ตอนที่ 6 ฉินหวังเฟยกับการตามหาตัวท่านอ๋อง2
หนึ่งก้านธูปต่อมานางก็มาถึงถนนอี้เซียงโดยได้ผู้นำทางเป็นหลานชายคนเฝ้าประตูจวนฉินอ๋อง
“พี่สาวข้างหน้าก็เป็นหอจูหลันที่ข้าเคยได้ยินมาว่าท่านอ๋องชอบแวะมาดื่มชาที่นี่บ่อยครั้ง ท่านต้องการให้ข้าเข้าไปด้วยหรือไม่ขอรับ” เด็กชายเอ่ยถามพี่สาวที่จ้างเขาให้นำทางมา เห็นว่าพี่สาวคนนี้เป็นสาวใช้คนสนิทที่พระชายาพามาด้วยจากบ้านเดิมด้วย ในเมื่อเป็นคนสนิทของพระชายาไม่ใช่ว่ายิ่งเขาให้ความช่วยเหลือต่อนางให้มากๆ ภายหน้าย่อมได้รับสิ่งตอบแทนมากมายหรอกหรือ แม้เขายังยังเด็กแต่ก็รู้ว่าการเอาใจผู้เป็นนางเป็นสิ่งที่ควรกระทำหากหวังก้าวไกลในภายหน้า
“ข้าเข้าไปเองได้ เจ้ากลับจวนไปเถอะ” นางเอ่ยตอบกลับเด็กชาย อีกทั้งไม่ลืมที่จะให้เงินอีกส่วนที่เหลือแก่เขาไปด้วยตามสัญญา
เด็กชายดีใจที่ได้เห็นเงินในมือ เขาไม่ลืมที่จะเอ่ยทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนแยกกันว่า “ขอบคุณท่านมากพี่สาว ครั้งหน้าท่านมีเรื่องอะไรก็สามารถเรียกหาข้าได้”
“ขอบใจมากเจ้าไปเถอะ”
เด็กน้อยผู้นำทางจากไปแล้ว ต่อจากนี้เป็นหน้าที่นางที่จะต้องตามหาท่านอ๋องด้วยตัวเอง เป็นเพราะร้อนใจต้องการนัดแนะแผนการกับท่านอ๋องให้เสร็จสิ้นนางถึงขั้นออกมาตามหาท่านอ๋องด้วยตัวเอง แม้จะเป็นเรื่องไม่ควรทำเท่าใดนัก แต่ในเมื่อใจมันร้อนรนจนรั้งรออยู่ไม่ไหวก็ต้องทำเสียอย่างที่ใจคิด
ครานั้นอาเฟิงกล่าวว่าท่านอ๋องโปรดปรานทิวทัศน์ยามค่ำคืน แต่เมื่อนางมาถึงหอจูหลันแล้วจึงเข้าใจว่าทิวทัศน์ยามค่ำคืนนั้นอาจจะไม่ใช่เพียงแค่บรรยากาศโดยรอบและสิ่งปลูกสร้างที่สวยงาม หากแต่เป็นเหล่ามวลบุปผาหลากหลายที่กำลังผลิบานในยามค่ำคืนต่างหากเล่า อีกทั้งพระองค์คงไม่มาที่นี่เพียงเพื่อดื่มชาแน่ๆเป็นไปได้มากกว่าว่าทรงมาดื่มสุราหาใช้ดื่มชาอย่างที่เด็กชายผู้นำทางบอกเอาไว้
แน่นอนว่าหอจูหลันแห่งนี้แม้จะเป็นสถานที่สำหรับบุรุษแต่แล้วอย่างไร นางรู้ว่าที่นี่ไม่มีสิ่งใดที่ใช้เงินซื้อไม่ได้ จึงจัดแจงให้เงินสตรีผู้หนึ่งซึ่งเห็นว่าเป็นผู้ดูแลหอจูหลันแห่งนี้เพื่อให้นางเปิดทางให้
พูดคุยขอร้องธรรมดาอย่างไรก็คงไร้ผล แต่เมื่อนางยื่นถุงเงินให้ก็เป็นอันไร้ปัญหา อีกทั้งยังได้บ่าวชายผู้หนึ่งมาเป็นผู้นำทางให้อีกด้วย
ก่อนที่นางจะก้าวเท้าเข้ามาในหอจูหลันโชคดีที่ทันได้ใช้ผ้าปกปิดใบหน้าเอาไว้ครึ่งหนึ่งเสียก่อน ทำให้ในตอนนี้นางค่อนข้างจะมั่นใจว่าจะไม่มีใครที่บังเอิญรู้จักนางแล้วยังบังเอิญอยู่ที่นี่ในเวลานี้พอดีมาเจอนางเข้า เพราะหากเป็นเช่นนั้นคงยากที่จะแก้ไขได้
“แม่นางท่านนี้ ไม่ทราบว่าท่านต้องการให้ข้าน้อยนำทางท่านไปที่ใดขอรับ” บ่าวชายที่ดูท่าทางนอบน้อมเป็นอย่างยิ่งเอ่ยถามนางขึ้นเมื่อพวกนางเดินมาหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งที่ค่อนข้างจะไร้คนสัญจร
“ที่นี่มีที่ใดที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้สวยงามเป็นพิเศษหรือไม่ ข้าอยากไปที่นั่น” นางเลือกที่จะถามหาสถานที่แทนที่จะถามหาคน เพราะนางพอจะคิดได้ว่าท่านอ๋องคงไม่เข้ามาในที่แห่งนี้ในฐานะที่เปิดเผยแน่
“แม่นางคงหมายถึงห้องใหญ่สุดที่บนชั้นสามของหอจูหลันแห่งนี้กระมังขอรับ ข้าน้อยเคยได้ยินมาว่าที่ห้องนั่นมีระเบียงเปิดกว้างสามารถนั่งมองดูทิวทัศน์ได้ขอรับ”
“เช่นนั้นก็พาข้าไปที่ๆเจ้าเอ่ยมานั่นแหละ”
“ขอรับ เช่นนั้นเชิญแม่นางตามข้าน้อยมาทางนี้ขอรับ” บ่าวชายรับคำก่อนจะเริ่มเดินนำทาง แต่ยังไม่ทันที่จะนำทางได้ถึงไหนก็ถูกเรียกให้หยุดเสียก่อน
“ข้านึกได้อีกเรื่อง เจ้าช่วยตอบมาก่อนเถอะ”
“ขอรับ เชิญแม่นางถามมาได้”
“ดาวเด่นแห่งหอจูหลัน คือใคร ยามนี้อยู่ที่ใดหรือ” นางเอ่ยถามออกไป
“ดาวเด่นขอหอจูหลัน คือแม่นางหยุนเซียงขอรับ ยามนี้นางก็น่าจะอยู่ที่ห้องใหญ่ที่ชั้นสามเช่นกันขอรับ”
เมื่อได้ยินคำตอบจากบ่าวชายผู้นี้แล้วเหตุใดในใจนางกลับรู้สึกหวิวไหว แปลกๆก็ไม่ทราบ ทั้งที่ในใจนางก็คิดเอาไว้อยู่แล้ว หากเป็นท่านอ๋องที่อยู่ในห้องใหญ่ชั้นสามในเวลานี้จริงๆการที่ดาวเด่นแห่งหอจูหลันอยู่ที่นั่นด้วยนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกินความคาดหมายอยู่แล้ว แต่เหตุใดเล่าใจนางถึงได้รู้สึกเช่นนี้
