ตอนที่ 17 ฮูหยินน้อย1
คืนวิวาห์พ้นผ่าน ยามที่ดวงอาทิตย์โล่งพ้นขอบฟ้าบ่งบอกเวลาว่าเป็นเช้าวันใหม่ บ่าวรับใช้รวมไปถึงสาวใช้ที่ยืนรอท่ารอรับใช้เจ้านายทั้งสองของพวกตนที่บริเวณไม่ไกลจากหน้าเรือนหอต่างพากัน ชะเง้อชะแง้ มองไปทางประตูหน้าเรือนหอพลางซุบซิบกันเบาๆอย่างระมัดระวัง
“เกินคาดนัก สายเช่นนี้คุณชายรองยังไม่ก้าวออกมาอีก”
“นั่นสิ ข้าเองก็นึกว่าคุณชายรองจะไม่ค้างที่เรือนหอด้วยซ้ำ”
“คุณชายรองไม่ค้างที่ห้องหอได้รึ เมื่อคืนไม่ใช่ว่าฮูหยินเว่ยมายืนอยู่หน้าห้องหอด้วยตัวเองอยู่นานสองนานรึอย่างไร ต่อให้คุณชายรองอยากออกก็ใช่ว่าจะออกมาได้เสียหน่อย”
แน่นอนว่าเสียงซุบซิบทั้งหลายไม่สามารถรอดพ้นหูของ จินข่ายและติงหยู่ได้ เมื่อพวกเขาได้ยินก็รีบหันไปทางเสียงที่ได้ยินและพูดตักเตือนเหล่าสาวใช้ทันที
“ซุบซิบเรื่องเจ้านายต่อหน้าข้า ไม่กลัวข้านำความไปรายงานแล้วพวกเจ้าจะโดนลงโทษหรอกรึ” เป็นจินข่ายเอ่ยขึ้น
“ข้าเป็นคนใหม่เพิ่งติดตามคุณหนูมาที่จวนสกุลเว่ยแห่งนี้ แม้ยังไม่รู้แน่ชัดว่าหากบ่าวไพร่นินทาเจ้านายมีโทษเช่นไรที่นี่ แต่ก็คิดว่าคงไม่ต่างจากที่สกุลเหลียงของเรามากนัก ที่ลงโทษโบยก่อนจะขายออกไปในราคาถูกๆกระมัง” ครานี้เป็นติงหยู่ที่ตั้งใจแกล้งเอ่ยถามจินข่ายออกมา
“กฎสกุลเว่ยเราก็ไม่ต่างกันหรอก โบยสามสิบไม้และขายออกเท่าราคาซาลาเปาเพียงหนึ่งลูก”
“เท่ากับซาลาเปาเพียงหนึ่งลูก ไม่ใช่ว่าถูกมากหรอกหรือ” ติงหยู่เอ่ยถามต่ออย่างสนใจ
“แน่นนอนว่าถูกเป็นอย่างมาก เพราะพวกที่มาซื้อไปจะได้รู้ว่าบ่าวพวกนี้เป็นที่ไม่พอใจต่อเจ้านาย ต่อไปคงจะได้ไปอยู่ในที่ๆไม่มีความสบายใดๆอีก”
“อ่า ที่แท้กฎบ้านสกุลเว่ยก็หนักแน่นเพียงนี้เชียว”
“แน่นอนหากไม่แล้วในจวนคงจะหาความสงไม่ได้กระมัง”
จินข่ายและติงหยู่แอบส่งสายตาในกันอย่างอยู่ความ ในใจพวกเขาต่างแอบหัวเราะอยู่ เมื่อเห็นว่าสาวใช้ที่ซุบซิบพูดคุยกันเมื่อครู่พากันเงียบเสียง ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดขึ้นอีก เรียกได้ว่ายืนเป็นก้อนหินก้มหน้ากันเสียทีเดียว
เห็นที่เรื่องที่พวกเขาตั้งใจพวกในคนพวกนี้ได้ฟังจะได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก
หนึ่งเค่อ (1 เค่อ เทียบเท่ากับ 15 นาทีโดยประมาณตามเวลาสากล ในหนึ่งวันมีทั้งหมด 100 เค่อ ในแต่ละชั่วยามมีทั้งหมด 8 เค่อ) ต่อมาจึงมีเสียงดังเล็กน้อยออกมาจากหน้าประตูห้องหอ และผู้ที่ก้าวออกมาก็คือคุณชายรองเว่ยมู่เหยียนของจินข่ายนั้นเอง คุณชายรองนั้นโบกมือเรียกจินข่ายให้เข้าไปหา ก่อนจะกระซิบกระซาบเสียงเบา เพียงไม่นานเว่ยมู่เหยียนนั้นก็เดินไปที่ห้องด้านข้างอีกห้องหนึ่งที่อยู่ติดกับห้องหอ
ด้านจินข่ายก็เดินมาสั่งเหล่าสาวใช้เดิมของจวนให้ไปเตรียมน้ำมาให้คุณชายรองของตนอาบที่ห้องด้านข้าง เมื่อสาวใช้แยกย้ายกันไปจัดหาของตามที่จินข่ายสั่งแล้ว
จินข่ายนั้นก่อนที่จะเข้าไปรอท่ารับใช้คุณชายรองของตนที่ห้องด้านข้างนั้น ก็ได้แวะกระซิบติงหยู่เบาๆก่อนไปว่า
“คุณชายข้าให้มาเอ่ยบอกพวกเจ้าไว้ว่าฮูหยินน้อยยังไม่ตื่น พวกเจ้าไม่ต้องเข้าไปปลุกฮูหยินน้อย เมื่อคืนฮูหยินน้อยกว่าจะได้นอนก็ดึกมากแล้ว คุณชายรองของข้าอยากให้ฮูหยินน้อยนั้นได้นอนต่ออีกหน่อย”
เมื่อจินข่ายเอ่ยจบก็จากไป ด้านติงหยู่และสาวใช้อีกสี่นางที่ติดตามมาจากจวนสกุลเหลียงได้ฟังก็พากันพยักหน้าอย่างเข้าใจ ใบหน้าพวกนางอดที่จะปรากฏสีแดงจางๆขึ้นที่ข้างแก้มไม่ได้ เมื่อเผลอคิดไปโดยไม่ได้ตั้งใจถึงเหตุที่ทำให้คุณหนูของนางต้องนอนดึกเมื่อคืน
ล่วงเข้ายามซื่อ (09.00 - 10.59 น) นั่นแหละพวกติ่งหยู่ถึงได้ยินเสียงเรียกของคุณหนูของพวกนางดังขึ้นมาจากห้องด้านในภายในห้องหอ
เหลียงซูเมิ่งที่เพิ่งตื่นเต็มตามองดูสาวใช้คนสนิทของนางรวบม่านเตียงเก็บด้านข้างอย่างเรียบร้อยอย่างไม่เร่งรีบ นางหลับตาลงก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง ครานี้จึงได้มองเห็นความผิดปกติรอบๆภายนอกเตียงนอน พลันนึกขึ้นมาได้ว่ายามนี้นางไม่ได้อยู่ที่เรือนตนที่บ้านสกุลเหลียงแต่อยู่ที่เรือนหอที่บ้านสกุลเว่ยต่างหากเล่า
“นี่ นี่ไม่ใช่ว่าข้าตื่นสายมากแล้วไม่ใช่หรือ” นางเอ่ยถามสาวใช้คนสนิทอย่างร้อนรน
แต่กลับเหมือนมีเพียงนางที่ร้อนรนติงหยู่หาได้เป็นเช่นเดียวกันกับนางไม่ สาวใช้ของนางผู้นี้กับประคองนางนั่งที่ริมขอบเตียงอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยตอบกลับนางมา
“เรียนคุณหนูยามนี้ล่วงเข้ายามซื่อมากว่าครึ่งแล้ว หากท่านจะเอ่ยว่าสายก็ไม่แปลกหรอกเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นใยเจ้าไม่รีบเรียกข้า” นางถามต่อ
“คุณชายรองสั่งเอาไว้ไม่ให้พวกบ่าวเข้ามารบกวนคุณหนูเจ้าค่ะ”
สาวใช้ของนางยังคงกล่าวออกมาอย่างเป็นปกติ
“ไม่ถูกแล้ว ติงหยู่ข้าแต่งเข้ามาวันแรกก็ตื่นสาย เช่นนี้ผู้ใหญ่ท่านจะว่าอย่างไร ข้าต้องไปคาราวะท่านพ่อท่านแม่สามีแต่เช้าไม่ใช่หรืออย่างไร” ครานี้น้ำเสียงของนางทั้งร้อนรน ใบหน้าท่าทางแสดงออกว่าตกใจทำสิ่งใดไม่ถูกเป็นอย่างยิ่ง
