่วนฉันก็ได้แต่กำมือแน่นข่มกลั้นความรู้สึกทั้งหมดที่มี
“ค่ะ” ฉันตอบรับไปเพียงเท่านั้น
“พี่ไม่ได้ตั้งใจ เมื่อคืนพี่เมา” และเขาก็พูดต่อ
“ค่ะ โบว์รู้” ฉันตอบรับเสียงเบา
“อิงฟ้าจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด เรื่องเมื่อคืนมันแค่ความผิดพลาดโบว์เข้าใจใช่มั้ย” แม้น้ำเสียงเขาจะไม่ได้กระด้างและห้วนมากแต่มันก็ทำให้ฉันเจ็บลึกได้เหมือนกัน
“ค่ะ โบว์เข้าใจ” และฉันก็ยังคงก้มหน้าตอบรับ กำมือจิกเล็บเข้าที่หน้าขาแน่น น้ำตาก็เริ่มคลอจนต้องกริบตาถี่ๆไล่หยาดน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาประจานความอ่อนแอของตัวเอง
“ถ้าเข้าใจก็ดี เอาเป็นว่าเรื่องเมื่อคืนพี่ขอโทษ…ลืมมันไปซะ” ว่าจบเขาก็ลุกขึ้นเดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าฉัน จับมือฉันขึ้นมาแล้วยัดเงินจำนวนนึงใส่มือฉัน…ฉันจึงค่อยๆเงยหน้ามองเขาช้าช้า
“นะ นี่มันอะไรกันคะ…โบว์ไม่ได้ขาย โบว์ไม่ใช่อีตัวนะพี่เสือ ที่มีอะไรกันเสร็จแล้วพี่จะเอาเงินมายัดให้โบว์เหมือนคนไม่มีค่ามีราคาอะไรอะ” และตอนนี้ฉันก็ไม่สามารถเก็บกั้นน้ำตาไว้ได้แล้ว ครั้งแรกของฉัน ความรู้สึกของฉันมันไม่มีค่าอะไรในสายตาเขาเลยงั้นหรอ
“รับไปเถอะ แล้วให้มันจบลงแค่ตรงนี้” ว่าจบเขาก็หันหลังเดินออกจากห้องไปเลย เขาไม่หันกลับมามองฉันเลยซักนิด
“ฮึก ทำไมพี่ใจร้ายกับโบว์แบบนี้พี่เสือ ฮืออออ!!” ฉันทรุดลงนั่งกับพื้นกำเงินปึกที่เขายัดมาให้ในมือแน่น แค่ก็เสียใจได้ไม่นานโทรศัพท์ฉันก็ดังขึ้นมา
คลืด คลืด คลืด [Gift Call…]
“อื้อ ว่าไงยัยกิ๊ฟ” ฉันรีบเช็ดน้ำตาออกแล้วปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ตื่นยังคะเนี่ย ทำไมน้ำเสียงฟังดูแปลกๆ”
แม้จะพยายามควบคุมเสียงให้เป็นปกติแล้วแต่ก็ไม่รอดพ้นเลด้าสแกนจากเพื่อนจอมจุ้นอยู่ดี
“เปล่า เป็นหวัดค่ะเมื่อคืนสงสัยเปิดแอร์แรงไป” ฉันตอบแบบแถๆไป เพราะว่าฉันเป็นบ่อยคือฉันมักจะเป็นภูมิแพ้น่ะ
“อ้อ ละนี่เตรียมตัวจะกลับยังพอดีฉันมีงานด่วนน่ะเลยโทรมาบอกแกว่าฉันกลับก่อนแกแล้วนะ ไม่ต้องรอ”
“โอเคๆ ฉันกำลังจะกลับเหมือนกัน…ถ้าไม่มีอะไรแล้วแค่นี้ก่อนนะแกฉันจะลงไปแล้วล่ะ”
หลังจากนั้นก็วางสาย แล้วเดินลงไปที่รถเพื่อขับกลับคอนโดของตัวเอง แต่ก่อนเข้าคอนโดฉันก็ไม่ลืมที่จะซื้อยาคุมฉุกเฉินมากินเพราะฉันไม่รู้ว่าเมื่อคืนพี่เสือได้ป้องกันหรือเปล่า ฉันคงไม่ยอมให้เรื่องผิดพลาดคืนเดียวมาทำลายชีวิตฉันและเขาแน่แน่
#หลายอาทิตย์ต่อมา
ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นที่ผับฉันก็ไม่เคยเจอพี่เสืออีกเลย ฉันยังคงใช้ชีวิตปกติ ไปถ่ายแบบและกลับห้องพาพักผ่อน และวันนี้ฉันก็มีถ่ายแบบไกล้กับห้างเอสพลาซ่าจึงตั้งใจว่าจะไปช็อปปิ้งกับผู้จัดการคนสวยซักหน่อย
พี่จีจี้ ผู้จัดการสาวสองคนสวยของฉันเรารู้จักกันตอนฉันเรียนอยู่ปีสอง ฉันมีโอกาสได้ไปเดินแบบงานแรกที่งานการกุศลแห่งนึงที่อาจารย์พาไป ฉันเป็นดาวคณะนิเทศน่ะเลยได้ออกงานของมหาลัยบ่อยๆ
หลังจากเดินแบบเสร็จพี่จีจี้ก็มาทาบทามให้ฉันไปทำงานด้วยกัน ซึ่งกันก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธเพราะชอบด้านนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และนับตั้งแต่วันนั้นมาฉันก็มีงานเข้ามาตลอด จนเป็นที่รู้จักไปค่อนประเทศ
“โบว์ พี่จีจี้ว่าช่วงนี้โบว์ดูไม่สดใสเลยนะ พี่รับงานให้โบว์หนักไปหรือเปล่า” พี่จีจี้ถามขึ้นขณะที่เรากำลังจะเดินไปร้านเสื้อผ้าร้านประจำ
“เปล่าค่ะ ช่วงนี้โบว์มีเรื่องเครียดๆนิดหน่อยค่ะไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่จีจี้” ฉันกันไปตอบและยิ้มให้พี่จีจี้เพื่อให้พี่จีจี้สบายใจขึ้น
“มีเรื่องเครียดอะไรบอกพี่ได้นะคะ ยังไงโบว์ก็เปรียบเสมือนน้องสาวพี่คนนึงนะ”
พี่จีจี้พูดพร้อมกับเอามือมาลูบหัวฉัน คงจะมีแต่พี่จีจี้นี่แหละที่อยู่เคียงข้างฉันมาตลอดและเป็นที่ปรึกษาได้ดีที่สุดรองลงมาจากเพื่อนๆของฉัน เพราะพ่อแม่ฉันอยู่ต่างประเทศซะส่วนใหญ่ ฉันเป็นลูกคนเดียวจึงได้ใช้ชีวิตโดยอ้างว้างมาตลอดแต่ก็ต้องทำเป็นเข้มแข็งทั้งที่บางครั้งฉันอ่อนแอร์แต่ไม่สามารถบอกใครได้
“ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่จีจี้”
หลังจากจบบทสนทนาสายตาฉันก็เหลือบไปเห็นพี่เสือกับอิงฟ้ากำลังเดินเข้าไปร้านอาหารร้านนึง สงสัยฉันจะยืนมองนานไปพี่จีจี้เลยเรียกฉันขึ้น
“โบว์…โบว์เป็นอะไรหรือเปล่าอยู่ดีดีก็หยุดเดิน แล้วนี่มองอะไรอยู่อะ” พี่จีจี้ถามแล้วก็หันไปมองตรงที่ฉันมองอยู่
“อ้าว!!! นั่นคุณหมออิงฟ้านี่ใช่มั้ย เราเข้าไปทักกันหน่อยมั้ย” พี่จีจี้ทำท่าจะเดินไปที่ทั้งสองคนนั้นฉันเลยรีบจับแขนพี่จีจี้ไว้
“ยัยอิงนางมากับแฟนน่ะค่ะ อย่าเข้าไปรบกวนเค้าทั้งคู่เลยค่ะ” ฉันเอ่ยบอกพี่จีจี้ไปแต่ใจกลับรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาซะเอง
“จริงหรอ…ทำไมพี่ไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่าคุณหมออิงฟ้ามีแฟน” พี่จีจี้ทำท่าครุ่นคิด มองฉันตาปริบๆ
.
.
เม้าส์มอยกันหน่อย….
“อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นนน”
“สู้ๆนะโบว์อดทนไว้ก่อน”
“แล้วเค้าจะบังเอิญเจอกันบ้างไหมนะ”
“ก็มีโอกาสนะคะ โลกมันกลมอะเนอะ”
จะบังเอิญในรูปแบบไหนมาติดตามตอนต่อไปกันนะคะ
