ตอนที่ 12 วันมงคล2
“ท่านแม่ให้เจ้าสามเล่มเหมือนกับตอนที่พี่ออกเรือนใช่หรือไม่”
นางพยักหน้ารับคำพี่สาวพลางก้มหน้าลงมองมือของตน นางในตอนนี้ไม่รู้ว่าควรจะทอดสายตาของตนไปที่ใดทีแล้ว
“เรื่องราวในหนังสือเล่านั้นไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร ประเดี๋ยวนานไปเจ้าก็จะกระจ่างเอง จำเอาไว้ให้ดีเรื่องนี้เจ้ายิ่งไม่ต้องกังวล”
นางแทบอยากจะเอ่ยออกไปว่าห้ามไม่ให้พี่สาวของนางพูดต่ออีก แต่ติดอยู่ที่สิ่งที่พี่สาวนางพูดนั้นล้วนพูดออกมาเพื่อนางทั้งสิ้น
แต่เหมือนสวรรค์จะรู้ถึงความอึดอัดใจของนาง จึงได้ส่งติงหยู่กลับมาเสียที พอติงหยู่มานั้นแหละพี่สาวนางจึงได้หยุดเอ่ยถึงเรื่องหนังสือไปในทันที ราวกับเมื่อครู่ไม่ได้พูดถึงเลยด้วยซ้ำ
แน่นอนว่านางย่อมรู้ว่าเรื่องหนังสือลับนี้ไม่ควรจะมีใครรู้มากนัก แม้แต่สาวใช้คนสนิทของนางก็ด้วย จึงได้แต่ทำเฉยๆไปกับผู้เป็นพี่สาว
น้ำชาสงบใจที่ติงหยู่ยื่นให้ถูกนางดื่มหมดในคราเดียว นางดื่มไปถึงสามแก้วถึงได้ค่อยรู้สึกดีขึ้น
หลังจากนั้นไม่นานสาวใช้ที่อยู่ด้านหน้าก็เข้ามารายงานว่าขบวนรับเจ้าสาวมาถึงแล้ว ให้นางเตรียมตัวไปขึ้นเกี้ยวได้ พี่สาวนางจึงได้จัดแจงนำผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวให้คลุมให้ก่อนที่ติงหยู่จะช่วยประคองนางออกจากเรือนเพื่อตรงไปยังหน้าประตูหน้าจวน
ทางด้านเว่ยมู่เหยียนนั้นหลังจากที่เขาทำการเข้าไปเคารพศาลบรรพชนของสกุลเหลียงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ออกมายืนรอรับเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวที่นอกประตูจวน
ระหว่างรอรับเจ้าสาว ตัวเขาจึงได้มีโอกาสสนทนากับท่านพ่อตาและก็ท่านแม่ยายที่มารอยืนส่งเจ้าสาวขึ้นเกี้ยว ท่านทั้งสองพูดคุยกับเขาอย่างยิ้มแย้ม คำพูดก็มีแต่ประโยคฝากฝังลูกสาวให้เขาดูแล ซึ้งแน่นอนว่าเขานั้นรับปากอย่างหนักแน่นแสดงให้เห็นถึงความพึงพาได้ของตนอย่างเต็มที่
หลังจากนั้นไม่นานขบวนเจ้าสาวที่กำลังเดินออกมาตามทางเดินด้านในภายในเรือนด้านหลังของสกุลเหลียง แม้เขาจะมองจากด้านนอกเข้าไปก็ยังสามารถมองเห็นได้อยู่ ขบวนเดินของเจ้าสาวนั้นด้านหน้าจะมีสาวใช้เดินนำหน้ามาก่อนสี่คนในมือของสาวใช้ทั้งสี่จะถือพัดยาวไขว้กันเอาไว้ ด้านหลังจากสาวใช้จึงจะเป็นเจ้าสาวของเขาที่ถูกประคองด้วยสาวใช้ผู้หนึ่ง เจ้าสาวของเขานั้นนางคลุมผ้าสีแดงในมือถือพัดด้ามหนึ่งเอาไว้
จวบจนนางเดินมาถึงหน้าประตูจวนท่านพ่อตาของเขาจึงประคองนางข้ามประตูจวนมาด้วยตัวเอง แล้วจึงส่งมือของนางให้เขาต่อ แน่นอนว่าเว่ยมู่เหยียนโค้งศีรษะให้ท่านพ่อตาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะกุมมือเจ้าสาวตนเพื่อพานางเดินไปส่งเข้าเกี้ยว
ระหว่างทางเดินไปถึงเกี้ยวเจ้าสาว แม้จะเป็นเวลาไม่นานที่เขาได้สัมผัสมือของนาง แต่ก็รู้สึกได้ว่ามือของนางช่างเย็นเหลือเกิน จนอดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าที่มือของนางเย็นเช่นนี้เป็นเพราะตื่นเต้นกับพิธีหรือว่านางกำลังป่วยกันแน่
เมื่อส่งเจ้าสาวตนขึ้นเกี้ยวจนเสร็จ เขาจึงได้เดินกลับมาที่หน้าขบวน เพื่อเตรียมตัวขึ้นม้า เพื่อนำขบวนเจ้าสาวไปยังจวนสกุลเว่ยของเขาเพื่อทำพิธีต่อ
“เมื่อครู่ช่างเป็นภาพที่หาชมได้อยากนัก” นี่เป็นคำพูดของลู่จินอู่ยืนอยู่ด้านหน้าขบวน
“ข้าเห็นด้วยกับเจ้า หาชมได้ยาก หาชมได้อยากยิ่ง” ห่านตี้อัน เองก็เอ่ยขึ้นอย่างจงใจหยอกเจ้าบ่าวซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเขาและลู่จินเช่นกัน
แน่นอนว่าเมื่อทั้งสองพูดเช่นนั้นย่อมไม่รอดพ้นถูกสายตาเอาเรื่องของเจ้าบ่าวส่งมาให้ครั้งหนึ่งก่อนที่จะกระโดดขึ้นม้าไป เพียงไม่นานขบวนรับเจ้าสาวจึงได้ออกเดินทางไปยังสกุลเว่ยเพื่อทำพิธีแต่งงานต่อที่บ้านของเจ้าบ่าว
ขบวนแต่งงานแน่นอนว่าทั้งครื้นเครงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน มโหรีบรรเลงตลอดทางไม่มีหยุด จงกระทั่งไปถึงจวนสกุลเว่ยบ่าวสาวทั้งสองจึงได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน หลังจากนั้นเจ้าสาวก็ถูกส่งตัวเข้าห้องหอ
พิธีแต่งงานที่นับว่ายุ่งยากจึงนับว่าเสร็จสิ้นลงแล้วสามในสี่ส่วน ด้านเจ้าสาวหลังจากถูกส่งตัวเข้าเรือนหอแล้ว แต่ฝ่ายเจ้าบ่าวกับถูกลากออกมาให้ดื่มฉลองกับแขกต่อเสียก่อน ยามนี้ในห้องหอจึงเหลือเพียงเจ้าสาวเพียงผู้เดียวที่เป็นผู้เฝ้าหออยู่ ส่วนทางด้านเจ้าบ่าวนั้นยังไม่สามารถทราบแน่ชัดได้ว่าจะถูกปล่อยกลับเข้าห้องหอเมื่อใด
แต่เห็นทีว่าจะไม่ง่ายเพราะทั้งสองเพื่อนสนิทของเว่ยมู่เหยียนอย่างลู่จินอู่และห่านตี้อันคงไม่ปล่อยเจ้าบ่าวกลับเข้าห้องหอได้อย่างง่ายๆเป็นแน่
