หรือนี่คือธุรกิจที่ฉันควรทำ 2
ส่วนร้านในหมู่บ้านมีราคาเท่ากันแต่ว่ามันเป็นข้าวเก่า ไหนจะคนที่ทำงานในสหกรณ์เป็นคนที่ไม่ชอบหวางเหมิงเหมิงอีก ถ้าไปซื้อรับรองว่าเรื่องต้องแพร่กระจายไปอย่างแน่นอน
"ฉันใช้ทำอาหารหมดแล้วค่ะ วันนี้ถึงได้เข้ามาซื้อใหม่" หวางเหมิงเหมิงตอบ ความจริงข้าวรอบก่อนที่ร่างเดิมซื้อเอาไว้ถูกบ้านใหญ่ยึดไปเกือบหมดแล้ว
"วันนี้เดี๋ยวแถมให้ชั่งหนึ่งก็แล้วกัน ลูกชายของเธอผอมเกินไปแล้ว" เขาว่าอย่างสงสาร
“ขอบคุณค่ะ"
หลังจากซื้อข้าวหวางเหมิงเหมิงก็ฝากไว้ที่ร้านก่อน เนื่องจากเธอต้องพาลูกชายไปซื้อของอื่น ๆ โดยเฉพาะของแห้งที่เป็นแหล่งของการบำรุงร่างกาย
"เกากี๋ พุทราแห้ง เห็ดหูหนู เห็ดหอม อืม สาหร่ายทะเล ปลาอบแห้ง อ๋อ นมผง" หวางเหมิงเหมิงหยิบของใส่ตะกร้าพลางตรวจดูสิ่งของที่ต้องการซื้อในกระดาษไปด้วย
ส่วนมากจะเป็นของกินที่หวางเหมิงเหมิงต้องการนำไปบำรุงลูกชาย ส่วนนมเพราะตอนนี้ลูกชายของเธอผอมเกินไปและคิดว่าคงไม่ได้ดื่มนมแม่ตลอด และแน่นอนว่าเธอย่อมไม่ยอม เดินเข้าเพียงสองร้านเงินที่มีในบ้านสามร้อยหยวนลดเหลือเพียงสองร้อยหยวน หวางเหมิงเหมิงยังเดินไปซื้อของอีกสองสามอย่างก่อนพาลูกชายแวะร้านอาหาร
ร้านอาหารที่หวางเหมิงเหมิงเลือกเข้า มันไม่ใช่ร้านที่ใหญ่แต่มีลูกค้าเดินเข้าไม่ขาดสาย ในความทรงจำหวางเหมิงเหมิงไม่เคยกินร้านนี้ เพราะคิดว่าราคาอาหารหนึ่งจานสามารถทำให้ที่บ้านใช้ชีวิตได้เป็นวัน แต่ว่าหวางเหมิงเหมิงคนนี้ต้องการให้ลูกชายได้กินของอร่อย
"เอาบะหมี่เนื้อสองชาม ชามหนึ่งไม่ใส่น้ำมันพริก เส้นน้อยขอเพิ่มเนื้อ ส่วนอีกชามเอาตามปกติ เอาตุ๋นเนื้อแยกมาชามหนึ่งด้วยค่ะ" หวางเหมิงเหมิงสั่งอาหารทันทีที่ได้โต๊ะนั่ง
"บะหมี่ชามละห้าเหมา ส่วนเนื้อตุ๋นหนึ่งหยวน" อีกฝ่ายตอบและไม่ยอมเดินไปสั่งอาหารให้ หวางเหมิงเหมิงมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ๆ ประมาณห้านาทีก่อนที่หล่อนจะชักสีหน้าใส่ จึงนำเงินสองหยวนออกมาวางบนโต๊ะ
“จริงอยู่ที่ว่าชุดของฉันมันเก่า แต่ฉันมีเงินที่จะซื้อ"
"ที่นี่มีพวกลูกค้าไม่เจียมตัวมากินบ่อย ทางร้านเลยต้องเก็บเงินก่อน" หล่อนบอกเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไป หวางเหมิงเหมิงนิ่วหน้าแต่สภาพเธอสองแม่ลูกก็ไม่ต่างจากขอทานจริงๆ นั่นแหละ
"แม่ครับ ทำไมป้าคนนั้นมองพวกเราแบบน่ากลัว" หลินจื่อมู่เอ่ยขึ้นมา
หวางเหมิงเหมิงส่ายหน้า ก่อนจะสอนลูกเบาๆ อย่างน้อยคนที่ได้ยินก็น่าจะพอใจที่มีคนกล่าวชม คนที่ปากหวานมักได้กินของอร่อย อย่างลูกพี่ลูกน้องของร่างนี้ที่ปากหวานออดอ้อนจนแม่สามีรักและตามใจเสียขนาดนั้น
"ลูกต้องเรียกพี่เขาว่าพี่จ้ะ ไม่ใช่ป้า พี่เขายังอายุน้อยกว่าแม่"
“ครับ” หลินจื่อมู่ตอบรับอย่างว่าง่าย สายตาเขามองสำรวจไปทั่วอย่างสนใจใคร่รู้ เพราะเขาไม่ค่อยได้มาตลาดกับมารดาเลย
เพียงความประทับใจแรกว่าไม่ผ่านแล้ว อาหารใช้เวลาถึงยี่สิบนาที ทั้ง ๆ ที่คนน้อย หลังชิมคำแรกหวางเหมิงเหมิงถึงกับนิ่วหน้าอีกครั้ง ก็เพราะมันไม่อร่อยน่ะสิ!
"ไม่อร่อยเหมือนที่แม่ทำเลย" หลินจื่อมู่เขี่ยเนื้อในชามไปมาพลางบ่น ขนาดไข่ตุ๋นของแม่ยังอร่อยกว่าบะหมี่ชามเนื้อนี่อีก แต่เมื่อแม่เสียเงินซื้อแล้วเขาจึงตั้งใจกินให้หมดจะได้ไม่เสียดายเงิน
ทั้ง ๆ ที่มีลูกค้าเดินเข้าออกร้านและหลินจื่อมู่ที่ไม่ค่อยได้กินเนื้อยังบอกว่ามันไม่อร่อย เพียงแต่ปริมาณที่ได้มันเยอะมาก มองลูกชายที่เคี้ยวเนื้อแก้มตุ่ยพลางคิด 'หรือนี่คือธุรกิจที่ฉันควรทำ"
ชีวิตก่อนด้วยมีเงื่อนไขของการทำงานและสัญญาติดตัว ต่อให้มีเงินก็ใช่ว่าจะเปิดร้านอาหารแล้วไปรอด ในฐานะเชฟคนหนึ่งการที่ทำอาหารแล้วมีคนชมย่อมเป็นเรื่องหน้ายินดี แต่ว่าเธอไม่มีเงินทุนอะไรทั้งนั้น
ถึงจะบอกว่าไม่อร่อยแต่หวางเหมิงเหมิงกับลูกชายเสียดายของ อาหารในชามกินเกลี้ยงก่อนพากันออกจากร้านไปยังร้านข้าวสารเพื่อรับของที่ซื้อเอาไว้ พร้อมจ้างรถลากสามล้อไปส่งที่บ้าน ด้วยของที่ซื้อมันเยอะจะให้ลูกชายช่วยถือก็เป็นการรังแกเด็กเกินไป
