ย้อนเวลากลับมาปี1978
สามีของเธอจดทะเบียนสมรสกับไป๋เสวี่ยหลานมานานแล้ว หมายความว่าที่ผ่านมาเธอเป็นชู้ของพวกเขาอย่างนั้นหรือ น้ำตาหลั่งไหลออกมาราวกับสมเพชในโชคชะตาของตนเอง
ที่ผ่านมาเธอทำงานราวกับทาสรับใช้ของครอบครัวสามี ทำทุกอย่างเพื่อให้แม่สามียอมรับ พี่ชายพี่สะใภ้ของสามี ถังเยว่ถิงไม่เคยตอบโต้เมื่อได้รับความไม่เป็นธรรม นี่คือสิ่งที่พวกเขาตอบแทนเธออย่างนั้นหรือ
“เสียดายที่เหว่ยเฉียงกับเหว่ยถงเกิดเป็นลูกของเธอจริง ๆ ถ้าพวกเขาเกิดเป็นลูกของฉัน คงไม่ต้องเรียกฉันว่าแม่ อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ” ความจริงหล่อนกับสามีรอให้เขาได้เป็นข้าราชการถึงจะเขี่ยถังเยว่ถิงทิ้ง ใครจะคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะท้อง
ทำให้หล่อนกับสามีเลือกที่จะยังไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ เพราะนอกจากสามีจะได้เป็นข้าราชการที่พวกเขาต้องการ ถังเยว่ถิงยังทำงานหนักหาเงินให้ที่บ้าน และยังต้องเลี้ยงลูกของสามีที่เขาบอกว่าในอนาคตหากเขาตัดขาดกับผู้หญิงคนนี้แล้วจะไม่ยุ่งยาก
สิ้นเสียงคำพูดของคนที่สามีเคยบอกว่าเป็นสหาย แต่แท้จริงคือภรรยาที่เขาไม่เคยบอกใคร สิ่งที่หล่อนกล่าวออกมาเหมือนกับบอกว่า ลูกของเธอรู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้ว
ถังเยว่ถิงหลับตาลงอย่างผิดหวัง ความรัก ความใส่ใจแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดและความโกรธแค้น เธออยากถามพวกเขาว่าทำไม ทำไมถึงได้หลอกลวงเธอแบบนี้ เฮือกสุดท้ายของชีวิตอยากเห็นหน้าลูก ๆ แต่พวกเขาก็ไม่เคยมาเยี่ยมเยือน อยากถามพวกเขาว่า เคยเห็นเธอเป็นแม่บ้างหรือไม่
ทว่าน่าเสียดาย ก่อนที่ถังเยว่ถิงจะเสียชีวิตลงในวัยห้าสิบปี ที่โรงพยาบาลอย่างโดดเดี่ยวก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเยือนเธออีกเลย นอกจากผู้หญิงคนนั้นที่เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย และความจริงที่ทำให้เธอรู้ว่า เธอก็แค่ชู้คนหนึ่งเท่านั้น...
สาธารณรัฐประชาชนจีน ปี 1978 ต้นเดือนสิงหาคมอากาศร้อนอบอ้าว ผู้คนส่วนมากที่ไม่ได้ทำงานหรือกำลังพักผ่อนต่างหาจุดนอนพักอย่างชำนาญ เสียงพูดคุยไหลตามกระแสลมไปตามทิศทางของลม หลายกลุ่มกำลังนินทาคนนั้นคนนี้อย่างสนุกปาก
เปลือกตาสีไข่ขยับไปมาอย่างรำคาญ ร่างที่นอนหลับบนแคร่ไม้ข้างบ้านค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างมึนงง เจ้าตัวหันมองรอบตัวอย่างไม่เข้าใจ ความทรงจำล่าสุดของเธอก็คือตอนที่รู้ความจริง ว่าเธอเป็นชู้ของสามีสวะกับไป๋เสวี่ยหลานที่โรงพยาบาล
ใช่ ถังเยว่ถิงมองมือของตนเองด้วยความอึ้ง นี่ไม่ใช่มือของเธอแน่ ๆ เพราะล่าสุดแทบจะไม่มีที่ให้เข็มตำแล้ว
“ไม่ใช่ว่าตอนเข้าโรงพยาบาลที่มือก็ยังมีเหรอ” ถังเยว่ถิงพึมพำอย่างไม่ค่อยเข้าใจ แต่มือที่เห็นนี่ยังอ่อนเยาว์จนทำให้เธอสับสน
‘แม่ หนูหิว’
‘ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน ทำไมในตู้ถึงไม่มีกับข้าว’ น้ำเสียงผู้หญิงกระแทกด้วยความหงุดหงิด
‘เหวยผิงรอกินตอนเย็นได้ไหมลูก ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ทำอาหารเอาไว้ให้เรา’ ‘แม่ทำไม่ได้เหรอ’
‘อย่างี่เง่าได้ไหม ฉันยุ่งอยู่’
ถังเยว่ถิงชะงักเพราะเสียงที่คุ้นหู “นั่นพี่สะใภ้กับเหวยผิงเหรอ แต่ทำไมหลานสาวถึงเสียงเด็กแบบนั้น” ความทรงจำเกี่ยวกับสองแม่ลูกที่จำได้ก็คือหลานสาวของสามีสวะแต่งออกไปนานหลายปีแล้ว
“แม่” น้ำเสียงที่ยังเป็นเด็กร้องขึ้นด้วยความไม่พอ “หล่อนอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่ว่านอนเพิ่งตื่นเหรอ” จางหงเยี่ยนเดินตามลูกสาวออกมานอกบ้าน เห็นน้องสะใภ้นั่งอยู่แต่เหมือนเพิ่งตื่นก็โมโห
“ทำไมบ้านของฉันถึงมียัยผู้หญิงเกียจคร้านคนนี้ด้วย วัน ๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่นั่งกับนอน”
“พี่สะใภ้ เหวยผิง” สีหน้าถังเยว่ถิงซีดเผือดราวกับเห็นผี ก่อนลุกพรวดวิ่งเข้าห้องด้วยความเร็ว
“สะใภ้รอง!” จางหงเยี่ยนเห็นแบบนั้นก็ร้องเรียกอย่างไม่พอใจ นี่หล่อนกล้าข้ามหัวพี่สะใภ้ไปได้อย่างไร เสียมารยาทจริงๆ
ถังเยว่ถิงไม่ได้สนใจพี่สะใภ้ เพราะตอนนี้หัวใจเธอกำลังเต้นแรงอย่างตื่นเต้น แววตามีความหวังบางอย่าง ภายในบ้านอิฐหลังขนาดกลางสี่ห้องนอน
ถังเยว่ถิงเดินเข้าไปดูปฏิทินที่แขวนเอาไว้บนผนัง ยิ่งเห็นวันเดือนปียิ่งทำให้เธอถึงกับยืนนิ่ง เธอกลับมาแล้วจริง ๆ กลับมายังอดีตที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเอง
