ตอนที่ 5 อธิษฐานดั่งคนเขลา2
น้ำขิงร้อนๆถูกยกขึ้นจิบจนหมดก่อนที่ถ้วยที่แต่เดิมเคยมีน้ำขิงอยู่นั้นจะถูกสาวใช้ผู้หนึ่งยกออกไปเก็บ
“คุณหนู ท่านจะเข้านอนเลยหรือไม่เจ้าคะ” เป็นติงหยู่ที่เป็นผู้เอ่ยถามคุณหนูของตน
“ยังก่อน ข้าอยากจะอ่านหนังสือต่ออีกหน่อย” นางเอ่ยขึ้นพร้อมขยับตัวลุกขึ้นไปนั่งที่โต๊ะแปดเซียน
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแน่นอนว่าติงหยู่รู้ดีว่าคุณหนูของนางต้องการอ่านหนังสืออย่างสงบจึงได้เดินไปหยิบหนังสือที่คุณหนูของนางอ่านค้างเอาไว้มาให้ แล้วจึงถอยออกไปรอท่ารับใช้คุณหนูของนางอยู่ที่ห้องด้านหน้า
หลังจากที่สาวใช้คนสนิทของนางออกไปจากห้องแล้วนั่นแหละ ซูเมิ่งจึงได้ลุกขึ้นแล้วย้ายไปนั่งเอนตัวพิงที่เก้าอี้กุ้ยเฟยแทน
วันนี้หลังจากกลับจากอารามจนกระทั่งจนถึงยามนี้นางยังรู้สึกเหนื่อยอยู่นิดหน่อยแต่ยังไม่อยากนอนพัก ในใจนางยามนี้คิดไปถึงตอนที่ตนกำลังจะก้าวลงจากรถม้าโดยมีติงหยู่ค่อยยื่นมือประคองอยู่ด้านล่าง ระหว่างที่กำลังเดินลงนั้นอยู่ๆนางก็เสียหลักจนเกือบจะตกลงมา จำได้ว่าตอนนั้นติงหยู่ร้องเสียงดังด้วยความตกใจ แต่โชคดีที่เว่ยมู่เหยียนนั้นเห็นเหตุการณ์ประกอบกับที่เขายืนอยู่ไม่ไกลนักจึงสามารถเข้ามาช่วยเหลือนางได้ทัน
นางยังจำได้ดีถึงความรู้สึกร้อนๆแปลกๆยามที่ตนตกอยู่ในอ้อมแขนของเขา ยามนั้นนางรู้สึกเหมือนทั่วทั้งร่างโดนของร้อน จิตใจนางไม่อยู่กับที่ทำสิ่งใดต่อจากนั้นไม่ถูก จำได้เพียงว่าเป็นติงหยู่อีกนั่นแหละที่รีบร้อนเขามาประคองนางออกจากเว่ยมู่เหยียนผู้นั้น
ด้วยทั้งเขินอายจึงทำสิ่งใดไม่ถูก ตนจึงรีบเดินเข้าจวนโดยมีติงหยู่ช่วยประคอง จำได้ว่านางเพียงเอ่ยคำขอบคุณออกไปด้วยน้ำเสียงแสนเบา ราวกับไม่ได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใดด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเขานั้นจะได้ยินหรือไม่ แต่เป็นไปได้มากว่าจะไม่ได้ยินเสียมากกว่าด้วยซ้ำ
ไม่รู้ว่ายามนี้เว่ยมู่เหยียนนั้นจะคิดว่านางไร้มารยาทหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นจริงไม่ใช่ว่านางคงถูกเขารังเกียจไปแล้วตั้งแต่ยังไม่ได้แต่งงานกันหรอกหรือ
นางนั่งคิดวนไปมาในหัวอยู่นานหนังสือในมือก็ไม่ได้พลิกหน้าอ่านเสียสักหน้าเดียว
จนกระทั่งสาวใช้คนสนิทอย่างติงหยู่เข้ามาถามว่านางจะเข้านอนหรือยังอีกครั้งนั่นแหละนางจึงได้ออกจากความคิดที่วนเวียนของตนได้ จึงได้แต่ให้ติงหยู่พานางเข้านอน แล้วความเหนื่อยล้าก็ทำให้นางหลับไปหลังจากที่หัวถึงหมอนได้เพียงไม่นาน
เช้าวันต่อมาหน้าประตูจวนสกุลเหลียงคิกคักยิ่ง เมื่ออยู่ๆมีต้นจวี๋ฮวาซึ่งกำลังออกดอกบานสะพรั่งอย่างสวยงามมากมาย ใส่กระถางรวดรายงดงามประณีตดูมีราคายิ่งจำนวนมากถูกส่งมา โดยที่ผู้ที่ส่งมาให้นั้นหาใช่ใครอื่นนอกจากคุณชายสกุลเว่ย เว่ยมู่เหยียนนั่นเอง
ดอกไม้ทั้งหมดถูกส่งมาให้โดยมีผู้รับคือคุณหนูรองสกุลเหลียง แน่นอนว่าเหลียงซูเมิ่งมองดูเหล่าต้นจวี๋ฮวามากมายด้วยอารมณ์หลากหลาย นางทั้งไม่เข้าใจและแปลกใจว่าใยเขาจึงส่งต้นจวี๋ฮวามากมายเหล่านี้มาให้นาง แม้นางจะดีใจเป็นอย่างมากแต่ก็ยังอดข้องใจไม่ได้อยู่ดี หรือบางทีเมื่อวานที่อารามเขาจะเห็นยามที่นางอยู่ตรงต้นจวี๋ฮวา
นางคงไม่ได้เผลอทำสิ่งใดแปลกๆออกไปโดยไม่รู้ตัวหรอกกระมัง นางช่างไม่ค่อยไว้ใจความพลั้งเผลอของตัวเองเลย
แตกต่างจากเหลียงฮูหยินที่แทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ นางคิดไม่ผิดจริงๆที่จะให้เด็กทั้งสองแต่งงานกัน เว่ยมู่เหยียนหลานชายของนางแม้ภายนอกจะดูเย็นชาไปบ้างแต่ก็รู้ว่าเขานั้นเป็นคนกตัญญูเป็นคนดีรู้หน้าที่ของตนยิ่ง นางยิ่งวางใจว่าอีกไม่นานหลังจากที่เมิ่งเมิ่งของนางแต่งออกไปแล้วจะได้สามีที่ดูแลนางได้อย่างดี ตัวนางไม่ต้องกังวลหรือเป็นห่วงบุตรสาวของตนจนเกินไปอีกต่อไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้เว่ยมู่เหยียนในใจเหลียงฮูหยินยิ่งดูเป็นคนดีเพิ่มมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวนัก เรียกได้ว่าถูกใจนางยิ่งกว่าผู้ใด ในสายตายามนี้มองเห็นว่าที่บุตรเขยราวกับเป็นเทพเซียนก็มิปาน
