ตอนที่ 13 เปลี่ยนที่นอนคืนแรก1
กว่าหนึ่งชั่วยามแล้วเห็นจะได้ที่เหลียงซูเมิ่งนั้นนั่งนิ่งอยู่ที่เตียงนอนในห้องหอ เสียงสังสรรค์ที่ด้านนอกยังดังต่อไม่ขาด แล้วยังเหมือนว่าจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนาน
นางขยับตัวเล็กน้อยเพื่อไล่ความเมื่อยที่เริ่มเกาะกุมตัวนางให้คลายออก
“คุณหนูท่านอยากให้บ่าวช่วยท่านลงมาขยับตัวสักครู่ไหมเจ้าคะ”
ติงหยู่คงเห็นว่ายามนี้นางนั่งได้ไม่ค่อยสบายนักจึงได้เอ่ยถาม
“ไม่เป็นไร ข้าทนได้” นางเอ่ยตอบสาวใช้ของตน
“เช่นนั้นให้บ่าวหยิบขนมให้คุณหนูรองท้องก่อนสักหน่อย หรือไม่เช่นนั้นดื่มชาดับกระหายสักแก้วเถอะเจ้าค่ะ” ด้วยความเป็นห่วง ติงหยู่จริงได้เอ่ยถามความต้องการของคุณหนูของนางเป็นการใหญ่
นางนั้นกลัวว่าคุณหนูของนางจะหิว ไม่ใช่แค่กลัวว่าคุณหนูของนางจะหิวต้องเอ่ยว่าคุณหนูของนางต้องหิวเป็นแน่ ก็ตั้งแต่ออกจากจวนสกุลเหลียงมาคุณหนูของนางยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย
ปล่อยไว้เช่นนี้คงไม่ดีแน่ อีกอย่างที่โต๊ะในห้องหอนี้บนโต๊ะก็มีอาหารและของกินเล่นอยู่หลายอย่างคุณหนูของนางควรกินรองท้องรอสักหน่อยจึงจะดีมิใช่เหรอ
“ไม่เป็นไร ข้ายังไม่อยากกินสิ่งใด” เสียงเรียบเอ่ยตอบเพียงสั้นๆ
ทำเอาติงหยู่ที่ได้ยินอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้
ส่วนตัวของเหลียงซูเมิ่งนั้นไม่ใช่ว่านางไม่รู้สึกหิว จะว่าหิวแน่นอนว่าย่อมมีความรู้สึกหิวอยู่ แต่ความรู้สึกหิวนี้หากเทียบกับความรู้สึกตื่นเต้นของนางในตอนนี้ยังนับว่าน้อยอยู่บ้าง
ตั้งแต่นางได้ก้าวเข้ามในห้องหอนี้ ตั้งแต่ได้นั่งอยู่บนเตียงเพื่อรอคอยให้เจ้าบ่าวกลับมาเปิดผ้าคลุมหน้าของนาง ตัวนางก็ไม่กล้าพอที่จะลุกขึ้นหากเจ้าบ่าวของนางอย่างเว่ยมู่เหยียนยังไม่เข้ามา
หนึ่งก้านธูปต่อมาเสียงพูดคุยดังขึ้นจากหน้าห้องหอ เพียงไม่นานเสียงประตูห้องด้านนอกก็ถูกเปิดเข้ามา เหลียงซูเมิ่งนั่งตัวเกร็งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ครั้นเมื่อเจ้าของร่างหนามาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าของนางร่างบางยามนี้อดที่จะยิ่งรู้สึกทำตัวไม่ถูกไม่ได้
“คาราวะคุณชายเว่ย ข้าน้อยเป็นบ่าวของคุณหนูนามว่าติงหยู่เจ้าค่ะ” ติงหยู่เอ่ยแนะนำตัวเองพร้อมคาราวะสามีของคุณหนูของนางอย่างรู้หน้าที่
ด้านเว่ยมู่เหยียนก็พยักหน้ารับรู้ เบื้องหน้ายังคงทอดมองไปยังเจ้าสาวของตนซึ่งนั่งอยู่บนเตียง
“คุณชายเว่ย คันชั่งเจ้าค่ะ”
ติงหยู่โค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะยืนถาดที่มีคันชั่งไปให้คุณชายเว่ยซึ่งยามนี้ถือว่าได้กลายมาเป็นเจ้านายของนางอีกผู้หนึ่งแล้ว (คันชั่ง คือไม้ที่ใช้สำหรับเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว มีความหมายว่าสมความปรารถนา)
เว่ยมู่เหยียนหยิบคันชั่งมาถือเอาไว้ก่อนจะก้าวไปหยุดอยู่ที่ด้านหน้าเจ้าสาว เขาค่อยๆใช้คันชั่งเกี่ยวผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก
เมื่อผ้าคลุมหน้าถูกเปิดออกแล้ว เว่ยมู่เหยียนก็จัดการวางคันชั่งและผ้าคลุมหน้าเจ้าสาววางลงในถาดที่สาวใช้ของภรรยามาดๆของเขาถืออยู่
ติงหยู่ถือถาดในมืออย่างมั่นคงก่อนจะย่อตัวให้เจ้านายทั้งสองก่อนจะเอ่ยขึ้น
“บ่าวของให้พวกท่านมีแต่ความสุขนะเจ้าคะ” พอเอ่ยจบก็ถอยหลังเติมที่จะเดินออกจากห้องหอ ปล่อยให้เจ้านายทั้งสองของนางได้อยู่กันตามลำพัง แต่นางเพียงก้าวถอยออกไปได้สามก้าว กับโดนคุณชายเว่ยเจ้านายคนใหม่ของนางเรียกไว้เสียก่อน
“เมื่อครู่ก่อนข้ามาสั่งให้คนไปนำอาหารชุดใหม่มาให้ เจ้าไปดูให้ทีว่าอาหารที่ข้าสั่งได้หรือยัง อย่าลืมให้คนมาเก็บอาหารบนโต๊ะออกไปด้วย” เว่ยมู่เหยียนเอ่ยสั่งเสียงเรียบ
ด้านติ่งหยู่เมื่อได้ฟังที่สั่งแม้จะชะงักไปอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็รีบรับคำและออกไปจัดการทันที “บ่าวทราบแล้วจะไปจัดการให้ทันทีเจ้าค่ะ”
ครั้นเมื่อสาวใช้คนสนิทของนางออกไปแล้ว ในห้องหอจึงเหลือเพียงนางกับสามีมาดๆผู้ด้วยกันเพียงสองคน บรรยากาศในห้องหอแห่งนี้เงียบลงทันทีเมื่อไม่มีเสียงพูดคุยใดๆภายในห้องแห่งนี้
